นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า แม้จะอยู่ในช่วงของสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง แต่บริษัทฯ ยังมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,136.67 ล้านบาท เติบโต 30.02 % จากปี 2563 ที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,622.25 ล้านบาท โดยรายได้จากโครงการคอนโดมีเนียม จำนวน 1,370.89 ล้านบาท คิดเป็น 65.53% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 72.03% ส่วนรายได้จากโครงการแนวราบ จำนวน 721 ล้านบาท คิดเป็น 34.47% ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 12.45 % บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 70.13 ล้านบาท ลดลง 39.26% จากปี 2563 ที่บริษัทมีกำไร 120.44 ล้านบาท
ขณะเดียวกันในการประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา ได้มีมติจ่ายเงินปันผล 0.0259 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทจะนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1 เม.ย. 2565 ณ ห้องแมนดารินเอ ชั้น 1 โรงแรมแมนดาริน ถนนพระราม 4 แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เพื่อขอมติอนุมัติต่อไป โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่12 เมษายน 2565 และบริษัทมีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2565
พร้อมกันนี้ ยังมีการขออนุมัติออกหุ้นกู้แปลงสภาพซึ่งผู้ถือหุ้นทุกคนมีสิทธิ์จองซื้อหุ้นแปลงสภาพดังกล่าวได้ จำนวนรวมไม่เกิน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นเพื่อเป็นเงินลงทุนเพิ่มเติมในโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนโครงการใหม่ในอนาคต จำนวนไม่เกิน 250 ล้านบาท และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 50 ล้านบาท มีสัดส่วนการจัดสรรแก่ผู้ถือหุ้นเดิม 4,251 หุ้นเดิม : 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ (กรณีมีเศษจากการคำนวณให้ตัดทิ้งทุกกรณี) ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ รายใดที่ถือหุ้นต่ำกว่า 4,251 หุ้น จะไม่มีสิทธิจองซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพตามสิทธิได้ (แต่สามารถจองซื้อเกินสิทธิของตนได้) พร้อมแจก Warrant ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่จองซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering) โดยไม่คิดมูลค่า (ศูนย์บาท) ในอัตราส่วน 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ ต่อ 1,000 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ครั้งที่ 2 (CHEWA-W2) ในราคา 1.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาตลาด
ด้านการลงทุน บริษัทฯวางแผนเพื่อหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการเพิ่มเติม ตามเป้าหมาย 6 โครงการ ภายในปี 2565 ในวงเงิน 5,000 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ แบรนด์ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค 2-3 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,800 ล้านบาท บ้านเดี่ยวแบรนด์ชีวารมย์ 2 โครงการ มูลค่า 1,500 ล้านบาท และทาวน์โฮมแบรนด์ชีวาโฮม 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท
ในปี 2565 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ 2,800-3,000 ล้านบาท เนื่องจาก 2 โครงการใหม่ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นปีแรก และโครงการเดิมที่ยังมี Backlog ทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับ 2 โครงการที่กำลังก่อสร้าง และคาดว่าจะรับรู้รายได้ตามกำหนดในปีนี้ ได้แก่ โครงการชีวาทัย ปิ่นเกล้า มูลค่าโครงการ 1,587 ล้าน พร้อมโอนและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2-3 ปี 2565 และโครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 (เฟส2) มูลค่าโครงการ 994 ล้านบาท ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากเฟส 1 ที่เปิดเมื่อปีที่ผ่านมาแล้ว โดยในเฟส 2 พร้อมโอนและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2565
“ชีวาทัย” ยังคงยึดมั่นด้านคุณภาพและบริการหลังการขายจาก “ชีวาแคร์” ตั้งเป้าก้าวขึ้นที่ 1 ในใจลูกค้าด้านคุณภาพและบริการ สำหรับกลุ่มบริษัทอสังหาฯ ช่วงรายได้ไม่เกิน 5 พันล้านบาท พร้อมกันนี้ยังคงเดินหน้ารักษาคุณภาพสินค้าให้ลูกค้าตรวจ Zero Defect ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าที่มาซื้อโครงการกับชีวาทัย ได้สิ่งที่ดีและมีคุณภาพสูงสุด ตั้งแต่บริการก่อนการขายตลอดจนถึงบริการหลังการขาย” นายบุญ ชุน เกียรติ กล่าว