ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากระแสช้อปปิ้งออนไลน์หรือการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชันต่างๆ แทนการเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าเพื่อเลือกซื้อด้วยตัวเองนั้น ถือเป็นหนึ่งในบริการที่มาแรงแซงโค้งที่สุดในยุคนี้ ไม่เฉพาะแต่เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังรวมไปถึงสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ในชีวิตประจำวัน อาหารสด-ของแห้ง และอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยความล้ำหน้าของเทคโนโลยีและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทำให้คนไทยสามารถเปิดรับบริการเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว การจับจ่ายใช้สอยกลายเป็นเรื่องสะดวกที่ทำได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว เพียงใช้เวลาไม่กี่นาทีกดเลือกซื้อสินค้าผ่านหน้าจอโทรศัพท์ เราก็สามารถนั่งรอรับของที่บ้านได้แบบสบายๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาและเปลืองแรง ยิ่งในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แบบนี้ ส่งผลให้คนจำนวนไม่น้อยที่อาจเคยปฏิเสธการใช้เทคโนโลยีเริ่มสนใจและหันมาลองใช้บริการสั่งซื้อสินค้า-อาหารผ่านแอปพลิเคชันกันมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ
แกร็บ ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการแอปพลิเคชันที่โดดเข้ามาเล่นในตลาดนี้อย่างเต็มตัว จากเดิมที่มีแต่บริการเรียกรถ บริการจัดส่งอาหาร-พัสดุ และบริการทางการเงิน ล่าสุดแกร็บได้ส่ง “แกร็บมาร์ท” (GrabMart) บริการสั่งซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ต–ร้านสะดวกซื้อ มาทำตลาดอย่างจริงจังในประเทศไทย หลังชิมลางด้วยการปล่อยฟีเจอร์ ‘Groceries’ เพื่อจัดส่งสินค้าจากพันธมิตรรายสำคัญอย่าง ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และ แฮปปี้เฟรช ไปถึงมือผู้บริโภคมาสักระยะแล้ว
วันนี้มาทำความรู้จักกับบริการใหม่จากแกร็บ กับ 10 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ “แกร็บมาร์ท”
1) เปิดให้บริการแล้วใน 8 ประเทศทั่วภูมิภาค
แกร็บเริ่มทดลองให้บริการแกร็บมาร์ทครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2562 ที่ประเทศสิงคโปร์ ปัจจุบันแกร็บมาร์ทมีให้บริการแล้วในกว่า 50 เมือง 8 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ไทย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ และกัมพูชา โดยได้ผนึกพันธมิตรกับผู้ประกอบการร้านค้า ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าปลีกต่างๆ รวมกว่า 5,000 สาขา
2) ครอบคลุม 25 จังหวัดทั่วไทย
แกร็บมาร์ทเริ่มให้บริการในประเทศไทยตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในช่วง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการเดินทางและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปัจจุบัน แกร็บมาร์ทมีให้บริการแล้วใน 25 จังหวัด อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ โคราช ขอนแก่น
3) ผนึกพันธมิตรกับห้างร้านชั้นนำกว่า 1,100 สาขา
ในช่วงแรกที่เริ่มเปิดตัว แกร็บได้จับมือกับ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้นำธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตของประเทศไทย เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถสั่งซื้ออาหาร รวมถึงสินค้าที่จำเป็นผ่านแกร็บมาร์ท โดยเริ่มจาก “แฟมิลี่มาร์ท” ปัจจุบัน ผู้ใช้บริการแกร็บมาร์ทยังสามารถสั่งสินค้าจากห้างอื่นๆ ทั้ง “ท็อปส์ มาร์เก็ต” “ท็อปส์ เดลี่” “เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์” และ “แม็กซ์แวลู” รวมไปถึงร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่าง (specialty store) อาทิ ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ “เจ กูร์เม่ต์” ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อและทำความสะอาด “เดทตอล” ผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องในเครือ “ซีเล็ค” และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรออร์แกนิค “ออร์แกนิคส์ บัดดี้” เป็นต้น
4) ช่วยเหลือเกษตรกรไทย จำหน่ายผลไม้คุณภาพส่งออก
นอกเหนือจากสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแล้ว ล่าสุดแกร็บมาร์ทยังได้เริ่มจำหน่ายผลไม้คุณภาพส่งออก อาทิ ทุเรียนหมอนทอง มังคุด และเงาะ ภายใต้ชื่อ “ตลาดเกษตรกร” หรือ Farmers’ Market ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างแกร็บและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในโครงการ “Grab Loves Farmers ช่วยเกษตรกรกันนะ” เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 โดยขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่าน 10 จุดวางจำหน่ายทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งได้เปิดตัวไปในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
5) สั่งง่ายแค่ปลายนิ้ว ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
แกร็บมาร์ทเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงไม่ต่างจากร้านสะดวกซื้อ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการในยุคปัจจุบันให้สามารถสั่งซื้อสินค้าหรืออาหารได้ทุกที่ทุกเวลา สำหรับช่วงที่ได้รับความนิยมสั่งซื้อมากที่สุดคือสุดสัปดาห์ (เสาร์-อาทิตย์) โดยเฉพาะระหว่างเวลา 19.00 – 22.00 น. โดยลูกค้าส่วนใหญ่ที่นิยมใช้บริการแกร็บมาร์ทคือผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าเพื่อใช้อุปโภคบริโภคในบ้าน แต่ไม่อยากเสียเวลาเข้าคิวเพื่อจับจ่ายหรือประหยัดเวลาในการเดินทาง
6) จัดส่งได้ทั้งรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์
นอกจากบริการแกร็บมาร์ทจะจัดส่งสินค้าให้กับผู้ใช้บริการด้วยรถจักรยานยนต์แล้ว ยังมีการจัดส่งผ่านรถยนต์ด้วย ในกรณีที่มีการสั่งสินค้าผ่านห้างหรือร้านค้าขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นช่องทางในการสร้างรายได้เสริมให้กับพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บที่ปกติให้บริการการเดินทางด้วยรถยนต์ แต่ได้รับผลกระทบจากปริมาณงานที่น้อยลงในช่วงวิกฤติโควิด-19
7) จัดส่งรวดเร็วทันใจ ใช้เวลาเฉลี่ย 25 นาที
บริการแกร็บมาร์ทโดดเด่นในเรื่องของความเร็วในการจัดส่ง โดยใช้เวลาจัดส่งเฉลี่ยอยู่ที่ 25 นาทีต่อ 1 ออเดอร์ เนื่องจากแกร็บมีพาร์ทเนอร์คนขับอยู่ในระบบเป็นจำนวนมาก จึงสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างรวดเร็วทันใจ โดยคิดค่าส่งเริ่มต้นที่ 15 บาท ทั้งนี้ ราคาค่าส่งจะแปรผันตามระยะทางในการจัดส่ง
8) จะใกล้ไกลแค่ไหนก็สั่งได้
แกร็บมาร์ทช่วยตอบสนองความต้องการของคนในยุคปัจจุบันที่ไม่ต้องการออกจากบ้าน โดยหลังเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 3 เดือน พบว่าระยะทางสั้นที่สุดที่มีผู้ใช้บริการสั่งซื้อสินค้าจากแกร็บมาร์ท คือ ระยะทาง เพียงแค่ 50 เมตร หรือเทียบเท่ากับการเดิน 100 ก้าวเท่านั้น ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคบางกลุ่มที่มีความต้องการความสะดวกสบายขั้นสุด โดยหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้นเพื่อประหยัดแรงงานและเวลา
9) เติบโต 5 เท่าในช่วง 3 เดือน
จากข้อมูลการสั่งซื้อสินค้าผ่านแกร็บมาร์ทในเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 5 เท่าเมื่อเทียบกับยอดการสั่งซื้อในเดือนเมษายน 2563
10) น้ำอัดลม-ขนมขบเคี้ยว คือสินค้ายอดฮิต
จากข้อมูลการสั่งซื้อสินค้าตลอดระยะเวลา 3 เดือน (เมษายน – มิถุนายน) ที่แกร็บมาร์ทเปิดให้บริการ พบว่า 5 อันดับสินค้ายอดนิยมที่มียอดสั่งซื้อสูงที่สุด ประกอบด้วย น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยว น้ำดื่ม น้ำแข็ง และอาหารพร้อมทาน