กิฟฟารีนเปิดแผนปี 2568 ปีที่จะครบรอบ 29 ปี และก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 ของกิฟฟารีน บริษัทขายตรงสัญชาติไทย พร้อมเปิด new version 2.9 และแผนทำตลาดสอดรับสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ยิ้มรับผลประกอบการตลอดระยะเวลา 29 ปี กิฟฟารีนมีรายได้รวมแตะ 110,758 ล้านบาท ลั่นเตรียมแผนการตลาดสู้กระแสเศรษฐกิจ ผู้บริโภคระวังการใช้จ่าย
![](https://4quarter.co/wp-content/uploads/2025/02/1000048178.jpg)
นายพงศ์พสุ อุณาพรหม รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่เพื่อการเติบโตองค์กร บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้กิฟฟารีนจะครบรอบ 29 ปี และก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ดังนั้นทุกคนจะได้เห็นกิฟฟารีน new version 2.9 ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ท่ามกลางกระแสข่าวแชร์ลูกโซ่ที่ร้อนแรง พร้อมแผนการทำตลาดที่ยังคงเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ในคอนเซปต์ “Longevity” การมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพมากขึ้น เพื่อสอดรับกับสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบในขณะนี้ ตอกย้ำแบรนด์ขายตรงอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคมายาวนานกว่า 29 ปี และเป็นบริษัทขายตรงที่ถูกต้อง ที่สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ผู้คนได้จริง และสามารถทำให้นักขายกิฟฟารีนที่ปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 870,000 รหัส เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีอยู่ 860,000 รหัส มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังคงเน้นพัฒนาช่องทางขายทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ต่อเนื่อง เพื่อให้สินค้าและบริการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ครอบคลุมทุกกลุ่มมากที่สุด ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มคนที่ต้องการมีรายได้เสริมที่มั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในภาวะที่เศรษฐกิจขาลงกิฟฟารีนพร้อมเปิดประตูบ้านต้อนรับผู้สนใจ เข้ามาเป็นครอบครัวนักธุรกิจกิฟฟารีนโดยไม่ต้องลงทุน ด้วยการให้เข้ามาเรียนรู้การทำธุรกิจ ขณะเดียวกันกิฟฟารีนก็ได้พัฒนาด้านเทคโนโลยีแบบเต็มเหนี่ยว เพื่อเข้ามาช่วยเสริมแกร่งให้ระบบสนับสนุนทางการตลาดสำหรับนักธุรกิจกิฟฟารีน ให้สามารถทำงานและขยายเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งถือเป็นแผนเร่งด่วนที่จะต้องทำให้สำเร็จภายในปี 2568 นี้
นายพงศ์พสุ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจขายตรงปี 2568 ยังมีสัญญาณบวก และเป็นธุรกิจที่ยังไปต่อได้โดยมูลค่าตลาดรวมธุรกิจขายตรง ที่ทางสมาคมการขายตรงไทยได้รวบรวมไว้ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 56,400 ล้านบาท (ข้อมูลจากผลการวิจัยปี 2566) ทำให้ปี 2568 กิฟฟารีนจะรุกทำตลาดเต็มสูบ โดยกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มและโอกาสการเติบโตสูงของกิฟฟารีนยังคงเป็นกลุ่มสกินแคร์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในกลุ่ม Longevity และดูแลรูปร่าง โดยปี 2568 ทั้งปีคาดว่าจะใช้งบทำตลาด 150-200 ล้านบาทเท่ากับทุกๆ ปี เพื่อผลักดันให้ยอดรายได้และผลประกอบการของบริษัทฯ ในสิ้นปี 2568 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
“ตลอดระยะเวลา 29 ปี จากเดือนมี.ค.2539 – ธ.ค.2567 กิฟฟารีนมียอดขายรวมอยู่ที่ 110,758 ล้านบาท ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจอย่างมาก ซึ่งเป็นผลจากกิฟฟารีนมีความเข้าใจคนไทย ทั้งในเรื่องงานขาย และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามครบวงจร รวมถึงการปรับกระบวนทัพทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ใหม่ๆ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของกิฟฟารีน ทำให้การดำเนินธุรกิจปี 2568 นี้ กิฟฟารีนจะโฟกัสที่สถานการณ์เศรษฐกิจควบคู่กับการทำธุรกิจ รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ ด้วย แม้ที่ผ่านมาการทำธุรกิจของกิฟฟารีนจะเดินมาถูกทางแล้ว แต่ละกลุ่มสินค้าที่เข็นเข้ามาทำการตลาดจะได้รับความนิยมต่อเนื่อง สามารถสู้กระแสเศรษฐกิจและการระมัดระวังในเรื่องของการใช้จ่ายเงินของผู้บริโภคคนไทย โดยบางกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะกลุ่ม Health & Beauty ทำยอดขายเติบโตสูงมาก ซึ่งไม่ต่างจากภาพรวมธุรกิจขายตรง ที่กลุ่มสินค้า Health & Beauty ก็ยังเติบโตและได้รับความสนใจจากผู้บริโภคต่อเนื่องแบบไม่ถดถอย”
อีกหนึ่งกิจกรรมของกิฟฟารีนปีนี้ มีแผนคืนกำไรให้นักธุรกิจ ในรูปแบบรางวัลและทริปท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยจะทำในรูปแบบการแข่งขันท่องเที่ยว “Fantastic Exclusive Awards” ซึ่งแข่งขัน 12 รอบจำหน่าย ไปท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศส พร้อมจัดประชุมสัมมนาในภูมิภาคหลักๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งปี และการมอบรางวัลให้แก่นักธุรกิจที่สร้างผลงานยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังทุ่มทุนกว่า 100 ล้านบาท ในการขยายและสร้างสำนักงานธุรกิจกิฟฟารีนแห่งใหม่ 2 แห่ง คือ ภูเก็ต และ หาดใหญ่ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในภาคใต้ รวมถึงรีโนเวทสำนักงานสาขาในภูมิภาคสำคัญๆ อีกด้วย โดยปัจจุบันกิฟฟารีนมีสำนักงานสาขารวมทั้งสิ้น 103 สาขา เพื่อพร้อมให้บริการแก่สมาชิก และผู้บริโภคทั่วประเทศ และมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ เดลิเวอรี่ อี-มาร์เก็ตเพลส และ โซเชียล มีเดีย ที่พร้อมให้บริการลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์กิฟฟารีนได้ในทุกๆ ช่องทาง