วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 เวลา 15.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ติดตามงานที่มอบหมายกระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศดำเนินการช่วยเกษตรกรหาตลาดลำไย ด้วยกิจกรรมจับคู่ธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ (Online Business Matching) สินค้าลําไยและผลิตภัณฑ์จากลําไย ที่ห้อง Online Business Matching (50505) ชั้น 5 และห้อง ประชุม (50601) ชั้น 6 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ อาคารริมน้ํา โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และคณะได้เยี่ยมชมการจัดพบปะ Online นี้พร้อมประชุมติดตามด้วยระบบ conference ข้ามประเทศและติดตามการรายงานงานกับพาณิชย์จังหวัดกับผู้ประกอบการพร้อมกันด้วย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้เป็นเรื่องของการที่จะหาตลาด ในประเทศให้กลับลำไย ในช่วงโควิดโดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการจำหน่ายให้กับลูกค้าต่างประเทศมาใช้ระบบออนไลน์ด้วยการจัดระบบการจับคู่ทางธุรกิจ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ส่งออกไทยกับผู้นำเข้าจากต่างประเทศให้มาพบกันบนออนไลน์ซึ่งการจัดจับคู่ธุรกิจเที่ยวนี้ประกอบด้วยผู้ส่งออกไทย 27 รายและผู้นำเข้าจาก 8 ประเทศ 65 บริษัทด้วยกัน
ทั้งนี้โดยปกติตลาดลำไยส่งออกของไทยเกือบจะเรียกได้ว่าทั้งหมด เป็นตลาดจีน มีเวียดนามบ้างบางส่วน ซึ่งเวียดนามก็ส่งออกไปยังจีน และมีอินโดนีเซียส่วนหนึ่ง แต่ว่าครั้งนี้เป็นเป้าหมายที่เราต้องการที่จะขายตลาดเพิ่มเติมนอกจากตลาดจีน ตลาดอินโดนีเซีย ก็มีการนำผู้นำเข้าจากประเทศอื่นๆมาร่วมจับคู่ทางธุรกิจออนไลน์ร่วมด้วย ประกอบด้วยฮ่องกง อินเดีย บังคลาเทศ สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน ฝรั่งเศส นอกเหนือจากประเทศจีน ซึ่งจะเป็นช่องทางการขยายตลาดเพื่อเตรียมตลาดสำรองไว้นอกจากตลาดจีน รวมทั้งสำรองไว้นอกจากตลาดอินโดนีเซียซึ่งคาดว่าจะมีการจับคู่ทำสัญญากันได้ไม่ต่ำกว่า 290 คู่
สำหรับการดำเนินการเที่ยวนี้ในช่วงสองวันคือวันนี้กับวันพรุ่งนี้ ก็มีเป้าหมายทั้งหมด 11,000 ตันและในวงเงินคาดว่าประมาณ 550 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ ซึ่งในช่วงยังไม่ครบวันสำหรับวันนี้ขายไปได้แล้ว 4,000 กว่าตันโดยขายให้กับชิงเต่าจากประเทศจีน แต่ก็มีการทำสัญญาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในช่วงระยะเวลานี้ สำหรับแผนงานต่อไปในเดือนหน้าก็จะจัดรูปแบบลักษณะนี้อีกครั้งหนึ่งโดยจะเพิ่มในตลาดเมียนม่า ตลาดมาเลเซีย ตลาดญี่ปุ่น และตลาดไต้หวัน นอกจากตลาดจีนซึ่งถือว่าเป็นตลาดหลักของเรา
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ผลผลิตลำไยที่คาดการณ์ไว้สำหรับปีนี้จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% คาดการณ์ไว้โดยกระทรวงเกษตร แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็มาเจอปัญหาช่วงนี้ ในเรื่องของคุณภาพเพราะว่าเจอฝนก็ทำให้ตลาดพรีเมียมของเราโดยเฉพาะตลาดจีนติดขัด เนื่องจากผู้ส่งออกของเราบอกว่าทำให้ลำไยผิวคล้ำขึ้นซึ่งตลาดจีนต้องการผิวสีอ่อนและสวยลูกใหญ่ถ้าตลาดผิวคล้ำอาจจะเป็นที่ต้องการของประเทศอินโดนีเซีย ต้องปรับตลาดไปสู่ตลาดอินโดนีเซียให้มากขึ้นรวมทั้งตลาดใหม่ๆ ที่เราเตรียมการไว้