ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วทุกภูมิภาคและรัฐบาลได้ออกข้อกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดนั้น ในวันที่ 25 มีนาคม 2563ตนพร้อมด้วยคณะผู้บริหารของสำนักงาน คปภ. ได้หารือร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัยผ่านระบบการประชุมทางจอภาพ โดยมี นายอานนท์วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และนางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เข้าหารือด้วย เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อกำหนดดังกล่าวและดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบแก่ประชาชนผู้ใช้บริการด้านการประกันภัยตลอดจนรับทราบสภาพปัญหา ข้อเสนอแนะและร่วมกันหาทางแก้ไขเพื่อบรรเทาผลกระทบแก่ประชาชนและอุตสาหกรรมประกันภัยในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19
ที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการออกมาตรการต่างๆ เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนด้านการประกันภัยรวมทั้งผ่อนคลายกฎเกณฑ์การกำกับดูแลเพื่อเยียวยาผลกระทบต่อภาคธุรกิจประกันภัย เช่นส่งเสริมให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยโดยเฉพาะ เพื่อคุ้มครองโรคที่เกิดจากไวรัสโควิด-19ซึ่งได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก มีการออกคำสั่งให้บริษัทสามารถลดเบี้ยประกันภัยได้ขยายระยะเวลาส่งรายงานทางการเงิน อนุญาตให้บริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัยปิดสาขา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยต้องจัดให้มีมาตรการในการรองรับการรับแจ้งเหตุการเจรจาตกลงชดใช้เงินตามกรมธรรม์และมาตรการอื่น เพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ รวมถึงต้องประชาสัมพันธ์ให้ผู้เอาประกันภัยทราบด้วยฯลฯ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19อาจยกระดับความรุนแรงขึ้น สำนักงาน คปภ. จึงขอความร่วมมือให้สมาคมประกันชีวิตไทยและสมาคมประกันวินาศภัยไทย รวบรวมสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อร่วมกันปรับแนวทางในการปฏิบัติงานและเตรียมความพร้อมในการรองรับการให้บริการและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยของประชาชนในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19
ด้านนางนุสรา (อัสสกุล)บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณทางสำนักงาน คปภ.ที่ออกมาตรการต่าง ๆเพื่อช่วยเยียวยาปัญหาแก่ประชาชนและบริษัทประกันภัยได้อย่างรวดเร็ว บริษัทประกันภัยได้มีแผนรองรับสถานการณ์นี้โดยการปฏิบัติงานจากที่บ้าน (WorkFrom Home) ใช้ระบบออนไลน์ในการปฏิบัติงาน แต่ยังคงมีความจำเป็นต้องเปิดทำการ เนื่องจากต้องให้บริการประชาชน เช่นกรณีการเบิกจ่ายค่าสินไหมทดแทน เงินครบกำหนดตามกรมธรรม์เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยได้รับการบริการที่สะดวกและรวดเร็ว แต่การปิดทำการเพียงบางส่วนก็จะสามารถลดคนเพื่อไม่ให้เดินทางได้ นอกจากนี้ยังได้หารือร่วมกันระหว่างบริษัทสมาชิก พบว่าจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้มีประชาชนสนใจทำประกันภัยกันมาก แต่ผู้ขายและผู้ซื้อ ไม่สามารถเจอกันได้โดยตรง ดังนั้นหากมีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เช่น รูปแบบช่องทางการเสนอขาย หรือผ่อนคลายมาตรการด้านเงินกองทุนต่างๆ ก็จะช่วยบรรเทาผลกระทบของธุรกิจประกันชีวิตในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้
ส่วน นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวด้วยว่า เห็นด้วยกับทางสมาคมประกันชีวิตไทย และขอเสนอเพิ่มเติมกรณีการส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือการต่ออายุกรมธรรม์หากมีการผ่อนคลายกรณีดังกล่าว โดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างบริษัทและผู้เอาประกันภัยก็จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน นอกจากนี้ สมาคมประกันวินาศภัยไทย ยังได้ร่วมหารือกับบริษัทสมาชิกแล้วเห็นด้วยกับสำนักงาน คปภ. ในการใช้มาตรการผ่อนคลายให้บริษัทประกันภัยรับชำระเบี้ยประกันภัยรถยนต์เป็นรายงวดได้โดยภาคธุรกิจประกันภัยพร้อมรองรับมาตรการดังกล่าว
“สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนรวมทั้งภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นอย่างยิ่งจึงได้บูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนมาตรการด้านประกันภัยในการช่วยเหลือและเยียวยาประชาชนรวมถึงภาคธุรกิจอย่างเต็มที่ การประชุมครั้งนี้ เป็นการรับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ และร่วมกันปรับแนวทางในการปฏิบัติงาน เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการให้บริการแก่ประชาชนผู้เอาประกันภัยในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19ซึ่งสำนักงาน คปภ. พร้อมที่จะออกมาตรการต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย