Thursday, 2 May 2024 | 8 : 34 am

4Quarter.co

Thursday, 2 May 2024 | 8 : 34 am
SCG HOME Experience เปิด 3 โซนใหม่ ตอกย้ำทุกเทรนด์การอยู่อาศัยเอาใจคนรักบ้าน   •   ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และผู้ประกอบการ SME รายย่อย มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป   •   คิง เพาเวอร์ ส่งท้ายความฮอต ยิ่งช้อป ยิ่งได้ลด ตลอดทั้งเดือน   •   TOA เปิดนโยบาย GREEN MISSION เดินหน้าพันธกิจ พิชิต Net Zero เสริมแกร่งด้วย ฉลากลดโลกร้อน (CFR) มากที่สุดในสีทาอาคาร ตอกย้ำผู้นำตลาดสีเบอร์หนึ่ง เติบโตสู่ปีที่ 60 อย่างยั่งยืน   •   การเคหะแห่งชาติ ก่อสร้างโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 อาคาร D1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% คาดว่าจะส่งมอบให้ผู้อยู่อาศัยประมาณเดือนพฤษภาคม 2567   •   ทิพยประกันภัย จับมือ BEM มอบของขวัญช่วงวันแรงงาน สำหรับผู้ถือบัตร MRT/MRT PLUS และ EASY PASS รับฟรี! ประกันอุบัติเหตุ คุ้มครองสูงสุด 50,000 บาท พร้อมค่าชดเชยรายวัน 500 บาทต่อวัน   •   OCEAN LIFE ไทยสมุทร ส่ง“โอเชี่ยนไลฟ์ เบทเทอร์ ไลฟ์ 95/60 (Package)” แบบประกันตลอดชีพแนวคิดใหม่ ที่จะช่วยให้คุณออกแบบอนาคตที่ดียิ่งกว่าสำหรับวัยเกษียณ   •   กสิกรไทย ประกาศลดดอกเบี้ยช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง 0.25% เป็นระยะเวลา 6 เดือน ในช่วงที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่   •   TQM ร่วมกับ BKI จัดแคมเปญรับวันแรงงาน กับแนวคิด ประกันภัยมนุษย์เงินเดือน: ทุกความเสี่ยงบริหารได้ พร้อมมอบฟรีประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่ม (ไมโครอินชัวรันส์)   •   กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต จัดกิจกรรมลูกค้า “Barista Workshop” ณ จ.เชียงราย และเชียงใหม่ เอาใจคนรักกาแฟ   •   ศุภาลัย ร่อนโปรฯเด็ด “ของแทร่ แฟร์ทุกช้อยส์” เลือกเล้ย เครื่องใช้ไฟฟ้าสุดพรีเมียม 8 ชิ้น หรือช่วยผ่อนสูงสุด 2 แสนบาท!   •   กรุงศรี คว้ารางวัล “Best Bank for Sustainable Finance” และกวาดรางวัลด้านความยั่งยืน ตอกย้ำการเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจไว้วางใจ สู่การเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน   •   กลุ่มเอไอเอ ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ   •   ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ทั้งปีที่อัตราหุ้นละ 0.52 บาท   •   วิริยะประกันภัย ถวายเครื่องอุปโภคบริโภค มูลนิธิสหชาติ เพื่อสนับสนุนการจัดการแก้ปัญหาช้างป่าภาคตะวันออก   •   TOA จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 และอนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.35 บาทต่อหุ้น   •   บีคอน วีซี ร่วมกับ SUN Group ลงทุน Series A ใน ION Energy สตาร์ทอัพพลังงานโซลาร์สัญชาติไทย หนุนการเข้าถึงพลังงานสะอาดต้นทุนต่ำ   •   เมืองไทยประกันภัย จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 จ่ายเงินปันผล 5.00 บาทต่อหุ้น   •   เคทีซี ควงแขน ซีไลฟ์ แบงคอก ชวนครอบครัวท่องเที่ยว เปิดประสบการณ์นอกห้องเรียน   •   พลังบุญทิพย #225 พิธีมหามงคลเทวาภิเษกบวงสรวงองค์เทพหนุมานทิพยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ พร้อมจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ประจำปี เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งแผ่นดินไทย   •   TQMalpha มั่นใจกลุ่มธุรกิจประกันเบี้ยแตะ 33,000 ล้านบาท เร่งสปีดพัฒนาเทค-แพลตฟอร์มกลุ่มประกันและการเงิน เพื่อตอบโจทย์การบริการผู้บริโภค   •   ลดสูงสุด 20% เมื่อจองเที่ยวบิน หรือ ที่พัก ผ่านบัตร Krungsri Boarding Card หรือบัตรกรุงศรี เดบิต ที่ Trip.com   •   “สาระ ล่ำซำ” รับรางวัลเกียรติยศ TOP CEO (THAILAND) 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3   •   ธ.ก.ส. ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ลง 0.25% หนุนการฟื้นตัวกลุ่มเปราะบาง   •   เอไอเอ ประเทศไทย มอบรางวัลเกียรติยศแก่สุดยอดตัวแทน “ที่สุดแห่งปี” ประจำปี 2566 ในงาน AIA Annual Agency Awards Presentation 2023­­­­   •   ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย   •   ออมสิน ประกาศลดดอกเบี้ย MRR ลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยทุกกลุ่ม คงเหลืออัตราดอกเบี้ย MRR (หลังปรับลด) = 6.595%   •   Caring is Giving “Protect Your Car” ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ใส่ใจคุณ พร้อมเคียงข้างทุกการเดินทาง ชวนลดความเสี่ยง ปกป้องรถที่คุณรักอย่างยั่งยืน   •   เคทีซี เผยยอดใช้จ่ายไอเทมคลายร้อนที่ KTC U SHOP พุ่งกว่า 120% เปิดช่องทางช้อปใหม่ผ่านแอป KTC Moblie สะดวก ปลอดภัย พร้อมรับโปรสุดคุ้ม   •   กสิกรไทย ร่วมฉลองความสำเร็จ KCBL รุ่น 1

ศูนย์ข้อมูลฯ เผย สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มูลค่าหน่วยเหลือขายกว่า 4.3 หมื่นล้านบาท บ้านจัดสรรยังน่าห่วง

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้ทำการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดมหาสารคาม โดยเป็นการสำรวจในช่วงครึ่งหลัง ปี 2563 ซึ่งเป็นการสำรวจโครงการบ้านจัดสรร และอาคารชุด ที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย พบว่ามีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างขาย ณ ครึ่งหลัง ปี 2563 ทั้งหมด 297 โครงการ จำนวน 13,500 หน่วย มูลค่ารวม 47,535 ล้านบาท จำแนกเป็นโครงการบ้านจัดสรร 250 โครงการ 10,620 หน่วย มูลค่า 40,361 ล้านบาท และโครงการอาคารชุด 47 โครงการ 2,880 หน่วย มูลค่า 7,174 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวมีหน่วยเหลือขายจำนวน 12,365 หน่วย รวมมูลค่าหน่วยเหลือขาย 43,350 ล้านบาท และในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่จำนวน 1,135 หน่วย รวมมูลค่า 3,585 ล้านบาท

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยระหว่างการขายในพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา มีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -10.4 โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 6,161 หน่วย ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการบ้านจัดสรร 4,480 หน่วย หรือร้อยละ 72.7 เป็นโครงการอาคารชุด 1,681 หน่วย หรือร้อยละ 27.3 และเป็นโครงการเปิดขายใหม่ในครึ่งหลังปี 2563 เพียง 607 หน่วย มีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -53.0 มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 495 หน่วย ซึ่งการขายได้ใหม่นี้มีอัตราลดลงถึงร้อยละ -18.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีหน่วยเหลือขายสะสมจำนวน 5,666 หน่วย หรือลดลง ร้อยละ -9.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562เมื่อจำแนกตามราคาพบว่าหน่วยเหลือขายส่วนใหญ่อยู่ในช่วงระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวน 2,191 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 38.7 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดก็ยังคงอยู่ในช่วงราคา 2.01-3.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 234 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 47.3 สำหรับหน่วยเหลือขายในครึ่งหลัง ปี 2563 ในจังหวัดนครราชสีมา เป็นโครงการบ้านจัดสรรจำนวนทั้งสิ้น 4,069 หน่วย จากจำนวนหน่วยเหลือขาย 5,666 หน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 71.8 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด

ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดนครราชสีมา ปี 2564
สำหรับทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดนครราชสีมา ปี 2564 ภาพรวมตลาดยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2563 ผลจาก COVID-19 ช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ทำให้ตลาดทั้งปี 2564 มีภาวะชะลอตัวเช่นเดียวกับปี 2563 คาดการณ์ว่าช่วง H1/64 หน่วยเปิดใหม่จะต่ำกว่า H1/63 ที่ร้อยละ -24.7 และ H2/64 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.6 จาก H2/63 หน่วยเปิดใหม่รวมปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวน 1,684 หน่วย มูลค่า 5,352 ล้านบาท ส่วนหน่วยขายได้ใหม่ H1/64 หน่วยขายได้จะต่ำว่า H1/63 ที่ร้อยละ -34.8 ส่วน H2/64 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 91.5 จาก H2/63 หน่วยขายได้ใหม่รวมปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวน 1,793 หน่วย มูลค่า 5,711 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย ณ สิ้นปี 2564 จะมีประมาณ 6,770 หน่วย มูลค่า 24,278 ล้านบาท และการโอนกรรมสิทธิ์ ในปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวนหน่วยประมาณ 6,141 หน่วย ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -26.6 และคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 10,627 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -38.4

สำหรับจังหวัดขอนแก่น ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยระหว่างการขายมีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -1.4 โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 3,974 หน่วย ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการบ้านจัดสรร 3,270 หน่วย หรือร้อยละ 82.3 เป็นโครงการอาคารชุด 704 หน่วย หรือร้อยละ 17.7 และเป็นโครงการเปิดขายใหม่ในครึ่งหลังปี 2563 เพียง 411 หน่วย มีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -45.1 มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 346 หน่วย ซึ่งการขายได้ใหม่นี้มีอัตราลดลงถึงร้อยละ -20.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีหน่วยเหลือขายสะสมจำนวน 3,628 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562เมื่อจำแนกตามราคาพบว่าหน่วยเหลือขายส่วนใหญ่อยู่ในช่วงระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวน 1,393 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 38.4 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดก็ยังคงอยู่ในช่วงราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 127 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36.7

สำหรับหน่วยเหลือขายในครึ่งหลัง ปี 2563 ในจังหวัดขอนแก่น เป็นโครงการบ้านจัดสรรจำนวนทั้งสิ้น 3,003 หน่วย จากจำนวนหน่วยเหลือขาย 3,628 หน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 82.8 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด
ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดขอนแก่น ปี 2564
สำหรับทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดขอนแก่น ปี 2564 คาดการณ์ว่าช่วง H1/64 หน่วยเปิดใหม่จะต่ำกว่า H1/63 ร้อยละ -21.5 และ H2/64 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.3 จาก H2/63 หน่วยเปิดใหม่รวม ปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวน 982 หน่วย มูลค่า 3,117 ล้านบาท และในส่วนหน่วยขายได้ใหม่ H1/64 หน่วยขายได้จะต่ำว่า H1/63 ร้อยละ -39.4 ส่วน H2/64 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 77.5 จาก H2/63 หน่วยขายได้รวมปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวน 1,156 หน่วย มูลค่า 3,310 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย ณ สิ้นปี 2564 จะมีประมาณ 3,573 หน่วย มูลค่า 12,062 ล้านบาท การโอนกรรมสิทธิ์ คาดว่าจะมีจำนวนหน่วยประมาณ 4,997 หน่วย ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -20 และคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 7,613 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -34.3

ด้านภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยระหว่างการขายจังหวัดอุดรธานี พบว่ามีอัตราลดลงร้อยละ -13.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 1,503 หน่วย ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการบ้านจัดสรร 1,379 หน่วย หรือร้อยละ 91.7 เป็นโครงการอาคารชุด 124 หน่วย หรือร้อยละ 8.3 และเป็นโครงการเปิดขายใหม่ในครึ่งหลังปี 2563 จำนวน เพียง 69 หน่วย ซึ่งทั้งหมดเป็นโครงการบ้านจัดสรร โดยลดลง ร้อยละ -57.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 สำหรับหน่วยขายได้ใหม่ มีจำนวน 143 หน่วย ซึ่งการขายได้ใหม่นี้มีอัตราลดลงร้อยละ -19.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีหน่วยเหลือขายสะสมจำนวน 1,360 หน่วย หรือลดลงร้อยละ -12.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 เมื่อจำแนกตามราคาพบว่าหน่วยเหลือขายส่วนใหญ่อยู่ในช่วงระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวน 533 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 39.2 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดก็ยังคงอยู่ในช่วงราคา 1.01-1.50 ล้านบาท โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 70 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49

สำหรับหน่วยเหลือขายในครึ่งหลัง ปี 2563 ในจังหวัดอุดรธานี เป็นโครงการบ้านจัดสรรจำนวนทั้งสิ้น 1,242 หน่วย จากจำนวนหน่วยเหลือขาย 1,360 หน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 91.3

ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดอุดรธานี ปี 2564
สำหรับทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดอุดรธานี ปี 2564 ประมาณการณ์ช่วง H1/64 หน่วยเปิดใหม่จะต่ำกว่า H1/63 ร้อยละ -8.0 และ H2/64 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 87.0 จาก H2/63 หน่วยเปิดใหม่รวมปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวน 255 หน่วย มูลค่า 1,504 ล้านบาท หน่วยขายได้ใหม่ H1/64 หน่วยขายได้จะต่ำว่า H1/63 ร้อยละ -32.0 ส่วน H2/64 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 60.8 จาก H2/63 หน่วยขายได้รวมปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวน 432 หน่วย มูลค่า 1,289 ล้านบาท และมีหน่วยเหลือขาย ณ สิ้นปี 2564 จะมีประมาณ 1,753 หน่วย มูลค่า 6,936 ล้านบาท ด้านการโอนกรรมสิทธิ์ คาดว่าในปี 2564 จะมีจำนวนหน่วยประมาณ 2,855 หน่วย ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -8.2 และคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 4,726 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -10.4

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยระหว่างการขายจังหวัดอุบลราชธานี พบว่ามีอัตราลดลง จากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -22.9 โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 1,129 หน่วย ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการบ้านจัดสรร 894 หน่วย หรือร้อยละ 79.2 เป็นโครงการอาคารชุด 235 หน่วย หรือร้อยละ 20.8 และเป็นโครงการเปิดขายใหม่ในครึ่งหลังปี 2563 เพียง 168 หน่วย มีอัตราเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ 130.1 หน่วยขายได้ใหม่จำนวน 112 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -44.3 โดยมีหน่วยเหลือขายสะสมจำนวน 1,017 หน่วย หรือลดลงร้อยละ -19.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 เมื่อจำแนกตามราคาพบว่าหน่วยเหลือขายส่วนใหญ่อยู่ในช่วงระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท โดยมีจำนวน 432 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 42.5 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดก็ยังคงอยู่ในช่วงราคา 2.01-3.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 57 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50.9 ขณะที่หน่วยเหลือขายในครึ่งหลัง ปี 2563 ในจังหวัดอุบลราชธานี เป็นโครงการบ้านจัดสรรจำนวนทั้งสิ้น 796 หน่วย จากจำนวนหน่วยเหลือขาย 1,017 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 78.3

ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2564
สำหรับทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2564 คาดการณ์ว่าช่วง H1/64 หน่วยเปิดใหม่จะต่ำกว่า H1/63 ร้อยละ-42.9 และ H2/64 จะลดลงร้อยละ -16.1 จาก H2/63 หน่วยเปิดใหม่รวมปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวน 270 หน่วย มูลค่า 868 ล้านบาท และในส่วนหน่วยขายได้ใหม่ H1/64 หน่วยขายได้จะต่ำว่า H1/63 ร้อยละ -31.5 ส่วน H2/64 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 77.7 จาก H2/63 หน่วยขายได้รวมปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวน 375 หน่วย มูลค่า 1,080 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย ณ สิ้นปี 2564 จะมีประมาณ 1,530 หน่วย มูลค่า 4,295 ล้านบาท ด้านการโอนกรรมสิทธิ์คาดว่าในปี 2564 จะมีจำนวนหน่วยประมาณ 2,448 หน่วย ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -30.5 และคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 2,894 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -48.2

ส่วนภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยระหว่างการขายจังหวัดมหาสารคาม มีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -2.9 โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 733 หน่วย ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการบ้านจัดสรร 597 หน่วย หรือร้อยละ 81.4 เป็นโครงการอาคารชุด 136 หน่วย หรือร้อยละ 18.6 และเป็นโครงการเปิดขายใหม่ในครึ่งหลังปี 2563 เพียง 51 หน่วย มีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -42.7 หน่วยขายได้ใหม่จำนวน 39 หน่วย มีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -55.7 โดยมีหน่วยเหลือขายสะสมจำนวน 694 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 เมื่อจำแนกตามราคาพบว่าหน่วยเหลือขายส่วนใหญ่อยู่ในช่วงระดับราคา 1.01-1.50 ล้านบาท โดยมีจำนวน 161 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 23.2 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดก็ยังคงอยู่ในช่วงราคา 1.01-1.50 ล้านบาท โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 19 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 48.7
สำหรับหน่วยเหลือขายในครึ่งหลัง ปี 2563 ในจังหวัดมหาสารคามเป็นโครงการบ้านจัดสรรจำนวนทั้งสิ้น 567 หน่วย จากจำนวนหน่วยเหลือขาย 694 หน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 81.7

ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดมหาสารคาม ปี 2564
สำหรับทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดมหาสารคาม ปี 2564 ประมาณการณ์ช่วง H1/64 หน่วยเปิดใหม่จะต่ำกว่า H1/63 ร้อยละ -2.8 และ H2/64 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 60.8 จาก H2/63 โดยหน่วยเปิดใหม่รวมปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวน 152 หน่วย มูลค่า 284 ล้านบาท และในส่วนหน่วยขายได้ใหม่ H1/64 หน่วยขายได้จะต่ำว่า H1/63 ร้อยละ -35.2 ส่วน H2/64 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 97.4 หน่วยขายได้รวมปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวน 145 หน่วย มูลค่า 413 ล้านบาท หน่วยเหลือขาย ณ สิ้นปี 2564 จะมีประมาณ 873 หน่วย มูลค่า 2,550 ล้านบาท ด้านการโอนกรรมสิทธิ์คาดว่าในปี 2564 จะมีจำนวนหน่วยประมาณ 1,210 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 2.6 และคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 1,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 17.9