Monday, 7 April 2025 | 3 : 28 pm
กิฟฟารีน คว้ารางวัล Thailand’s Most Admired Company 2024-2025 ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน   •   “สงกรานต์” ปลอดภัย เลือกซื้อประกันติดตัวไว้ อุ่นใจกว่า   •   คปภ. จัดประชุมภาคธุรกิจประกันภัยกำหนดแนวทางความร่วมมือหวังลดข้อร้องเรียนด้านประกันภัย ยกระดับความโปร่งใสและการบริการที่เป็นธรรม   •   วิริยะประกันภัย ส่งต่อความห่วงใย มอบเวชภัณฑ์ช่วยผู้ป่วยเหตุแผ่นดินไหว รพ.ราชวิถี   •   กรุงเทพประกันชีวิต มอบเงินบริจาคสภากาชาดไทยช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุการณ์แผ่นดินไหว   •   อลิอันซ์ อยุธยา มอบประกันอุบัติเหตุฟรีช่วงสงกรานต์ คุ้มครองสูงสุด 200,000 บาท   •   คปภ. เปิดหลักสูตร Super วปส. รุ่นที่ 3 ห้องเรียนสุดยอดผู้นำ…ที่ไม่ได้มีแค่บทเรียนติดอาวุธทางความรู้สู่ทิศทางการกำกับดูแลอุตสาหกรรมประกันภัย รับมือความเสี่ยงยุคใหม่   •   ธ.ก.ส. ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 86 ปี สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล   •   ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองไทยโดน Reciprocal Tariff ที่ 37% สร้างความเสี่ยง GDP หายไป 1.0% ทำส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และเกษตรหดตัว แต่ยังขึ้นกับผลการเจรจากับสหรัฐฯ   •   เมืองไทยประกันชีวิต จัดพิธีมอบรางวัลเกียรติยศ “MUANG THAI LIFE CONVENTION 2024” อย่างยิ่งใหญ่   •   “กสิกรไทย” สำรองเงินสด 24,350 ล้านบาท รับเทศกาลสงกรานต์   •   “กรุงศรี” สำรองเงินสด 8,898 ล้านบาท ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ให้บริการผ่านสาขา/กรุงศรีเอทีเอ็มทั่วประเทศ   •   การเคหะแห่งชาติ เปิดทำเลดี “โครงการบ้านเอื้ออาทรรังสิต คลอง 2” เพื่อประกอบการค้าและตลาด   •   “เจนเนอราลี่” เปิดตัวพรีเซนเตอร์รุ่นใหญ่…อารมณ์ดี พร้อมแคมเปญโฆษณาชิ้นใหม่ ‘GEN Senior 55 ประกันชีวิตเงินก้อนของคนสูงวัย’ รับไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว   •   BAM ร่วมกับ สภากาชาดไทย จัดทำโครงการ Home & Hope ต่อเนื่องปีที่ 5 มอบบ้านให้กับผู้ด้อยโอกาส จังหวัดนครพนม
spot_img
spot_img

4Quarter.co

Monday, 7 April 2025 | 3 : 28 pm
spot_img
กิฟฟารีน คว้ารางวัล Thailand’s Most Admired Company 2024-2025 ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน   •   “สงกรานต์” ปลอดภัย เลือกซื้อประกันติดตัวไว้ อุ่นใจกว่า   •   คปภ. จัดประชุมภาคธุรกิจประกันภัยกำหนดแนวทางความร่วมมือหวังลดข้อร้องเรียนด้านประกันภัย ยกระดับความโปร่งใสและการบริการที่เป็นธรรม   •   วิริยะประกันภัย ส่งต่อความห่วงใย มอบเวชภัณฑ์ช่วยผู้ป่วยเหตุแผ่นดินไหว รพ.ราชวิถี   •   กรุงเทพประกันชีวิต มอบเงินบริจาคสภากาชาดไทยช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุการณ์แผ่นดินไหว   •   อลิอันซ์ อยุธยา มอบประกันอุบัติเหตุฟรีช่วงสงกรานต์ คุ้มครองสูงสุด 200,000 บาท   •   คปภ. เปิดหลักสูตร Super วปส. รุ่นที่ 3 ห้องเรียนสุดยอดผู้นำ…ที่ไม่ได้มีแค่บทเรียนติดอาวุธทางความรู้สู่ทิศทางการกำกับดูแลอุตสาหกรรมประกันภัย รับมือความเสี่ยงยุคใหม่   •   ธ.ก.ส. ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 86 ปี สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล   •   ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองไทยโดน Reciprocal Tariff ที่ 37% สร้างความเสี่ยง GDP หายไป 1.0% ทำส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และเกษตรหดตัว แต่ยังขึ้นกับผลการเจรจากับสหรัฐฯ   •   เมืองไทยประกันชีวิต จัดพิธีมอบรางวัลเกียรติยศ “MUANG THAI LIFE CONVENTION 2024” อย่างยิ่งใหญ่   •   “กสิกรไทย” สำรองเงินสด 24,350 ล้านบาท รับเทศกาลสงกรานต์   •   “กรุงศรี” สำรองเงินสด 8,898 ล้านบาท ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ให้บริการผ่านสาขา/กรุงศรีเอทีเอ็มทั่วประเทศ   •   การเคหะแห่งชาติ เปิดทำเลดี “โครงการบ้านเอื้ออาทรรังสิต คลอง 2” เพื่อประกอบการค้าและตลาด   •   “เจนเนอราลี่” เปิดตัวพรีเซนเตอร์รุ่นใหญ่…อารมณ์ดี พร้อมแคมเปญโฆษณาชิ้นใหม่ ‘GEN Senior 55 ประกันชีวิตเงินก้อนของคนสูงวัย’ รับไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว   •   BAM ร่วมกับ สภากาชาดไทย จัดทำโครงการ Home & Hope ต่อเนื่องปีที่ 5 มอบบ้านให้กับผู้ด้อยโอกาส จังหวัดนครพนม
spot_img

โรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ภัยเงียบอันตรายที่พร้อมคร่าชีวิต

โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะมีด้วยกันหลายประเภท ที่พบได้บ่อยที่สุดคือหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ซึ่งผู้ป่วยมากกว่า 50% มักไม่มีอาการผิดปกติ ทำให้เข้าถึงการรักษาล่าช้าและเพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตมากกว่าคนทั่วไป 1.5 – 3.5 เท่า

ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ศราวุธ ลิ้มประเสริฐ อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด เฉพาะทางด้านสรีระไฟฟ้าหัวใจ โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า โรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว หรือ Atrial Fibrillation เป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของหัวใจห้องบน ส่งผลให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอ ซึ่งบ่อยครั้งทำให้หัวใจเต้นเร็วมากกว่าปกติ

มากกว่าครึ่งของผู้ป่วยจะไม่มีอาการผิดปกติ ซึ่งถือนำไปสู่การรักษาที่ล่าช้าได้ อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการของโรค ได้แก่ ใจสั่น เพลีย วิงเวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก และเกิดความวิตกกังวลระหว่างที่มีหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วได้ ซึ่งอาการเหล่านี้มีได้ตั้งแต่ระดับความรุนแรงน้อยที่ไม่ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน จนถึงกระทั่งรุนแรงจนไม่สามารถทำกิจกรรมปกติในชีวิตประจำวันได้

ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วที่พบได้บ่อย ประกอบไปด้วย

  • อายุที่มากขึ้น ถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่พบได้บ่อยที่สุด
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
  • โรคเบาหวาน
  • โรคหัวใจล้มเหลว
  • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
  • โรคต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน
  • โรคนอนกรน
  • โรคไตวายเรื้อรัง
  • การรับประทานเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • การสูบบุหรี่

การคัดกรองโรคมีความสำคัญมาก เพราะทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาแต่เนิ่น ๆ โดยนอกจากการเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอแล้ว การตรวจโดยใช้เทคโนโลยีสวมใส่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาหรืออุปกรณ์เฉพาะ สามารถตรวจจับการทำงานของหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วได้ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ

การวินิจฉัยโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการของผู้ป่วย ประวัติทางการแพทย์ ตรวจร่างกาย ตรวจชีพจร อัตราการเต้นของหัวใจ การตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ เช่น ตรวจหาภาวะโลหิตจาง ไตวาย ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ และอาจมีแนวทางในการวินิจฉัยการตรวจคัดกรองเพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, การตรวจและบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจตลอด 24 ชั่วโมงโดยใช้ Holter Monitor

หลักการในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ประกอบไปด้วย การดูแลรักษาโรคร่วมและกำจัดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ, ลดโอกาสการเกิดโรคอัมพฤกษ์อัมพาต ด้วยการรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือด, ลดหรือป้องกันอาการของโรค ด้วยการควบคุมทั้งอัตราการเต้นของหัวใจและจังหวะหัวใจให้เป็นปกติ

ในส่วนของการรักษา ปัจจุบันนิยมใช้วิธีจี้ไฟฟ้าหัวใจเพื่อทำให้จังหวะหัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ โดยแพทย์จะใช้สายสวนชนิดพิเศษ ใส่ไปในตำแหน่งทีมีการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ และใช้กระแสไฟฟ้าที่มีความถี่สูงเท่ากับคลื่นวิทยุจี้ไปยังตำแหน่งที่มีความผิดปกติ ขณะทำการรักษาผู้ป่วยจะได้รับยาระงับความรู้สึก จึงช่วยลดอาการเจ็บขณะทำหัตถการได้ ซึ่งการรักษาด้วยวิธีจี้ไฟฟ้าหัวใจไม่เพียงลดอาการของโรคและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยได้เท่านั้น แต่ยังช่วยชะลอการดำเนินโรค ซึ่งอาจช่วยให้ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ของโรคได้เช่นกัน

การเตรียมตัวก่อนทำหัตถการจี้ไฟฟ้าหัวใจ

ก่อนการทำหัตถการจี้ไฟฟ้าหัวใจ ผู้ป่วยจะต้องงดรับประทานยาต้านการเต้นของหัวใจผิดจังหวะอย่างน้อย 3 วัน หรืออยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ และให้นำยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำมาด้วยในวันทำหัตถการ งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง นอกจากนี้ผู้ป่วยจะได้รับการเตรียมผิวหนังบริเวณขาหนีบทั้ง 2 ข้างหรือคอด้านขวาขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่แพทย์จะใส่สายสวน รวมทั้งจะได้รับการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำบางรายจะได้รับการใส่สายสวนปัสสาวะด้วย

การปฏิบัติตัวหลังการทำหัตถการจี้ไฟฟ้าหัวใจ

หลังทำการรักษาเสร็จเรียบร้อยผู้ป่วยจะต้องพักอยู่ที่ห้องพักฟื้น 1 คืนเพื่อรับการติดตามดูคลื่นไฟฟ้าหัวใจและสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อถึงห้องพักต้องนอนราบห้ามงอขาข้างที่ทำอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการมีเลือดออกและมีก้อนเลือดใต้ผิวหนัง หากมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ เวียนศีรษะ มีไข้และรู้สึกอุ่น ๆ หรือพบว่ามีเลือดออกหรือมีก้อนเลือดใต้ผิวหนังบริเวณแผลขาหนีบ ควรแจ้งให้แพทย์พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ทราบทันที

“แม้ผู้ป่วยส่วนมากของโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วจะไม่มีอาการผิดปกติ แต่โรคนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม เพราะเป็นโรคที่นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วจะมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตมากกว่าคนปกติราว 1.5-3.5 เท่า รวมถึงยังพบว่าผู้ป่วยโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วมากกว่าร้อยละ 60 มีโอกาสสูญเสียคุณภาพชีวิตที่ดี, ร้อยละ 30 จะมีภาวะหัวใจล้มเหลวร่วมด้วย, ร้อยละ 20 มีโอกาสเกิดโรคซึมเศร้า, และมีความเสี่ยงเกิดโรคสมองเสื่อมราว 1.4 – 1.6 เท่า นอกจากนี้ จากสถิติพบผู้ป่วยโรคอัมพฤกษ์อัมพาตมีสาเหตุมาจากโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วมากถึงร้อยละ 30 โดยผู้ป่วยโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วยังมีความเสี่ยงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลถึงร้อยละ 10-40 ต่อปี”

spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img