การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ภายใต้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดแถลงข่าว ผลการดำเนินงานเนื่องในโอกาสครบรอบ 48 ปี การเคหะแห่งชาติ ที่ผ่านมา กคช. พัฒนาที่อยู่อาศัยไปแล้ว กว่า 742,000 หน่วย โดยดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ “การเคหะแห่งชาติ เป็นองค์กรสมรรถนะสูง ในการพัฒนา ที่อยู่อาศัย ชุมชน และเมือง เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตที่ดี” พร้อมขับเคลื่อนโครงการสำคัญตอบสนองนโยบายรัฐบาล และกระทรวง พม. เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยที่อยู่ในชุมชนของการเคหะแห่งชาติมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติดำเนินงานมาครบรอบ 48 ปี ด้วยความภาคภูมิใจในภารกิจด้านพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนที่มีรายได้น้อยและปานกลางทั่วประเทศ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 จนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 รวมทั้งสิ้นจำนวน 742,975 หน่วย ประกอบด้วย โครงการบ้านเอื้ออาทร จำนวน 280,567 หน่วย โครงการเคหะชุมชน จำนวน 142,103 หน่วย โครงการเคหะชุมชน และบริการชุมชน จำนวน 27,317 หน่วย โครงการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดทั้งปรับปรุงชุมชนที่ดินเดิมและจัดหา ที่อยู่อาศัย จำนวน 233,964 หน่วย โครงการพิเศษและบริการชุมชน จำนวน 3,980 หน่วย โครงการเคหะข้าราชการ จำนวน 50,708 หน่วย โครงการแก้ไขปัญหาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 258 หน่วย โครงการที่พักอาศัยสำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏ จำนวน 2,374 หน่วย โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ จำนวน 845 หน่วย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง จำนวน 334 หน่วย และโครงการอาคารเช่า 525 หน่วย
สำหรับการในปี 2563 ที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 เช่นเดียวกับทั่วโลก การเคหะแห่งชาติในฐานะหน่วยงานที่มีชุมชนอยู่ในความดูแลทั่วประเทศ ได้มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19 ระหว่างเดือนเมษายน – เดือนมิถุนายน 2563 ทั้งด้านการเงินและด้านสังคม ด้านการเงิน 1. พักชำระค่าเช่าซื้อ 3 เดือน 2. ปลอดค่าเช่า 3 เดือน สำหรับลูกค้าอาคารเช่ารายย่อย รวมทั้งลูกค้าที่เช่าแผงตลาด และร้านค้ารายย่อย 3. ปลอดค่าเช่าสำหรับผู้เช่ารายย่อยที่ทำสัญญาเช่ากับผู้เช่าเหมาอาคาร 4. ลดค่าเช่า 50% และ 5. พักชำระ เงินมัดจำ/เงินจอง ด้านสังคม การเคหะแห่งชาติได้ลงพื้นที่ชุมชนเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจถึงมาตรการป้องกันตนเองให้กับผู้อยู่อาศัย รวมถึงการร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนจัดตั้งโรงครัวในชุมชน จัดทำข้าวกล่อง ปรุงสุก พร้อมจัดหาเครื่องอุปโภค-บริโภค และของใช้จำเป็นให้กับผู้อยู่อาศัยเพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายเบื้องต้นของผู้อยู่อาศัย
นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาฝีมือแรงงานและสร้างอาชีพให้แก่ช่างชุมชน และบูรณาการความร่วมมือกับ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน จัดกิจกรรม “นัดพบแรงงาน” และ “แนะแนวอาชีพ” แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชนของ กคช. เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้อยู่อาศัยในชุมชน สามารถสร้างอาชีพมีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว
การเคหะแห่งชาติยังได้ดำเนินการขับเคลื่อนตามนโยบายกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ ในโครงการ “พม. เราไม่ทิ้งกัน” ภายใต้แนวคิด “สำรวจให้พบ จบที่ชุมชน” เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในสังคม โดยการเคหะแห่งชาติได้ให้ความร่วมมือกับกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ย้ายครอบครัวคนหูหนวก จำนวน 10 ครอบครัว จากชุมชนคนหูหนวก ริมถนนพระราม 9 ย้ายมาอยู่โครงการบ้านเอื้ออาทรลาดหลุมแก้ว 2 จังหวัดปทุมธานี
และในปี 2564 ได้เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ การเคหะแห่งชาติได้กำหนดมาตรการช่วยเหลือลูกค้าใหม่ผ่าน 3 รูปแบบโปรโมชั่น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2564 ได้แก่ 1. โปรโมชั่นดอกเบี้ยเช่าซื้อ 0% เป็นเวลา 1 ปี สำหรับลูกค้าที่สถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อสามารถยื่นขอสินเชื่อ จากโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือทำสัญญาเช่าซื้อโดยตรงกับการเคหะแห่งชาติ พร้อมรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2. โปรโมชั่นลดราคา (Shock Price) โครงการบ้านเอื้ออาทร 56 โครงการ กำหนดราคาขายเงินสดหน่วยละ 250,000 – 520,000 บาท และ 3. โปรโมชั่นเช่าราคาพิเศษ 999 – 1,200 บาทต่อเดือนในปีแรก จำนวน 84 โครงการที่การเคหะแห่งชาติกำหนด
สำหรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกค้าปัจจุบันในปี 2564 ได้แก่ 1. ลดอัตราดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อ ที่อยู่อาศัย 2. ลดค่างวดเช่าซื้อที่อยู่อาศัยโดยขยายเวลาการผ่อนชำระ 3. ปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้าเช่าซื้อที่ค้างชำระค่าเช่าซื้อ และ 4. ส่วนลดค่างวดเช่าซื้อ 1,000 บาท สำหรับลูกค้าเช่าซื้อที่มีประวัติชำระดี ไม่มีหนี้ค้างชำระ
นอกจากมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แล้ว การเคหะแห่งชาติยังได้ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงบริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น โดยจัดทำโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 เห็นชอบในหลักการให้การเคหะแห่งชาติจัดทำโครงการดังกล่าว ในวงเงิน 5,207 ล้านบาท โดยปีงบประมาณ 2563 และปี 2564 สำนักงบประมาณได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้จำนวน 692.80 ล้านบาท สำหรับการดำเนินโครงการฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารการให้สินเชื่อเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย (คบส.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 โดยมีผู้บริหารระดับสูงของการเคหะแห่งชาติ รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ ร่วมทำหน้าที่บริหารการ ให้สินเชื่อเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ปัจจุบันได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้วจำนวน 114 ราย คิดเป็นวงเงินที่ปล่อยสินเชื่อ จำนวน 75.83 ล้านบาท
นอกจากนี้การเคหะแห่งชาติยังได้ดำเนินการระดมทุนผ่านการออกพันธบัตรเพื่อสังคม (Social Bond) จำนวน 6,800 ล้านบาท โดยได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการแบบให้เปล่าจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : AจDB) และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง โดยมีธนาคารออมสินเป็นผู้จัดการจัดจำหน่าย และกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย
ซึ่งการดำเนินการระดมทุนผ่านการออกพันธบัตรเพื่อสังคม (Social Bond) ในครั้งนี้ ใช้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ (Refinance) อันเนื่องมาจากโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย จำนวน 5 โครงการ และในปี 2564 การเคหะแห่งชาติตั้งเป้าหมายการออกพันธบัตรเพื่อสังคม หรือพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนเพื่อนำเงินที่ได้มาลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม ระยะที่ 2 อาคาร A1 สูง 32 ชั้น 1 อาคาร
635 หน่วย รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมจากแฟลตที่ 9 – 17 และแฟลตที่ 63 – 64 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างประมาณเดือนเมษายน 2564 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2566 และอาคาร D1 สูง 35 ชั้น 1 อาคาร 612 หน่วย รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมจากแฟลตที่ 23 – 32 ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง รองรับผู้อยู่อาศัยใหม่ ระยะที่ 3 และ 4 จำนวน 13,746 หน่วย (แปลง D2, แปลง E และแปลง B) รองรับข้าราชการ และประชาชนทั่วไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนแนวทางการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน
สำหรับในปี 2564 การเคหะแห่งชาติเตรียมขับเคลื่อนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเคหะสุขประชา และเศรษฐกิจสุขประชา จำนวน 20,000 หน่วย (ทั่วประเทศ) โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เกษียณอายุ “บ้านเกษียณสุข” โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ Senior Complex โครงการที่อยู่อาศัยตามแนวโครงข่ายคมนาคม (TOD) และ โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐให้เป็นไปตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579 (Housing For All)