Sunday, 22 December 2024 | 10 : 42 pm
spot_img
spot_img

4Quarter.co

Sunday, 22 December 2024 | 10 : 42 pm
spot_img
คปภ. เสริมมาตรฐาน ลดข้อพิพาท! จัดทำคู่มือจ่ายสินไหมชัดเจน เพิ่มความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมประกันภัย   •   ธ.ก.ส. ชวนน้องๆ ออมเงิน รับกระปุก “คุณมั่งมี” สุดน่ารัก ผ่านแคมเปญเงินฝากวันเด็กแห่งชาติ “Kids D 2568”   •   เคพีไอ เปิดตัวสโลแกนใหม่ “Your Trust, Our Care” สื่อสารแบรนด์ผ่านคาแรคเตอร์ “Baby CARE Boy”   •   ถอดรหัส เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ เติบโตสวนกระแสตลาดก่อสร้างพัฒนา “ปูนเอสซีจี คาร์บอนต่ำ” รายแรกของไทยบุกตลาดโลก   •   “แอล ดับเบิลยู เอสฯ” ระบุ 3 เมกะเทรนด์ในการพัฒนาอสังหาฯ ปี 2568   •   สมาคมประกันวินาศภัยไทย คาดการณ์ ปี ’68 ธุรกิจประกันวินาศภัยฟื้น เติบโต 1.5%-2.5% รับแรงหนุนเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวฟื้นตัว   •   ธ.ก.ส. จับรายชื่อผู้โชคดีในแคมเปญ “แจกโชคใหญ่ใช้ BAAC Connect” ครั้งที่ 3รับของรางวัลมูลค่ารวม 3 แสนบาท   •   แรบบิท ประกันชีวิต ขนทัพผลิตภัณฑ์ร่วมงานมหกรรมการเงินกรุงเทพส่งท้ายปี ครั้งที่ 7   •   เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมกับ เอ ไลฟ์ ส่งความอุ่นใจส่งท้ายปี ด้วยแคมเปญ “ฟรี! ประกันอุบัติเหตุ อยู่ที่ไหน ก็อุ่นใจกับเอไอเอ”มอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่ม วงเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาทต่อกรมธรรม์   •   กรุงเทพประกันชีวิต จัดโครงการ “ใส่ใจแบ่งปัน สานฝันเพื่อน้อง” รวมพลังทำความดีส่งท้ายปี 2567   •   เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลัง เคาน์เตอร์เซอร์วิส ส่ง “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)”เติมเต็มความสุขและความอุ่นใจรับเทศกาลปีใหม่   •   ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ โชว์ต้นคริสต์มาสรักษ์โลก เติมเต็มความสุขปีใหม่ 2568   •   ทิพยประกันภัย จับมือ NT ลงนาม MOU พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ายุคดิจิทัล   •   วิริยะประกันภัย ร่วมสนับสนุน คปภ. สมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ โครงการจัดหารถไฟฟ้าบริการประชาชน รพ.รามาฯ   •   กรุงเทพประกันภัย มอบรางวัลแห่งความภาคภูมิใจในการทำงาน
spot_img

ลดความเสี่ยงมะเร็งตับ ด้วยวัคซีน ก่อนร้ายแรง

ไวรัสตับอักเสบ เป็นโรคที่พบในคนไทยค่อนข้างมาก เป็นภาวะที่ตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส อาทิ ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบเอ ไวรัสตับอักเสบบีมีโอกาสเป็นเรื้อรัง มีโอกาสที่จะเป็นตับแข็งและร้ายแรงถึงขั้นเป็นโรคมะเร็งตับได้ ดังนั้น การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะช่วยป้องกันไวรัสตับอักเสบก่อนลุกลามและรุนแรง

ศ.พญ.วโรชา มหาชัย อายุรแพทย์ทางเดินอาหารและตับ และผู้อำนวยการศูนย์โรคทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า ไวรัสตับอักเสบ ถือเป็นเชื้อไวรัสที่ร้ายแรงที่อาจถึงชีวิตได้ หากรับการรักษาช้าหรือปล่อยให้เรื้อรัง การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B virus) เป็นสาเหตุที่สำคัญของโรคต่างๆ ตามมา เช่น โรคตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับ มีอุบัติการณ์สูงในทวีปเอเชียรวมทั้งประเทศไทย โดยติดต่อผ่านทางการคลอดที่มารดาเป็นตับอักเสบบี การสัมผัสเลือดหรือแผลเปิดของผู้ติดเชื้อ การมีเพศสัมพันธ์ และการใช้อุปกรณ์ที่สัมผัสเชื้อร่วมกัน เช่น เข็มฉีดยา มีดโกนหนวด หรือแปรงสีฟัน ภาวะตับอักเสบเฉียบพลันเกิดได้หลังจากการรับเชื้อไวรัสบี ส่วนใหญ่ (90%) หายเองและเกิดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยบางรายที่ไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้ กลายเป็นพาหะไวรัสบี และมีโอกาสดำเนินโรคกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง ตับวาย และมะเร็งตับ เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับได้ ช่วยกระตุ้นและสร้างภูมิต้านทานขึ้นในร่างกาย สามารถฉีดป้องกันได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึงผู้ใหญ่ โดยฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ครั้งที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1-2 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรก 6 เดือน ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันได้ถึง 95% ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานหลายปีหรือตลอดไป สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีเพื่อเป็นการป้องกัน ประกอบด้วย ทารกแรกเกิดทุกราย เด็ก และผู้ใหญ่ที่ยังไม่มีภูมิป้องกัน ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่ทำงานในสถานพยาบาล ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงเช่น รักร่วมเพศ ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ได้รับการฟอกไต ผู้ป่วยที่ได้รับเลือดบ่อยๆ หรือผู้ที่ต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค เป็นต้น

ขณะที่ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ (Hepatitis A virus) สามารถติดต่อได้จากการรับประทานอาหาร น้ำดื่ม หรือสัมผัสสิ่งปนเปื้อนเชื้อไวรัส ทําให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน มีอาการอ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัว ไข้ เบื่ออาหาร และดีซ่าน อาการเกิดหลังจากได้รับเชื้อราว 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการรักษาตามอาการ และสามารถหายได้เองร่างกายสร้างภูมิต้านทานได้ แต่บางรายอาจมีอาการรุนแรงเกิดภาวะตับวายเฉียบพลันและเสียชีวิตได้ การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ จึงเป็นการป้องกันโรคที่ได้ผลเกือบ 100% สามารถฉีดได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป โดยฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 6เดือน และผู้ใหญ่ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ สามารถรับการฉีดวัคซีน 2 ครั้ง ห่างกัน 6-12 เดือน ผู้ที่ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ ได้แก่ เด็กอายุมากกว่า 1 ปี ผู้ป่วยโรคตับอักเสบเรื้อรัง และผู้ป่วยที่เป็นตับอักเสบไวรัสบีและซี ผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบเอหรือมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ กลุ่มรักร่วมเพศ ผู้ที่ใช้สารเสพติด บุคลากรที่ทำงานในโรงพยาบาลหรือห้องปฏิบัติการ พ่อครัว แม่ครัวที่ต้องปรุงอาหารเป็นประจำ และผู้ที่จะเดินทางไปยังสถานที่ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ ควรได้รับการฉีดวัคซีนก่อนเดินทางประมาณ 1 เดือน ทั้งนี้ ไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสตับอักเสบเออาจร้ายแรงถึงชีวิต การใส่ใจและดูแลตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ และควรเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนตามที่แพทย์กำหนด

spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img