นายคณิต คงช่วย รองผู้ว่าราชการรจังหวัดสตูล เปิดเผยว่า จากแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ.2560-2564) ที่มุ่งเน้นสร้างรายได้ และความเจริญ ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมทั้งประเทศโดยให้ภาคเอกชน และประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการร่วมกับภาครัฐ ในการขับเคลื่อนงานให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง จำเป็นต้องมุ่งเน้นมาที่การพัฒนาชุมชน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มสำคัญสามารถขยายผลให้การสร้างรายได้ และความยั่งยืนให้กับพื้นที่ สามารถสร้างอาชีพ ทั้งด้านการผลิต การค้า และการบริการ และการสร้างการรับรู้ แก่บุคคลภายนนอกเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว มาท่องเที่ยวในรูปแบบการท่องเที่ยวชุมชน เป็นการส่งเสริมการตลาด เพื่อเป็นช่องทางในการจำหน่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงกว้าง
ทั้งนี้ จังหวัดสตูลโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล ได้ริเริ่มโครงการสร้างเสริมศักยภาพชุมชนเข้มแข็ง พัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดสตูล โดยได้เปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยว 8 เส้นทาง ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดสตูลที่นักท่องเที่ยวเมื่อมาเยือนต้องไม่พลาดที่จะไปท่องเที่ยว และเยี่ยมชมความสวยงาม
โดยเส้นทางที่ 1 (เช็คอินถิ่นตูล) อำเภอเมือง – สันหลังมังกร ซึ่งจะได้พบกับ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูล (คฤหาสน์กูเด็น) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวภูมิหลังเมืองสตูลในด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีวิถีชีวิต และโบราณคดี, ถนนบุรีรวานิช ย่านเมืองเก่า, ชุมชนบากันเคย, หาดทรายดำ, เกาะหินเหล็ก และ หาดสันหลังมังกร
เส้นทางที่ 2 อำเภอควนกาหลง-บ้านโตนปาหนัน ซึ่งจะได้พบกับ ชุมชนบ้านโตนปาหนัน, บ่อน้ำพุร้อนทุ่งนุ้ย บ้านโตนปาหนัน
เส้นทางที่ 3 อำเภอควนโดน – ชายแดนวังประจัน จะได้พบกับ ตลาดชายแดนวังประจัน ตลาด 2 แผ่นดินไทย – มาเลเซีย, อุทยานแห่งชาติทะเลบัน (ทะเลสวย ที่ไม่ใช่ทะเลน้ำเค็ม) สินค้าวิสาหกิจชุมชนดาหลาปาเต๊ะ อาทิ กระเป๋า, ผ้าบาติก และผ้ามัดย้อม
เส้นทางที่ 4 อำเภอมะนัง – ถ้ำภูผาเพชร วังสายทอง จะได้พบกับ “Unseen สตูล” อาทิ ถ้ำภูผาเพชรที่เก่าแก่กว่า 450 ล้านปี, น้ำตกวังสายทอง, วัดนิคมพัฒนาราม
เส้นทางที่ 5 อำเภอท่าแพ – บ้านสาคร จะได้พบกัน ชุมชนสาครที่โอบล้อมด้วยธรรมาติแบบ 360 องศา เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด
เส้นทางที่ 6 อำเภอละงู – ปราสาทหินพันยอด จะได้พบกับ ปราสาทหินพันยอดที่เป็นภูเขาหินปูนในยุคออโดวิเซียน มีอายุเก่าแก่กว่า 488 ล้านปี และเป็นพื้นที่ถูกประกาศให้เป็นอุทยานธรณีโลก ซึ่งเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งแรกของไทย และปันหยาบาติก วิสาหกิจชุมขนที่ผลิต และจำหน่ายผ้ามัดย้อมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีฝีมือในการวาดลายผ้าที่สวยงาม โดดเด่น คือ เน้นการใช้สีธรรมชาติในการผลิตชิ้นงาน อาทิ แร่ธาติ, ใบไม้, เปลือกไม้ และผลไม้ และนักท่องเที่ยวยังได้ร่วมทำกิจกรรม Workshop เพนท์ผ้าบาติกด้วยฝีมือตัวเอง
เส้นทางที่ 7 อำเภอทุ่งหว้า – ท่าข้ามควาย จะได้พบกับชุมชน เล็กๆ ติดกับชายฝั่งทางออกสู่ทะเลอันดามัน ซึ่งมีกิจกรรม อาทิ ให้อาหารเหยี่ยวแดง, ชมฝูงปูก้ามดาบ, ชมฝูงค้างคาวนับหมื่นตัว และล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน, พิพิธภัณฑ์บ้านท่าข้ามควาย ที่รวบรวมของเก่าหาดูยาก อาทิ เครื่องมือประมง, อุปกรณ์ทำสวนยาง และเครื่องมือทำนา และจักสานต้นคลุ้มบ้านวังตง ที่มีผลิตภัณฑ์จักสานจากต้นคลุ้ม อาทิ โคมไฟ กระเป๋า และหมวก
และเส้นทางที่ 8 เส้นทางท่องเที่ยว GEOPARK จะได้พบ พิพิธภัณฑ์อุทยานธรณีโลกสตูลนำเสนอข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับธรณีวิทยา, ซากดึกดำบรรพ์ และโบราณวัตถุในพื้นที่, ถ้ำเลสเตโกดอน เป็นถ้ำเลที่มีความยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร ในถ้ำมีหินรูปร่างแปลกตา, ซากฟอสซิลที่มีอายุประมาณ 500 ล้านปี เหมาะสำหรับคนชอบท่องเที่ยวแบบอเวนเจอร์ส และรักธรรมชาติ, สะพานข้ามกาลเวลา เป็นทางเดินริมทะเลเพื่อศึกษาธรณีวิทยากับธรรมชาติเลียบชายฝั่ง ที่มีช่วงหนึ่งของหน้าผาที่ชนกันของหิน 2 ยุค คือ ยุคแคมเบรียน (542 – 488 ล้านปี) กับยุคออร์โดวิเชียน (488 – 444 ล้านปี) และฉิมเมล่อน เป็นแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตร การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน การผสมเกสรของ เมล่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมล่อนจีโอปาร์คบนพื้นผิวเมล่อน (อัตลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก)
“การเปิดเส้นทางท่องเที่ยว 8 เส้นทางที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดสตูล เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเป็นการนำพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน เชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชนผลักดันให้เป็นซอฟเพาเวอร์ในท้องถิ่นสู่ตลาดสากล และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ชาวบ้านมีงานทำ”