ฮ่องกง, 15 พฤษภาคม 2563 – กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) ประกาศผลประกอบการธุรกิจใหม่ ประจำไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563
อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ตามรายละเอียดด้านล่าง
· มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ลดลงร้อยละ 27 เป็น 841 ล้านเหรียญสหรัฐ
· เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ลดลงร้อยละ 18 เป็น 1,483 ล้านเหรียญสหรัฐ
· อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) ลดลง 6.9 จุด เป็นร้อยละ 56.6
· มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของประเทศจีนมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ในเดือนมีนาคม เมื่อเทียบจากเดือนที่แล้ว
· เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เป็น 8,796 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายอึง เค็ง ฮุย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “ผลกระทบทางอ้อมของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่ของเอไอเอโดยรวมมีการลดลงร้อยละ 27 ในไตรมาสแรกของปี 2563 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อธุรกิจของเราในฮ่องกง และประเทศจีนในช่วงไตรมาสแรก ในขณะที่ธุรกิจของเรานอกเหนือจากสองตลาดนี้ มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่ง ก่อนที่มาตรการกักตัวจะเริ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการชะลอตัวของธุรกิจในเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของเอไอเอ ในประเทศจีน มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นกว่าในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมของการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้น
“มาตรการควบคุมโรคยังคงจำกัดการพบเจอกันแบบเห็นหน้า ซึ่งเป็นวิธีการขายหลักที่ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ของเรา อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบรับมาตรการดังกล่าว ทีมงานของเราในประเทศจีน ได้เร่งพัฒนาและปรับปรุงเครื่องมือดิจิทัลใหม่ เพื่อให้สามารถทำการขายผ่านระบบดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการสรรหาตัวแทนใหม่และฝึกอบรมตัวแทนผ่านทางออนไลน์ จากความสำเร็จในการพัฒนาระบบในครั้งนี้ ทำให้ตัวแทนของเราในแต่ละประเทศสามารถทำการขายผ่านระบบดิจิทัล รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในระยะสั้น เพื่อเพิ่มยอดขายในระยะยาว อย่างไรก็ตาม เราคาดการณ์ว่าการพบเจอลูกค้าแบบเห็นหน้าอย่างน้อยหนึ่งครั้งยังเป็นสิ่งสำคัญของขั้นตอนการขายประกันชีวิต ในขณะที่เราพบว่าการสรรหาตัวแทนและการฝึกอบรมตัวแทนผ่านทางออนไลน์ในไตรมาสแรกนั้น ได้ช่วยสนับสนุนให้จำนวนตัวแทนใหม่ของกลุ่มบริษัทเอไอเอ มีการเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก
“สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในไตรมาสแรกนี้นับเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายและเราก็ได้เห็นผลกระทบอย่างมากของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี ลูกค้าของเรายังคงมั่นใจในความแข็งแกร่งทางการเงินของเอไอเอ คุณภาพและช่องทางการขายที่หลากหลาย รวมถึงการเป็นผู้นำในตลาดของเรา ซึ่งเรายังคงมุ่งมั่นในการมอบความคุ้มครองด้านสุขภาพและสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับลูกค้าของเรา ตลอดจนสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า ทีมงานของเราทำงานกันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพื่อสร้างผลประโยชน์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ทำให้ขั้นตอนการเรียกร้องสินไหมเป็นไปอย่างรวดเร็ว และการให้บริการเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ เรายังได้ให้การสนับสนุนชุมชนผ่านโครงการริเริ่มต่างๆ อาทิ การมอบสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองฟรีแก่ผู้ปฏิบัติงานทางการแพทย์ และการบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์
“แม้จะมีเหตุการณ์พิเศษในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ ผมยังคงเห็นว่าภาพรวมระยะยาวของเอไอเอจะเป็นไปในทิศทางที่ดี และธุรกิจจะมีการเติบโตมากขึ้น เรามีประสบการณ์อย่างมากในการบริหารจัดการธุรกิจท่ามกลางวิกฤตและวงจรตลาดต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้มามากกว่า 100 ปีในการดำเนินธุรกิจ ผมเชื่อมั่นว่าบริษัทที่ดีจะสามารถสร้างความแตกต่างให้กับตัวเองได้ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราให้ความสำคัญกับกระบวนการทำงานผ่านทางออนไลน์ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงวางตำแหน่งทางธุรกิจของเรา เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของความต้องการในผลิตภัณฑ์และบริการของเรา หลังจากมีการผ่อนคลายข้อบังคับต่างๆ ในระหว่างการแพร่ระบาด เอไอเอมีโอกาสทางธุรกิจอย่างมาก และเรามุ่งมั่นที่จะทำให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างมีคุณภาพ และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนสำหรับผู้ถือหุ้นของเราในระยะยาว
“เอไอเอ เป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง และผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้นำพาทีมที่น่าจดจำนี้ โครงการพัฒนาระบบดิจิทัลใหม่ๆ ของเรา เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 จะทำให้เอไอเอเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้น และผมเชื่อว่าคำมั่นสัญญาของเราในการช่วยเหลือผู้คนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น (Healthier, Longer, Better Lives) จะยังคงอยู่กับเราไปอีกหลายรุ่น”
สรุปผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) มีมูลค่า 841 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญของธุรกิจในฮ่องกงและประเทศจีน มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อแต่ละตลาด ซึ่งแน่นอนว่ากระทบต่อยอดขายธุรกิจใหม่ในฮ่องกงและประเทศจีนในไตรมาสแรกนี้ และส่งผลกระทบต่อธุรกิจใหม่ในประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทยในเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม เรามีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่ง ยกเว้นฮ่องกงและประเทศจีน ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2563
ทั้งนี้ ธุรกิจของเราได้ปรับตัวต่อผลกระทบจากการแพร่ระบาดที่เกิดในทั่วทั้งภูมิภาคด้วยความรวดเร็ว ทั้งในด้านการช่วยเหลือและสนับสนุนลูกค้า ตัวแทนประกันชีวิต พันธมิตรธุรกิจที่เป็นช่องทางการขาย และชุมชนต่างๆ เราได้ทำการพัฒนาและผสานนวัตกรรมด้านดิจิทัลใหม่ๆ ผ่านกระบวนการการขายและการให้บริการ รวมไปถึงความสามารถในการปิดการขายบนพื้นฐานระบบที่ปลอดภัย และความสามารถในการสรรหาตัวแทนและการอบรมผ่านออนไลน์
เอไอเอ ฮ่องกง รายงานการลดลงอย่างมีสาระสำคัญในมูลค่าธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นผลกระทบหลักมาจากมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ลดลงของกลุ่มลูกค้าจีน โดยสืบเนื่องมาจากยอดนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงในแต่ละเดือนในไตรมาสแรก ความไม่สะดวกใจในการพบกันแบบตัวต่อตัว และข้อจำกัดของรูปแบบผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้มีค่าเฉลี่ยของยอดเบี้ยประกันภัยเพียงเล็กน้อยที่เข้ามาในตลาดผ่านระบบการลงนามออนไลน์ จึงทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่ลดลงเป็นตัวเลขสองหลักจากกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ
เอไอเอ ประเทศจีน เป็นตลาดที่สร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอ มากที่สุดในไตรมาสแรกของปี 2563 ถึงแม้ในรายงานระบุว่ามูลค่าธุรกิจใหม่ลดลงเป็นตัวเลขสองหลักก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่ง คือ กลยุทธ์พรีเมียร์ เอเจนซี (Premier Agency) และการปรับตัวที่รวดเร็วของเราในการนำเอาระบบดิจิทัลเข้ามาสนับสนุนในการสรรหาตัวแทน รวมไปถึงการฝึกอบรม และการบริหารที่ดี ทำให้เรามีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ตัวแทนเดิมของเรายังคงมีความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ยอดขายในเดือนมีนาคม 2563 ต่ำกว่าในเดือนมีนาคม 2562 แต่กระบวนการขายผ่านระบบดิจิทัล และมาตรการผ่อนผันในช่วงมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ช่วยให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ทั้งนี้ กว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายในเดือนมีนาคม มาจากการขายแบบเสมือนพบเจอกันตัวต่อตัว (Virtual face-to-face meeting) และการเซ็นลงนามของลูกค้าผ่านระบบดิจิทัล
เอไอเอ ประเทศไทย มีการเติบโตในมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวเลขสองหลัก เนื่องมาจากยอดขายที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการขายผ่านตัวแทนประกันชีวิตและช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ สำหรับธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ รายงานว่ามีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562 รวมไปถึงผลการดำเนินงานที่ดีจากช่องทางตัวแทน ด้านเอไอเอ ประเทศมาเลเซีย มูลค่าธุรกิจใหม่ลดลงเป็นตัวเลขสองหลัก ถึงแม้ว่าจะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ แต่ถูกหักล้างด้วยยอดมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ตกต่ำในเดือนมีนาคม เมื่อต้องเผชิญกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกิจกรรมการขาย
การเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักจากตลาดอื่นๆ นำโดยประเทศออสเตรเลีย เวียดนาม และไต้หวัน (จีน) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ระยะยาวรายใหม่ของเรา ได้แก่ ธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรเลีย (ซีบีเอ) (Commonwealth Bank of Australia, CBA) ที่ได้สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้แก่เอไอเอ ประเทศออสเตรเลีย และส่งผลให้มีมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากธนาคารซีบีเอ ได้ซื้อความคุ้มครองประกันชีวิตจากเอไอเอ ประเทศออสเตรเลียในนามลูกค้าสินเชื่อบ้านปัจจุบันของธนาคารซีบีเอ
โดยรวม เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ลดลงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562 เป็นมูลค่า 1,483 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงยอดขายที่ลดลงของธุรกิจในฮ่องกงและประเทศจีน กำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) ลดลงเป็นร้อยละ 56.6 หรือลดลง 6.9 จุด ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์และส่วนผสมทางภูมิศาสตร์ รวมไปถึงผลกระทบจากค่าใช้จ่ายส่วนเกิน สะท้อนไปยังยอดขายที่ลดลง กำไรที่รายงานบนมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยในธุรกิจใหม่ (PVNBP) ลดลงเป็นร้อยละ 10 จากร้อยละ 11 สมมติฐานทางเศรษฐกิจในระยะยาว คาดการณ์ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขจากที่แสดงในรายงานประจำปี 2562 สำหรับเบี้ยประกันภัยรับรวมของเราเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เป็น 8,796 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562 ทั้งนี้เป็นผลมาจากคุณภาพของแผนธุรกิจ และมูลค่าธุรกิจจากการดำเนินงาน ที่ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดีในไตรมาสแรกปี 2563
กลุ่มบริษัทเอไอเอ ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 และทุกตลาดยังมีเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามที่หน่วยงานกำกับธุรกิจประกันภัยกำหนดเกินอยู่ เราไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในการลงทุนของเรา อีกทั้งระดับความน่าเชื่อถือของพอร์ตการลงทุนของเราในการลงทุนตราสารหนี้ที่มีความหลากหลายในระหว่างไตรมาสแรกของปี 2563 ก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด
ภาพรวม
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นความท้าทายที่คาดไม่ถึงของทั่วโลก ผลกระทบจากการแพร่ระบาดและมาตรการควบคุมต่างๆ จากรัฐบาล ทำให้หลายล้านครอบครัวเดือดร้อนจากการสูญเสีย หรือการเลิกจ้างงาน และทำให้เศรษฐกิจประสบปัญหาชะงักเฉียบพลัน ภาครัฐทั่วโลกต่างดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทั้งในเรื่องของงบประมาณและการเงิน เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจสำหรับภาคธุรกิจและประชาชน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบสำคัญต่อยอดขายธุรกิจใหม่ของเราในฮ่องกงและประเทศจีน ในเดือนมีนาคมและเมษายน รัฐบาลในตลาดอื่นๆ ของเราทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เริ่มใช้มาตรการควบคุมโรค ในขณะที่มาตรการควบคุมโรคยังคงดำเนินอยู่ เราคาดว่าจะส่งผลกระทบทางลบต่อยอดขายธุรกิจใหม่ของเราในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม เมื่อประเทศจีน ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการบางส่วน ก็ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัว แม้ว่าจะยังต่ำกว่าเมื่อปี 2562
ตลาดของเราบางส่วนได้ประสบกับปัญหาสภาวะดอกเบี้ยต่ำลง และการลดลงของตลาดตราสารทุน ซึ่งส่งผลต่อผลการดำเนินงานของเรา ดังเช่นที่ได้กล่าวก่อนหน้านี้
ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นสั้นๆ นี้ การรับรู้และความต้องการในผลิตภัณฑ์และบริการของเอไอเอจะยังคงเติบโตในระยะยาว เนื่องจากการเข้าถึงประกันชีวิตของคนยังอยู่ในอัตราที่ต่ำอยู่ และสวัสดิการจากภาครัฐที่ไม่เพียงพอ เอไอเอมีตำแหน่งทางธุรกิจที่โดดเด่น จากการมีช่องทางการขายที่ทรงพลัง การเป็นแบรนด์ชั้นนำ และความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งทำให้มีโอกาสในการเติบโตที่สูงในตลาดประกันชีวิตและสุขภาพในภูมิภาคเอเชียในระยะยาว และเพื่อปรับตัวต่อการแพร่ระบาดของโรคในปัจจุบัน เราได้ริเริ่มหลากหลายกิจกรรมออนไลน์ทั่วทั้งกลุ่มบริษัท เพื่อยกระดับการขายและบริการของเรา ซึ่งจะสนับสนุนให้ธุรกิจของเรามีการเติบโตและประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต โอกาสทางธุรกิจของเอไอเอในระยะยาวยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง และเรายังคงมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามกลยุทธ์ของเราในการส่งมอบมูลค่าระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้นของเรา
ความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยน
เอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลท้องถิ่น ซึ่งทำให้สินทรัพย์และหนี้สินของเรามีมูลค่าใกล้เคียงกัน ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ ในรายงานงบการเงินของกลุ่มที่มีการแปลเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น เราจึงมีการเปรียบเทียบอัตราการเติบโตจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนของผลการดำเนินธุรกิจระหว่างปี