กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) หนุนผู้ประกอบการสิ่งทอเครื่องนุ่งห่มและไลฟ์สไตล์ไทย พัฒนาสินค้าสู่ตลาดโลก ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน นำร่องตั้งเป้าพัฒนา 30 ผลิตภัณฑ์ แล้วนำไปทดสอบตลาดหวังเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท
(16 มิ.ย.63) นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่าจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว การแข่งขันทางการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ตลอดจนการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการค้าและการส่งออกของหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ทั้งนี้อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (สะสม) ช่วง 4 เดือน (มกราคม – เมษายน 2563) พบว่า การส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีมูลค่า 2,032.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปี 2562 มูลค่าการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มลดลงร้อยละ 10.7 โดยแยกเป็นการส่งออกกลุ่มสิ่งทอ มีมูลค่า 1,280.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 13.4 และ การส่งออกกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม มีมูลค่า 752.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 5.8 และเพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าและการส่งออกของประเทศใน 2 ไตรมาสสุดท้ายของปีพ.ศ. 2563 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จึงมีแนวคิดในการพลิกฟื้นการค้าและการส่งออกของประเทศโดยการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการเพื่อรองรับธุรกิจตามวิถีใหม่ (New normal) สำหรับภาคธุรกิจภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
นายสมเด็จฯ กล่าวเสริมว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดโอกาสการเรียนรู้และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และไลฟ์สไตล์ โดยการดำเนินโครงการพัฒนาสินค้าผ้าไทยสู่ตลาดโลกด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มิติใหม่ของวงการอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและไลฟ์สไตล์ของไทย โดยการมุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ในการต่อยอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปราศจากของเสียและมลพิษตลอดทั้งกระบวนการผลิต และมีรูปแบบการค้าที่ทันสมัยตรงกับความต้องการของตลาดโลกผสมผสานกับเอกลักษณ์ท้องถิ่น เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มรายได้พร้อมกับโอกาสการขยายในธุรกิจใหม่โดยการสร้างการค้าแบบยั่งยืน เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันควบคู่ไปกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม และการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเป็นหนึ่งแรงที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการไทยอย่างยั่งยืน
ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กล่าวว่า “สถาบันฯ เป็นอีกหน่วยงานที่มุ่งสนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการผลิต สามารถพัฒนาสินค้าสนองต่อความต้องการของตลาดระดับบน (High-end Market) มุ่งเน้นการสร้างความแตกต่าง โดยในโครงการฯ มีแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Key Success factors for Circular Economy) ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ดังนี้
▪ Sustainable materials: การเลือกใช้วัสดุและวัตถุดิบจากธรรมชาติ หรือกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่/รักษาสิ่งแวดล้อม
▪ Sustainable processes: การใช้กระบวนการผลิตและพัฒนาสินค้าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในรูปแบบใหม่ที่เกิดผลกระทบต่อการผลิตน้อยสุด
▪ Waste reduction: การจัดการของเสียให้เป็นศูนย์ รวมทั้งการรักษาประสิทธิภาพของระบบ ผ่านการออกแบบเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านลบ (Negative externalities)
▪ Local production: การผลิตและพัฒนาสินค้าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยใช้ท้องถิ่นเป็นตัวขับเคลื่อน ทั้งการผลิตและบริโภค เพื่อให้เกิดการผลิตในประเทศไทย
▪ Crafts Community: การให้ความสำคัญกับวิสาหกิจชุมชนและสินค้าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เชิงพื้นเมือง เพื่อสร้างการจ้างงานและสร้างรายได้ในชุมชน
โดยสถาบันฯ จะเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้น การสร้างความแตกต่างด้วยแนวคิดข้างต้น ขณะเดียวกันเมื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาแล้ว จะมีการนำไปทดสอบตลาดในงาน TEXWORLD PARIS ในเดือนกันยายน 2563 เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเพื่อนำกลับมาปรับปรุงอีกครั้ง ก่อนออกวางจำหน่ายจริง และจัดเจรจาธุรกิจเพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่าย
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กระทรวงอุตสาหกรรม มั่นใจว่าโครงการฯ จะช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และแฟชั่นไลฟ์สไตล์ สู่ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ให้มีมูลค่า ความแตกต่าง และสู่สากล ซึ่งเป็นหนึ่งแรงที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการค้า และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยฝ่าวิกฤตอย่างยั่งยืน