Friday, 31 January 2025 | 12 : 39 am
spot_img
spot_img

4Quarter.co

Friday, 31 January 2025 | 12 : 39 am
spot_img
เอสซีจี มั่นใจบริหารกระแสเงินสดแข็งแกร่ง เคาะปันผลเกือบ 100% ของกำไร มุ่งดูแลผู้ถือหุ้นทุกคนต่อเนื่อง ย้ำสุขภาพองค์กรแข็งแรง คว้าโอกาสเศรษฐกิจในภูมิภาคฟื้น   •   บางจากฯ – TOA ลงนาม MOU ความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม   •   คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต   •   คปภ. ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัย กรณีรถกระบะเฉี่ยวชนกันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ที่จังหวัดอ่างทอง   •   DITP และ GIT เตรียมจัด “บางกอกเจมส์” ครั้งที่ 71 ตระการตาอัญมณีและเครื่องประดับระดับโลก   •   เติมเต็ม “สุข” ทุกมิติ เพื่อ Healthspan ที่ยืนยาว ในงาน “แอมเวย์ เอ็กซ์โป 2568” 15 – 16 กุมภาพันธ์ 2568 อิมแพ็ค เมืองทองธานี   •   “ทิพยตะกาฟุล” รับประกันตราสัญลักษณ์ฮาลาลต่อเนื่องเป็นปีที่ 3   •   แอกซ่า ส่งเสริมการขับขี่อย่างมีวินัย ในเดือนแห่งความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน พร้อมมอบความอุ่นใจทุกเส้นทางด้วยประกันรถยนต์   •   เอสซีจี เผยปี 67 กำไร 6.3 พันล้านบาทกระแสเงินสดฯ 5.4 หมื่นล้านบาท ระดับเดียวกับปี 2566 เคาะปันผล 5 บาท/หุ้น เกือบ 100% ของกำไร ย้ำดูแลผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง   •   สมาคมประกันวินาศภัยไทย ชูแนวทางรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ เสริมศักยภาพธุรกิจประกันภัยสู่ทศวรรษหน้า   •   ธ.ก.ส. เปิดตัว “บัตรเดบิตเพชรน้ำหนึ่ง” ให้ประกันอุบัติเหตุ วงเงินคุ้มครองสูงสุด 2 ล้านบาท   •   กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม จับมือศิลปินแห่งชาติ จัดระดมความคิดแห่งศาสตร์ ร่วมสร้างสรรค์จรรโลงศิลป์   •   วิริยะประกันภัย ร่วมกับ มูลนิธิเมาไม่ขับ ปลุกเสกเหรียญเทพเจ้ากวนอู เตือนใจประชาชนเมาไม่ขับ รับช่วงเทศกาลตรุษจีน 2568   •   ‘กรุงศรี’ สนับสนุน ‘มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง’ ฟื้นฟูผืนป่าในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ   •   SCGD เผยปี 67 กำไรเพิ่ม 147% จากสินค้ามูลค่าเพิ่มโดนใจลูกค้า และลดต้นทุนด้วยพลังงานทดแทน มั่นใจปี ’68 โตต่อเนื่อง คว้าโอกาสตลาดอาเซียนฟื้น ลุยส่งออกต่างประเทศ
spot_img

SCGD เผยปี 67 กำไรเพิ่ม 147% จากสินค้ามูลค่าเพิ่มโดนใจลูกค้า และลดต้นทุนด้วยพลังงานทดแทน มั่นใจปี ’68 โตต่อเนื่อง คว้าโอกาสตลาดอาเซียนฟื้น ลุยส่งออกต่างประเทศ

กรุงเทพ ฯ : 29 มกราคม 2568 – SCGD เผยผลประกอบการปี 2567 กำไร 810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147% สวนกระแสตลาดอาเซียนชะลอตัวจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ-กระบวนการผลิต เสริมศักยภาพการแข่งขันโดย 1) พัฒนาและผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่มต่อเนื่อง 2) ลงทุนพลังงานทดแทนเพื่อลดต้นทุน 3) ใช้เทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์ ปี 2568 พร้อมรับตลาดอาเซียนฟื้น ตั้งงบลงทุน 4,000 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตสินค้า HVA เพิ่มช่องทางจำหน่ายทั่วอาเซียน และลุยส่งออกต่างประเทศ ตั้งเป้ารายได้โต 5% จ่ายปันผลต่อเนื่อง

นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) ผู้นำในธุรกิจเซรามิก วัสดุตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ ในภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “ผลประกอบการปี 2567 มีรายได้ 25,563 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10 จากปีก่อน โดยมี EBITDA 3,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อน มีกำไร 810 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 147 จากปีก่อน ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ และค่าเสียหายจากน้ำท่วมโรงงานในประเทศฟิลิปปินส์ รวมประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 4 ของปี 2567 มีรายได้ 5,978 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 โดยมี EBITDA 604 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 24 และมีกำไร 80 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากไตรมาสนี้ มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวตามที่ได้กล่าวข้างต้น

ทั้งนี้ บริษัทสามารถลดเงินทุนหมุนเวียนลงร้อยละ 10 มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท จากการควบคุมสินค้าคงคลัง และบริหารจัดการลูกหนี้ทางการค้า ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 39,823 ล้านบาท อัตราส่วน EBITDA ต่อหนี้สินสุทธิ (Net Debt to EBITDA) มีสัดส่วน 1.4 เท่า กระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง คณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจําปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท โดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เมื่อในวันที่ 22 สิงหาคม 2567 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยกำหนดวันที่ XD (หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผล) ในวันที่ 31 มีนาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 เมษายน 2568

Bathroom design modern & Loft – 3D render

ปี 2567 บริษัทฯ ได้เสริมศักยภาพความสามารถการแข่งขันด้วย 1) มุ่งพัฒนาและผลิตสินค้ามูลค้าเพิ่ม (High Value Added) ต่อเนื่อง ปรับไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่ในเวียดนามและไทย รวมทั้งสิ้น 14 ล้านตารางเมตร ล่าสุด ได้ปรับไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่เพิ่มอีก 5 ล้านตารางเมตร ณ เมือง Pho Yen เวียดนาม คาดแล้วเสร็จกลางปี 2568 2) เร่งลดต้นทุนด้วยพลังงานทดแทน กว่า 280 ล้านบาทต่อปี โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลได้ถึงร้อยละ 20 และใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ถึงร้อยละ 10 ตั้งเป้าปี 2573 เพิ่มการใช้งานพลังงานชีวมวล ร้อยละ 46 และพลังงานโซลาร์เซลล์ ร้อยละ 15 และ 3) ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์ (Robotic) เร่งตอบความต้องการตลาด อาทิ ตรวจสอบคุณภาพของแผ่นกระเบื้องในกระบวนการผลิต ใช้แขนกลหุ่นยนต์ในการผลิตสุขภัณฑ์ ระบบขนย้ายสินค้าและบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติ เป็นต้น รวมถึงการปรับปรุงการผลิต เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการเติบโตทั้งในธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว ธุรกิจสุขภัณฑ์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (Complementary Business) ต่อเนื่อง โดยเล็งเห็นถึงโอกาสการขยายส่งออกในตลาดที่มีความต้องการที่หลากหลายและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น อีกทั้งเพิ่มช่องทางจำหน่ายในอาเซียนผ่านการเปิดร้านค้า 15 ร้าน ได้แก่ ไทยเปิด COTTO LiFE สาขาดอนเมือง และคลังเซรามิก 8 สาขา ฟิลิปปินส์เปิดร้าน CTM จำนวน 4 สาขา กัมพูชาเปิดร้าน OK Tile center และเวียดนามเปิดร้านค้า V Ceramic ทั้งยังจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าสุขภัณฑ์กว่า 170 รายในอาเซียน ส่งผลให้ยอดขายสุขภัณฑ์ในต่างประเทศ เพิ่มประมาณ 500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากปีก่อน รวมทั้งปรับพอร์ตสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ปูนกาว ยาแนวสำหรับการติดตั้งกระเบื้อง ชุดครัว และประตูหน้าต่าง รวมถึงกระเบื้องสำหรับเคาท์เตอร์ท๊อปให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาด ทำให้มียอดขาย 416 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากปีก่อนหน้าปี 2568 ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และ EBITDA จะเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 5 จากสถานการณ์ตลาดวัสดุตกแต่งพื้นผิว กระเบื้องเซรามิก และสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนมีสัญญาณการเริ่มทะยอยฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ พร้อมคว้าโอกาสโดยตั้งงบลงทุน 4,000 ล้านบาท เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้วยการขยายโรงงานเพิ่มกำลังการผลิตสินค้า HVA รองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายครอบคลุมทั่วอาเซียน โดยตั้งเป้าเติบโต 2 เท่าในปีนี้ จากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG ได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็น

“หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings” ระดับ A กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Propcon) และ “ดัชนี SETESG” ประจำปี 2567 สะท้อนการเติบโตอย่างยั่งยืน และการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ลงทุน โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียและสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง คว้าผลประเมิน CGR ระดับ 5 หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างจากการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567”

spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img