เอสพี กรุ๊ป (เอสพี) ประกาศความร่วมมือกับ มาลี กรุ๊ป (มาลี) ผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มของประเทศไทย ในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar PV Rooftop) ขนาด 1.0 เมกะวัตต์ (MWp) โดยนับเป็นโรงงานแห่งแรกภายใต้แบรนด์มาลีที่นำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้เพื่อสร้างพลังงานทดแทนอันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยเอสพีจะเป็นผู้ออกแบบ เป็นเจ้าของ ติดตั้ง และดำเนินการระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งประกอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์ประมาณ 1,600 แผงให้กับโรงงานของมาลี กรุ๊ป ในจังหวัดนครปฐม ทั้งนี้เมื่อดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในไตรมาสแรกของปี 2567 ระบบพลังงานแสงอาทิตย์จะผลิตพลังงานสะอาดได้ถึง 1,378 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ต่อปี โดยปริมาณไฟฟ้านี้จะตอบสนองความต้องการการใช้พลังงานของโรงงานประมาณร้อยละ 15 พร้อมทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้สูงถึง 700 ตันต่อปี
ความร่วมมือครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทในการสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียนในการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 6 กิกะวัตต์ (GW) ภายในปี 2579 ซึ่งเท่ากับร้อยละ 30 ของพลังงานทั้งหมดที่ผลิตในประเทศ
นายราชเทพ นฤหล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมาลี กรุ๊ป กล่าวว่า “มาลี กรุ๊ป รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับเอสพี เพื่อเดินหน้าการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานที่ยั่งยืน โดยบริษัทของเรามุ่งมั่นที่จะเป็น ‘แบรนด์อาหารและเครื่องดื่มยอดนิยม’ ด้วยการช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีและมีความสุขมากขึ้นทุกวันผ่านคุณประโยชน์จากพืชและผลิตภัณฑ์จากนม นอกจากนี้เรายังทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและปกป้องสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น รวมทั้งลดต้นทุนด้านพลังงานให้มากที่สุด ซึ่งการนำระบบพลังงานแสงอาทิตย์มาติดตั้งในโรงงานที่จังหวัดนครปฐม ไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเราต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและปรับใช้นวัตกรรมอีกด้วย โดยความร่วมมือครั้งนี้สอดคล้องไปกับค่านิยมหลักด้านความเป็นเลิศและความยั่งยืนของเราอย่างสมบูรณ์แบบ”
นายแบรนดอน เจีย กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลียของเอสพี กรุ๊ป กล่าวว่า “เรากำลังส่งเสริมให้ภาคการผลิตสามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนและโซลูชันพลังงานยั่งยื่นต่าง ๆ เช่น การทำความเย็นแบบศูนย์รวม (district cooling) บริการระบบทำความเย็น (cooling-as-a-service) และโซลูชันการจัดการพลังงานดิจิทัลอัจฉริยะ ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยลดการปล่อยคาร์บอนได้ โดยเรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนมาลีในการเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานสะอาด และหวังว่าจะมีโอกาสมากขึ้นในการช่วยขับเคลื่อนแผนความยั่งยืนของบริษัท ด้วยโซลูชันพลังงานอัจฉริยะและยั่งยืนที่ครบวงจรของเรา”
นอกเหนือไปจากการร่วมมือกับมาลีแล้ว เอสพียังมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอื่น ๆ ซึ่งมีกำลังผลิตรวมกันมากกว่า 35 MWp โดยอยู่ระหว่างการดำเนินการและก่อสร้าง รวมทั้งยังมีอีกหลายโครงการที่กำลังดำเนินการทั่วประเทศไทยซึ่งรวมแล้วจะมีกำลังการผลิตกว่า 100 MWp โดยมีพันธมิตรหลัก ได้แก่ บริษัท เอเชีย คอมโพสิต แมททีเรียล บริษัท คอมแพ็ค อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัท สยามอุตสาหกรรมอาหาร (SAICO) ได้ใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญทางวิศวกรรมที่แข็งแกร่ง ประสบการณ์ระดับภูมิภาค และความเป็นเลิศด้านการดำเนินงานของเอสพีในการดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว
นอกจากนี้ยังมีโซลูชันพลังงานยั่งยืนอื่น ๆ ของเอสพีที่นำมาปรับใช้กับโครงการในประเทศไทย ได้แก่ โครงการระบบทำความเย็นแบบศูนย์รวม ซึ่งติดตั้งในโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ โซนซี ด้วยความร่วมมือกับบริษัท บ้านปู เน็กซ์ (Banpu NEXT) โดยหากโครงการดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2567 ระบบทำความเย็นแบบศูนย์รวมจะทำความเย็นได้สูงสุดถึง 14,000 ตันความเย็น (RT) และสามารถช่วยประหยัดค่าพลังงานในโครงการได้ประมาณ 40 ล้านบาทต่อปี หรือลดลงกว่าร้อยละ 20 และลดการปล่อย CO2 ได้ปีละกว่า 3,000 ตัน