กรุงเทพฯ 15 มีนาคม 2566 : ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทรานฟอร์เมชันด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น เผยผลประกอบการปี 2565 ทั่วโลกกวาดรายได้ 34,176 ล้านยูโร โตขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์ (organic growth) ล่าสุดได้รับยกย่องเป็นองค์กรที่ยั่งยืนที่สุดในโลก 12 ปีซ้อน พร้อมคว้าอันดับ 1 ในธุรกิจเดียวกันทั่วโลก ใน Global 100 Most Sustainable Corporations โดย Corporate Knights แย้มความสำเร็จในการสร้างความยั่งยืนคู่กับลูกค้าทั่วโลก ด้วยโซลูชันและบริการของชไนเดอร์ อิเล็คทริคช่วยให้ลูกค้าลดคาร์บอน ได้มากกว่า 90 ล้านตัน ในปี 2565 เพียงปีเดียว ปักธงโซลูชันไฮไลต์ ซอฟต์แวร์และโซลูชันดิจิทัลที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถดำเนินการด้านความยั่งยืนได้อย่างมั่นคง
สเตฟาน นูสส์ (Stephane NUSS) ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย เมียนมา และลาว ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าวว่า ปี 2565 นับเป็นปีที่โดดเด่นสำหรับ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในทั่วโลก ด้วยการบรรลุรายได้สูงสุดตลอดปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 34,176 ล้านยูโร โตขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์ (organic growth) จากปีที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้มาจากความก้าวหน้าอย่างแข็งแกร่งในแต่ละปี ควบคู่กับการได้จัดอันดับอยู่ในลิสต์รายชื่อ 100 Most Sustainable Corporations ประจำปี 2566 ซึ่งนับเป็นองค์กรที่ยั่งยืนที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 12 และเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน จากการจัดอันดับโดย Corporate Knights ที่สำคัญ ชไนเดอร์ฯ ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับที่ 1 ของบริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในโลกประจำปี 2564 อีกด้วย”
การร่วมกันต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ และสร้างความยั่งยืน นับเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับทุกธุรกิจในปัจจุบัน และเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ต้องอาศัยความร่วมมือกันในทุกระดับและทุกองค์กร เพื่อให้สามารถไปสู่ความยั่งยืนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยึดมั่นตามคำมั่นสัญญาด้านสภาพภูมิอากาศและสังคมอย่างมุ่งมั่น เช่น การลงทุนที่ยั่งยืน นโยบายสร้างความทัดเทียมทางเพศ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการสร้างความยั่งยืน รวมถึงการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยให้องค์กรไปสู่ความยั่งยืน ซึ่งโซลูชันและบริการของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกลดคาร์บอน ได้ 440 ล้านตันตั้งแต่ปี 2561 โดยเฉพาะในปี 2565 สามารถลดได้ถึง 90 ล้านตันเลยทีเดียว เรียกได้ว่า ช่วยให้องค์กรยั่งยืน และโลกยั่งยืนควบคู่กันไป เพราะการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้โลกรอด
สเตฟาน นูสส์ เผยต่อว่า “ที่ผ่านมาเราได้ควบรวมกิจการซอฟต์แวร์ระดับโลกที่มีความโดดเด่นเข้ามาเสริมทัพของ EcoStruxure เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งที่จะนำพาลูกค้าไปสู่ความยั่งยืนได้อย่างครบวงจรยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมอย่าง AVEVA, IGE+XAO และ ETAP สำหรับลูกค้าที่ใช้ระบบไฟฟ้าเป็นหลัก และซอฟต์แวร์ RIB, Planon สำหรับอาคาร เป็นต้น เพื่อมอบประสบการณ์ที่ครบวงจรในแบบ End to End ให้กับลูกค้าในตลาด และแน่นอนซอฟต์แวร์ทั้งหมดนี้สามารถเชื่อมต่อกับระบบของเราในการทำงานแบบ IoT ได้ ความครบครันเหล่านี้ ทำให้เราสามารถสร้าง Industry Twin และ Energy Twin ซึ่งเป็นโมเดลจำลองเสมือนของสถาปัตยกรรม อุปกรณ์ รวมไปถึงกระบวนการ ทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นความเป็นไปของระบบ และคาดการณ์ วิเคราะห์ การใช้พลังงาน และประสิทธิภาพของกระบวนการแบบเรียลไทม์ และแม่นยำ ช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างความยั่งยืนได้อย่างสมบูรณ์และลดความผิดพลาดทั้งก่อนและหลังการติดตั้งโซลูชั่นด้านความยั่งยืน”
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในประเทศไทย เป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนอย่างจริงจัง โดยในปี 2565 ยังได้ริเริ่มโครงการ Green Heroes for life เป็นโครงการด้านความยั่งยืน มีเป้าหมายเพื่อช่วยผลักดันชุมชนของพลเมือง ธุรกิจ และสถาบันที่มีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ให้มีกิจกรรมร่วมกัน เพื่อนําไปสู่วิถีปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมาปรับใช้ทั้งพลังงานทดแทน พลังงานแสงอาทิตย์ ระบบอัตโนมัติ ระบบดิจิทัล ตลอดจนแนวคิดใหม่ของการจัดการระบบไฟฟ้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ทั้งบุคคลและองค์กร เพื่อสร้างองค์กรและชีวิตที่ยั่งยืน โดยมีองค์กรที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทรูไอดีซี ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย อรุณพลัส WHA Utility and Power, STT GDC Thailand, DHL Supply Chain (Thailand) เป็นต้น
นอกจากนี้ เดือนกรกฎาคม 2566 นี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เตรียมจัดงานใหญ่ Innovation Summit Bangkok 2023 ซึ่งเป็นงานที่รวมเทคโนโลยีระดับโลกของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มาไว้ในที่เดียว เพื่อนำเสนอโซลูชันและเทคโนโลยีที่จะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและโลก