วันที่ 16 ธันวาคม 2564 เวลา 14.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดป้ายสำนักงานประสานงานทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการค้าเขตเซินเจิ้น ประจำประเทศไทย และศูนย์เจรจาการค้าและนิทรรศการสินค้าจากผู้ประกอบการนักธุรกิจเขตเซินเจิ้น พร้อมด้วยนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ Mr.Han Zhiqiang เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย Mr.Huang Min รองนายกเทศมนตรีเมืองเซินเจิ้น และนายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน นายชองทอง ซิ นายกสมาคมนักธุรกิจเซินเจิ้น ประเทศไทย ที่สมาคมนักธุรกิจเซินเจิ้นประเทศไทย อาคาร TCT Group พัฒนาการ 20 กรุงเทพมหานคร
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา การค้าระหว่างไทย – จีน มีบทบาทสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยเป็นอย่างยิ่ง โดย 10 เดือนแรกของปี 2564 การค้าไทย-จีน มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 2.68 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19.3 ของการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของไทย มีอัตราขยายตัวสูงถึงร้อยละ 31.95 และเซินเจิ้นยังเป็นหนึ่งในด่านที่สำคัญที่นำเข้าผลไม้ของไทยสู่จีนแผ่นดินใหญ่
หนึ่งในนโยบายรัฐบาลของจีนที่ตนชื่นชม คือ นโยบายการพัฒนาเซินเจิ้นจากหมู่บ้านชาวประมง ให้กลายเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ใหญ่ที่สุดในจีนอย่างทุกวันนี้ กระทรวงพาณิชย์ไทย มีนโยบายสร้างพันธมิตรกับจีน โดยคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละพื้นที่ในประเทศจีน และแสวงหาความร่วมมือโดยบูรณาการศักยภาพของทั้งสองฝ่าย ในรูปแบบความตกลงทางการค้า หรือความร่วมมืออื่นใด ตามความเหมาะสม ซึ่งผมขอใช้คำเรียกง่ายๆ ว่า “MINI-FTA” เป็นความตกลง หรือความร่วมมือที่จัดทำขึ้นรวดเร็วกว่าการเจรจาเต็มรูปแบบ สามารถตอบโจทย์ยุคดิจิตอลในปัจจุบัน ทั้งนี้ เซินเจิ้นถือเป็นเมืองลำดับต้น ๆ ที่มีศักยภาพที่จะร่วมมือกับประเทศไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมโซล่าร์เซลล์ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม
ประเทศไทยมีความโดดเด่นทั้งในฐานะผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร และยังเป็นประเทศผู้ส่งออกรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์
ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างไทยและเซินเจิ้น จะช่วยให้ประเทศไทย สามารถนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเซินเจิ้นมีความเชี่ยวชาญในฐานะที่เป็นฐานการผลิต มาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ด้านเกษตรและอาหาร ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น รวมทั้ง จะช่วยขยายตลาดตามแนวเส้นทาง Belt and Road ภายใต้ห่วงโซ่อุปทานเดียวกันได้อีกด้วย และประเทศไทยก็มีความพร้อมที่จะเป็นสะพานเพื่อเชื่อมโยงความร่วมมือสู่อาเซียน
ตนขอถือโอกาสให้วันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศไทย โดยกระทรวงพาณิชย์กับประเทศจีน โดยเมืองเซินเจิ้น ในรูปแบบ MINI-FTA เพื่อให้พี่น้องชาวไทยและชาวจีนได้ขยายความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เช่น ที่นำร่อง MINI-FTA กระทรวงพาณิชย์ไทยกับไห่หนานของจีนไปแล้ว ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ตนเชื่อมั่นว่า สำนักงานประสานงานทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการค้าเขตเซินเจิ้น ประจำประเทศไทย จะมีส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจการค้าไทยสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ และหวังว่าสำนักงาน ฯ จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ MINI-FTA หรือความร่วมมือระหว่างไทย-เซินเจิ้น ประสบความสำเร็จ และมีการลงนามในอนาคตอันใกล้
และขออวยพรให้สำนักงานประสานงานทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการค้าเขตเซินเจิ้นประจำประเทศไทย ดำเนินงานได้อย่างราบรื่น ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์และขอให้ผู้เข้าร่วมงานในวันนี้ มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง มีแรงใจที่แข็งแกร่ง เพื่อร่วมกันพัฒนา นำพาเศรษฐกิจไทย-จีนไปสู่ความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป