สมาคมประกันวินาศภัยไทย ย้ำเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนรู้ถึงสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ จากการปรับเพิ่มวงเงินความคุ้มครองของประกันภัย พ.ร.บ. ว่า ตามที่สมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมกับ สำนักงาน คปภ. กำหนดหลักเกณฑ์การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยปรับเพิ่มความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือ ประกันภัย พ.ร.บ. จากเดิม 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท โดยไม่ขึ้นค่าเบี้ยประกันภัยตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 10/2563 เรื่อง ให้ใช้แบบ ข้อความกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์รวมการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ประกันภัย และพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
ผู้ประสบภัยจากรถได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป ให้ได้รับการชดใช้ความเสียหายที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถตามวงเงินความคุ้มครองที่ปรับเพิ่ม การปรับเพิ่มความคุ้มครองในครั้งนี้ เป็นการยกระดับมาตรฐานในการพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เพื่อให้ผู้ประสบภัยจากรถทุกคนมีหลักประกันความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย อย่างเท่าเทียมกัน
สำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่มากขึ้น หรือต้องการความคุ้มครองทั้งชีวิตและทรัพย์สินด้วย แนะนำให้ทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจควบคู่กันไป ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกหลายรูปแบบ โดยจะให้ความคุ้มครองและมีค่าเบี้ยประกันภัยที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจให้เหมาะกับความเสี่ยงในการใช้รถ หรือเลือกความคุ้มครองที่ต้องการ ที่สำคัญควรคำนึงถึงความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันภัยในแต่ละปีอีกด้วย ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจนั้น ได้มีการปรับเพิ่มความคุ้มครองขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 500,000 บาท หากรถคันที่ประสบอุบัติเหตุมีทั้งกรมธรรม์ประกันภัย พ.ร.บ. และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนขั้นต่ำ 1,000,000 บาท ต่อราย
ทุกวันนี้ การใช้รถใช้ถนนในชีวิตประจำวันของเรานั้นมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลา ดังนั้น ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ และขับขี่รถด้วยความไม่ประมาท เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเองและคนอื่น ๆ ส่วนการทำประกันภัยรถนั้นจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น และที่สำคัญสามารถช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่ายจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย