การแต่งตั้ง วิทัย รัตนากร ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนที่ 25 (มีผล วันที่ 1 ตุลาคม 2568) ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงผู้นำระดับสูงขององค์กรกลางทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณสำคัญของการเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินไทยในรอบหลายทศวรรษ จากการมุ่งเน้นเพียงเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค ไปสู่ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มฐานราก

แนวทางใหม่ของ ธปท. กับการรับมือหนี้ครัวเรือน
ภายใต้การนำของ วิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนที่ 25 ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงสำคัญด้านนโยบายการเงิน ที่เน้น “คุณภาพชีวิตของประชาชน” ควบคู่กับ “เสถียรภาพระบบการเงิน” โดยเฉพาะในประเด็นที่เร่งด่วนที่สุดอย่าง “หนี้ครัวเรือน” ซึ่งปัจจุบันพุ่งสูงถึง 87.4% ของ GDP (Q1/2025) — ติดอันดับต้น ๆ ของเอเชีย
● ประสบการณ์บริหารในองค์กรสำคัญของประเทศ อาทิ
• ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ซึ่งในช่วงวิกฤตโควิด-19 (ปี 2563-2565) ได้ผลักดันมาตรการปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนฐานรากรวมกว่า 200,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งสินเชื่อฉุกเฉินดอกเบี้ยต่ำ สินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจรายย่อย และโครงการพักหนี้
• เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มีบทบาทสำคัญในการออกแบบนโยบายการคลังเพื่อเสริมสภาพคล่องให้เศรษฐกิจในยามวิกฤต
• เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่ดูแลเงินลงทุนกว่า 1.2 ล้านล้านบาท โดยบริหารให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างความมั่นคงให้สมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน
โดยเฉพาะบทบาทที่สร้างชื่อเสียงมากที่สุด คือการเป็น “สถาปนิกของระบบ Social Banking” ซึ่งออกแบบกลไกทางการเงินให้ตอบโจทย์กลุ่มเปราะบาง และพัฒนาโครงสร้างหนี้ในระดับฐานราก
ด้วยวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมทั้งการเงินระดับมหภาคและเศรษฐกิจฐานรากดังกล่าว การขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จึงเป็นที่คาดหวังว่าจะนำพาองค์กรให้มีบทบาทเชิงรุกมากขึ้นในการออกแบบระบบการเงินแห่งอนาคต ที่มีทั้ง ความยืดหยุ่น เท่าเทียม และ ยั่งยืน เพื่อรับมือกับปัญหาเรื้อรังอย่างหนี้ครัวเรือน และพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าอย่างมั่นคงในระยะยาว

เชื่อมโยงระบบการเงิน – ดิจิทัล – ประกันภัย
หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจ คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัล (Digital Financial Infrastructure) ที่ตอบโจทย์ทั้งภาคธุรกิจรายย่อยและประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะ SME ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 40% ของ GDP ไทย อีกทั้งประเด็นความสำคัญของ FinTech และ InsurTech ในการสร้างระบบการเงินและประกันภัยที่ครอบคลุมและเข้าถึงง่าย โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดประกันภัยในไทยอยู่ที่กว่า 2 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยปีละ 5-7% ซึ่งการประสานงานกับ คปภ. และการสนับสนุน Sandbox ด้านนวัตกรรมจะสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้เกิดขึ้นได้อย่างเห็นได้ชัด
ทิศทางนโยบายและผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ
นโยบายการเงินที่เน้น “นโยบายเพื่อประชาชน” ของ วิทัย รัตนากร มีเป้าหมายชัดเจนในการลดต้นทุนทางการเงิน โดยเฉพาะการ ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายจากระดับ 3.5% ซึ่งสูงกว่าค่าเงินเฟ้อที่ราว 2.5% และอยู่ในระดับที่เพิ่มความเปราะบางให้กับครัวเรือนและ SME, การประสานนโยบายการเงินและการคลังจะช่วยลดความขัดแย้งในมาตรการเศรษฐกิจ เช่น ป้องกันสถานการณ์ที่การคลังออกมาตรการกระตุ้น แต่การเงินกลับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเคยเกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
จาก “วิสัยทัศน์” สู่ “ยุทธศาสตร์ชาติ“
บริบทที่น่าจับตามอง คือการมาของ วิทัย รัตนากร ในฐานะ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นั้น น่าจะเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ธปท. จะเดินหน้าสู่บทบาท “ธนาคารกลางเพื่อทุกคน” ที่ไม่ได้มุ่งเพียงแค่การควบคุมเงินเฟ้อและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างระบบการเงินที่เข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจจากฐานราก และพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสังคมในอนาคต
■ ผู้เขียน: จิรารัฏฐ์ บูรพารัศมิ์ บรรณาธิการบริหาร


















