● พระ: สัญลักษณ์แห่งความดีงาม? หรือ ความเป็นมนุษย์ ที่ยังมีกิเลส ตัณหา? และ ● บางคำถามที่ไม่มีใครกล้าถาม??

เมื่อเกิดข่าวฉาวของ พระกับสีกา ปฏิกิริยาของสังคมไทยมักสะท้อนความ ผิดหวัง อย่างรุนแรง ทั้งที่ในอีกด้านหนึ่ง เราก็รู้ว่า พระก็คือมนุษย์ ที่ไม่ได้หลุดพ้นจากกิเลสโดยอัตโนมัติหลังการบวช
● จึงมีคำถามเกิดขึ้นว่า… – สังคมไทยคาดหวังกับพระมากเกินไปหรือไม่? หรือ – “ศีลธรรมถูกละเลยหล่นหาย” ไปกับ โครงสร้างทางศาสนา ที่คนทั่วไปไม่กล้าแตะต้อง?

พระ: ผู้นำจิตวิญญาณ หรือ มนุษย์เพศชายภายใต้จีวร?
ภายใต้พลังแห่งศรัทธา พระถูกยกให้เป็น เนื้อนาบุญ คือผู้เป็นแบบอย่างแห่งศีลธรรม ความสงบ ความไม่โลภ ไม่หลง แต่ในความจริง พระคือบุคคลธรรมดา ที่บางรูปเพิ่งเข้าสู่สมณเพศ อาจจะเพิ่งบวชไม่นาน หรือบวชแบบชั่วคราวด้วยซ้ำ
ความย้อนแย้งคือ…
• เราคาดหวังให้พระเป็นบุคคลที่ควรเคารพ
• แต่โครงสร้างของการบวชยังไม่มีกระบวนการคัดกรอง ทั้งในด้านวุฒิภาวะหรือการทดสอบจิตใจใดๆ
• เมื่อเกิดปัญหา จึงไม่แปลกที่คำว่า อ่อนต่อโลก ถูกนำมาใช้อธิบายพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
อ่อนต่อโลก อาจเป็นคำสารภาพแบบสิ้นคิด แต่ในบริบทสังคมที่เต็มไปด้วยการตั้งคำถาม วลีนี้อาจฟังเหมือน “ข้ออ้าง” มากกว่า “สำนึก”
เพราะ ธรรม ไม่ ได้ สอน ให้ อ่อนต่อโลก แต่ ให้ รู้เท่าทันโลก ด้วย ปัญญา

● หากเรายอมรับว่าพระก็คือมนุษย์ คำถามต่อมาคือ ควรมีการจัดระบบ บทบาท ความรับผิดชอบ และมาตรฐานจริยธรรมของพระให้ชัดเจนมากกว่านี้หรือไม่?
● แนวคิดที่ควรถูกหยิบยก ได้แก่
– ระบบธรรมาภิบาลของสงฆ์ ที่ ตรวจสอบได้ และตอบสนองต่อสังคมอย่างเป็นระบบ
– การแยกบทบาทของพระนักเผยแผ่ พระนักปฏิบัติ หรือ พระนักบริหาร ให้ชัดเจน ไม่ให้เกิดภาวะรวมศูนย์อำนาจในจีวร
– การเปิดพื้นที่ให้ฆราวาส มีบทบาทในการเสนอแนะต่อองค์กรสงฆ์ โดยไม่ถูกตีตราว่าลบหลู่
– การอบรมพระให้เข้าใจบทบาทในโลกยุคใหม่ ไม่ใช่แค่ด้านศีลธรรม แต่รวมถึงการสื่อสาร และ การอยู่ร่วมกับสังคม
ศีลธรรม: ไม่ควรถูกตั้งอยู่บนภาพลักษณ์ที่เป็นไปไม่ได้
หากเรายังยกพระสงฆ์ไว้บนหิ้ง โดยไม่มีระบบตรวจสอบใด ๆ เมื่อพระทำผิด สังคมจะตกใจทุกครั้ง และศรัทธาจะร้าวลึกทุกคราว แต่หากเรายอมรับว่า
– พระ ก็คือคนที่ต้องได้รับการสนับสนุนให้พัฒนา
– องค์กรศาสนา คือโครงสร้างที่ต้องโปร่งใส
เมื่อนั้น… ศีลธรรมจะไม่หล่นหาย และความคาดหมายจะเปลี่ยนจากการยกไว้บนหิ้ง มาเป็นการสร้างระบบเพื่อดูแล

• เพราะการยกมือไหว้ และการทำบุญ ควรเกิดจากความเชื่อมั่นที่มีต่อคุณค่าภายใน และแรงจูงใจจากกุศลจิตที่แท้จริง
ไม่ใช่เพียงทำไปเพราะหวังบุญ หรือถูกกรอบวัฒนธรรมสั่งให้ทำ (แบบที่ไม่เคยตั้งคำถาม)
• และบทบาทของพระในโลกปัจจุบัน ไม่ควรถูกตัดสินจากจีวรเพียงผืนเดียว
แต่ควรถูกสร้างผ่าน ปัญญา เสียงสะท้อน และความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งสงฆ์และฆราวาส
● …นับจากนี้จึง ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของศรัทธา แต่คือ จุดเริ่มต้นของสังคม ที่กล้าเปิดใจ รับฟังความจริง และพร้อมปรับเปลี่ยนสิ่งที่ควรเปลี่ยน เพื่อ คงสิ่งดีงามไว้ให้มั่นคงยั่งยืนกว่าเดิม
■ ผู้เขียน: จิรารัฏฐ์ บูรพารัศมิ์ บรรณาธิการบริหาร


















