การที่ลูกเจริญเติบโตสมวัยเป็นเรื่องดี แต่หากลูกตกอยู่ในภาวะ “เป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย” อาจไม่ใช่เรื่องดีนักหากลูกมีความเปลี่ยนแปลงทางสรีระก่อนวัยอันควรเช่น เด็กหญิงมีไตเต้านมขึ้นก่อนอายุ 8 ปี หรือมีประจำเดือนก่อนอายุ 9 ปี ร่วมกับมีประวัติสูงเร็ว หรือเด็กชายมีอัณฑะขนาดใหญ่ก่อนอายุ 9 ปี มีขนรักแร้ หนวด หรือกลิ่นตัวร่วมด้วย นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนที่ควรรีบรักษา
พญ.อลิสา กุลปิยะ กุมารแพทย์ต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิสม ศูนย์กุมารเวช รพ.กรุงเทพ ให้ข้อมูลว่า ภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย หรือสภาวะที่เด็กโตเร็วกว่าปกติ (Precocious Puberty) พบได้ในเด็กทั้งเพศหญิงและชาย โดยจะพบในเด็กหญิงมากกว่าเด็กชายประมาณ 8 – 20 เท่า โดยพ่อแม่ผู้ปกครองจำเป็นที่จะต้องหมั่นสังเกต เพราะมักมีความผิดปกติแอบแฝงอยู่เกิดจากมีฮอร์โมนเพศมากเกินไป โดยส่วนใหญ่เป็นความเปลี่ยนแปลงทางสรีระ
การเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย เกิดผลกระทบทั้งร่างกายและจิตใจ ด้านร่างกาย คือ ฮอร์โมนเพศจะทำให้กระดูกโตเร็ว และหยุดการเจริญเติบโต สิ่งที่ตามมาคือ ระยะเวลาการเจริญเติบโตในวัยเด็กจะสั้นลงกว่าเด็กปกติจึงทำให้เตี้ยเมื่อเป็นผู้ใหญ่ นอกจากนี้เด็กอาจรู้สึกว่าตัวเองมีรูปร่างแตกต่างไปจากเพื่อนๆ วัยเดียวกัน อาจทำให้โดนล้อเลียนและมีพฤติกรรมแยกตัว ส่วนปัญหาด้านจิตใจในเด็กชาย เนื่องจากการเป็นหนุ่มก่อนวัยฮอร์โมนเพศชายจะสูงกว่าปกติ นำไปสู่การมีพฤติกรรมก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง มีอารมณ์ทางเพศ วิธีตรวจวินิจฉัยคือ เมื่อสงสัยว่าเด็กเป็นหนุ่มสาวก่อนวัยให้รีบเข้ารับการตรวจร่างกายกับกุมารแพทย์ด้านต่อมไร้ท่อในทันที
วิธีการสังเกต ร่างกายเด็กผู้ชาย (ก่อน 9 ขวบ) ที่เป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย ดังนี้ 1.อัณฑะและองคชาตโต 2.เริ่มมีขนบริเวณอวัยวะเพศและรักแร้ 3.นมแตกพาน เสียงแหบห้าว 4.กล้ามเนื้อเป็นมัด สิว หน้ามัน มีกลิ่นตัว 5.ส่วนสูงเพิ่มเร็ว มีหนวดร่างกาย สำหรับเด็กผู้หญิง (ก่อน 9 ขวบ) 1.เต้านมโตขึ้น 2.เริ่มมีขนบริเวณอวัยวะเพศและรักแร้ 3.รูปร่างเปลี่ยนไป เช่น เอวคอด สะโพกผาย 4.มีตกขาว มีประจำเดือน 5.สิวเริ่มขึ้น หน้ามัน มีกลิ่นตัว 6.ส่วนสูงเพิ่มเร็ว
ทั้งนี้ นอกจากการสังเกตลักษณะร่างกายภายนอก การตรวจร่างกายและประเมินการเจริญเติบโตแล้ว แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยตามขั้นตอน เช่น 1.ซักประวัติโดยแพทย์ที่ชำนาญการเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เด็กมีภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยและรักษาตามสาเหตุนั้น 2.ตรวจอายุกระดูก 3.ตรวจเลือดวัดระดับฮอร์โมน 4.ตรวจ MRI สมองเพื่อหาสาเหตุของโรค 5.ทำอัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนล่าง เพื่อหาสาเหตุและประเมินขนาดมดลูกและรังไข่ซึ่งในส่วนของการรักษาแพทย์จะรักษาตามสาเหตุที่เกิด หรือใช้การฉีดยาควบคุมฮอร์โมนเพศ และประเมินการรักษาเป็นระยะๆ
เพราะเด็กเป็นวัยที่ต้องการการดูแล เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พัฒนาการทางด้านจิตใจที่ดี เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตตามวัยอย่างเหมาะสมเพิ่มศักยภาพในการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่
หากผู้ปกครองสงสัยหรือไม่แน่ใจว่าบุตรหลานเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยหรือไม่ ควรพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างแน่ชัดจะได้รู้ว่าเด็กควรได้รับการรักษาหรือไม่ เพราะในบางกรณีหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เด็กหยุดเจริญเติบโตก่อนวัยอันควรได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์กุมารเวช รพ.กรุงเทพโทร. 02-310 3006 02-755 1006 call center โทร.1719 หรือ www.bangkokhospital.com