Wednesday, 8 January 2025 | 4 : 42 am
spot_img
spot_img

4Quarter.co

Wednesday, 8 January 2025 | 4 : 42 am
spot_img
ยูโอบี ประเทศไทย ร่วมเฉลิมฉลองความเป็นเลิศด้านอาหารในงานประกาศผลรางวัลมิชลิน ไกด์ 2025   •   ธ.ก.ส. จับมือ มูลนิธิข้าวไทยฯ ส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพและความเป็นอยู่ของชาวนาไทย   •   การเคหะแห่งชาติ เปิดทางเอกชนบริหารชุมชน หวังสร้างมูลค่าเพิ่มทรัพย์สิน สร้างงาน สร้างรายได้ สู่เป้าหมายยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน   •   เคทีซี เผยยอดสมัครบัตรเครดิตเคทีซี ดิจิทัล ทะลุเป้าขยายฐานจับกลุ่มพรีเมียม ต่อยอดด้วยบัตรฯ วีซ่า ซิกเนเจอร์ และเวิลด์ รีวอร์ดส มาสเตอร์การ์ด   •   วิริยะประกันภัย มอบน้ำดื่มจุดบริการประชาชน จ.นครศรีธรรมราช ดูแลการเดินทางตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568   •   SAM ประเดิมรับปีใหม่ คัดทรัพย์เด่นเพื่อที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ มูลค่ารวม 137 ลบ.เปิดประมูลครั้งที่ 1/68 ด้วยราคาพิเศษ วันที่ 24 ม.ค. นี้   •   กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต เปิดปีอย่างยิ่งใหญ่ ปลุกพลังฝ่ายขาย จัดงาน “2025 Distribution Day & Agency Kick Off”   •   เอไอเอ ประเทศไทย มอบเงินบริจาค 4 แสนบาท แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯจากกิจกรรม “AIA Vitality Virtual Challenge 2024”   •   อุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่ 2568: บริษัทกลางฯ ร่วมกับบริษัทประกันภัย เร่งเยียวยาผู้ประสบภัยใน 24 ชั่วโมง   •   SCBX สถาบันการเงินแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองเป้าหมายการจัดการสภาพภูมิอากาศตามหลักวิทยาศาสตร์จาก SBTi   •   วิริยะประกันภัย มอบทุน “สุขที่ให้…เพื่อน้องได้เรียน” ปีที่ 5 สร้างโอกาสทางการศึกษาในพื้นที่ภาคกลาง – ตะวันตก   •   ออมสิน เปิดตัวกระปุก “น้องออมสินตัวตึง” ส่งเสริมการออมวันเด็กแห่งชาติ 2568 จองสิทธิ์ฝากเงินรับกระปุก 6 – 9 ม.ค. 2568 ที่เว็บไซต์/ Line : GSB Society และแอป MyMo   •   BAM แต่งตั้ง นายบรรยง วิเศษมงคลชัย รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร   •   เลขาธิการ คปภ. ตรวจเยี่ยมจุดบริการประชาชน จ.นครศรีธรรมราช พร้อมช่วยเหลือด้านประกันภัย ลดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 2568   •   กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เปิดรับสมัครเยาวชนอายุ 13-15 ปี เข้าร่วมโครงการ KTAXA Know You Can Football Youth (U-15) Academy Season 5 ประเดิมสนามแรกต้นปีที่ จ.ขอนแก่น
spot_img

คปภ. ลงพื้นที่ช่วยเหลือด้านประกันภัยกรณีรถไฟเฉี่ยวชนรถบัสโดยสาร ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา

คปภ. ลงพื้นที่ช่วยเหลือด้านประกันภัยกรณีรถไฟเฉี่ยวชนรถบัสโดยสาร ที่จังหวัดฉะเชิงเทราเสียชีวิต 20 ราย บาดเจ็บ 30 กว่าราย ตรวจสอบพบมีประกันภัยภาคบังคับ-ภาคสมัครใจ พร้อมเร่งนำระบบประกันภัยช่วยเยียวยาความเสียหายโดยเร็ว

ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีการเกิดอุบัติเหตุรถไฟบรรทุกสินค้าเฉี่ยวชนรถบัสโดยสาร หมายเลขทะเบียน 30-1476 พระนครศรีอยุธยา ที่นำผู้โดยสาร จำนวนประมาณ 60 คน ไปทอดกฐินวัดบางปลานัก โดยเดินทางมาจากจังหวัดสมุทรปราการ ทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 20 ราย และได้รับบาดเจ็บ จำนวน 30 กว่าราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2563 บริเวณสถานีรถไฟแขวงกลั่น หมู่ 7 ตำบลบางเตย อำเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เบื้องต้นเลขาธิการ คปภ. ได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ และสายกลยุทธ์องค์กร บูรณาการการทำงานร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค โดยสำนักงาน คปภ. ภาค 6 (ชลบุรี) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดฉะเชิงเทรา ติดตามและตรวจสอบการจัดทำประกันภัยของรถบัสโดยสารที่ประสบอุบัติเหตุ ว่า มีการทำประกันภัยประเภทใดไว้บ้าง เพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการนำระบบประกันภัยเข้าไปเยียวยาความสูญเสียที่เกิดขึ้นให้กับผู้ประสบภัยในครั้งนี้

ทั้งนี้ ได้รับรายงานเบื้องต้นจาก สำนักงาน คปภ.ภาค 6 (ชลบุรี) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ได้ลงพื้นที่และประสานงานกับการรถไฟแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ว่า รถบัสโดยสารหมายเลขทะเบียน 30-1476 พระนครศรีอยุธยา ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ NCMI9007926071 เริ่มคุ้มครองวันที่ 30 กันยายน 2563 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 กันยายน 2564 และได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 3) ไว้กับ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 6336600792 เริ่มคุ้มครองวันที่ 30 กันยายน 2563 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 กันยายน 2564 โดยคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ของบุคคลภายนอก 500,000 บาท/คน 10,000,000 บาท/ครั้ง ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก 1,000,000 บาท คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลกรณีสูญเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร (ผู้ขับขี่/ผู้โดยสาร 39 คน) 50,000 บาท/คน ค่ารักษาพยาบาล 50,000 บาท/คน ประกันตัวผู้ขับขี่ 100,000 บาท

จากอุบัติเหตุในครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิต จำนวน 20 ราย แยกเป็นผู้โดยสาร 19 ราย เบื้องต้นจะได้รับค่าสินไหมทดแทน รายละ 550,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 500,000 บาท และสัญญาแนบท้ายประกันอุบัติเหตุ (PA) จำนวน 50,000 บาท สำหรับผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย เป็นผู้ขับขี่รถบัสโดยสาร ในเบื้องต้นจะได้รับค่าสินไหมทดแทนจำนวน 85,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 35,000 บาท และสัญญาแนบท้ายประกันอุบัติเหตุ (PA) จำนวน 50,000 บาท รวมค่าสินไหมทดแทนสำหรับผู้เสียชีวิตที่จะได้รับในเบื้องต้นโดยไม่ต้องรอผลพิสูจน์ถูกผิด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,535,000 บาท ทั้งนี้ วงเงินคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากที่สำนักงาน คปภ.ได้เพิ่มความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กรณีเสียชีวิต จาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา

สำหรับผู้บาดเจ็บเป็นผู้โดยสารรถบัส จำนวน 30 กว่าราย ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพุทธโสธร บ้านโพธิ์ คลองเขื่อน และเกษมราษฎร์ โดยในเบื้องต้นผู้บาดเจ็บจะได้รับสิทธิค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกินรายละ 130,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 80,000 บาท และสัญญาแนบท้ายประกันอุบัติเหตุ (PA) ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 50,000 บาท โดยสำนักงาน คปภ.จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ประสานบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้องเข้ารับรองสิทธิค่ารักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลที่รับรักษาโดยตรงเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ในส่วนค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยรถยนต์นอกเหนือจากนี้ ต้องรอผลคดีจากพนักงานสอบสวนว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายประมาทและหากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่นๆ เช่น กรมธรรม์ประกันชีวิต กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ ฯลฯ จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้อีกด้วย นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ.จังหวัดฉะเชิงเทราได้ประสานงานกับสำนักงาน คปภ. จังหวัดสมุทรปราการ บริษัทผู้รับประกันภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกด้านประกันภัยแก่ทายาทผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยโดยเร็วต่อไป

“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุดังกล่าว รวมทั้งมีความห่วงใยประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และขอฝากเตือนประชาชนควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะเส้นทางการจราจรที่ไม่คุ้นเคย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ และหมั่นตรวจสอบสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนตรวจวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งควรทำกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและกรมธรรม์ประกันชีวิตอื่นๆ ด้วย เพื่อที่ระบบประกันภัยจะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img