Sunday, 5 May 2024 | 3 : 18 am

4Quarter.co

Sunday, 5 May 2024 | 3 : 18 am
คณะกรรมการ คปภ. มีมติเห็นชอบแต่งตั้งรองเลขาธิการ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป   •   สสว. ส่งภาพยนตร์โฆษณาเรื่องใหม่ “ปวดหัวซินโดรม” มุ่งสร้างการรับรู้และแนะนำบริการ E-Service เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SME   •   เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ตอกย้ำความสำเร็จ การก้าวสู่องค์กร Net Zero   •   กรุงเทพประกันภัย มอบเงิน 6 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี   •   ธ.ก.ส. จัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันฉัตรมงคล 2567   •   ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เผยมาตรฐาน “Green Living Standard” ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนกลับคืนสู่โลก หนึ่งพันห้าร้อยล้านลิตรตลอด 3 ปี ลดผลกระทบ PM2.5 และประหยัดค่าไฟ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งกว่าให้แก่ลูกบ้าน   •   TOA โชว์วิชั่นผู้นำนวัตกรรมรักษ์โลก ชูแนวคิดความยั่งยืน “Future Tree” ในงานสถาปนิก’67 ตอกย้ำพันธกิจ Green Mission นวัตกรรมสีและวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม   •   HKSTP นำเสนอโครงการบ่มเพาะ หวังเพิ่มศักยภาพของสตาร์ทอัพทั้งในประเทศและต่างประเทศ ชี้ไทยที่มีศักยภาพสูง เล็งดึงสตาร์ทอัพไทยเข้าสู่ฮ่องกงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้   •   ออมสิน ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันฉัตรมงคล   •   เคทีซี จับมือ โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ มอบสิทธิพิเศษ สำหรับชุดน้ำชายามบ่ายจากผลงานศิลปะชิ้นเอกของ วินเซนต์ แวน โก๊ะ   •   FWD ประกันชีวิต จัดงาน MDRT & Agency Annual Awards 2024 ฉลองความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพตัวแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศในระดับสากล   •   เก็บคูปองส่วนลดสูงสุด 200 บาท/เดือน กับบัตรกรุงศรี เดบิต หรือบัตร Krungsri Boarding Card ที่ Lazada   •   THAIFA ประกาศผลรางวัลตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2567   •   MTL Click แอปพลิเคชันจากเมืองไทยประกันชีวิต คว้ารางวัลสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี “BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4   •   ออมสิน จับมือ กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคี ร่วมอนุรักษ์ป่าชายเลน   •   หอการค้าไทย Kick Off โครงการรวมพลังคนไทย บริจาคโลหิต ปี 2567 ต่อยอดโครงการ 9 แสนซีซี 90 ปี หอการค้าไทย เชิญชวนสมาชิกร่วมบริจาคโลหิต เพื่อใช้สำรองยามขาดแคลน   •   วิริยะประกันภัย ปิดฉากดวลวงสวิงสนามสุดท้ายโซนภาคใต้ “Viriyah Invitational Golf Tournament 2024”   •   “แอกซ่าประกันภัย” เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้า จับมือ “วีซ่า”มอบประกันภัยการเดินทางต่างประเทศฟรี! รับเทรนด์ท่องเที่ยวเติบโต   •   กรุงศรี ออกมาตรการช่วยเหลือ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบาง เป็นเวลา 6 เดือน ตอบรับแนวทางการช่วยเหลือของสมาคมธนาคารไทย   •   กรุงเทพประกันภัย มอบเครื่องกรองน้ำพกพาและน้ำดื่มสนับสนุนภารกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ   •   กรุงเทพประกันชีวิต และ ธนาคารกรุงเทพ ร่วมจัดงานขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการวางแผนความคุ้มครองและการออมยาวนานกว่า 20 ปี   •   กรุงศรี คอนซูมเมอร์ แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด   •   แอปฟินนิกซ์ (FINNIX) เปิดตัวห้องเรียนออนไลน์ฟรี ‘เงินดีมีสุข รู้ทันหนี้ไม่มีทุกข์’ ตอบอินไซต์คนทำมาหากินที่ไม่มีเวลา ตั้งเป้าเสริมแกร่ง 10,000 คนทั่วไทยปีนี้   •   ฟิลลิปประกันชีวิต มอบรางวัลผู้ชนะการประกวดภาพยนตร์สั้น ภายใต้หัวข้อ “Get To Know Philliplife”   •   BAM จับมือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมพัฒนาบุคลากร   •   SCG HOME Experience เปิด 3 โซนใหม่ ตอกย้ำทุกเทรนด์การอยู่อาศัยเอาใจคนรักบ้าน   •   ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และผู้ประกอบการ SME รายย่อย มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป   •   คิง เพาเวอร์ ส่งท้ายความฮอต ยิ่งช้อป ยิ่งได้ลด ตลอดทั้งเดือน   •   TOA เปิดนโยบาย GREEN MISSION เดินหน้าพันธกิจ พิชิต Net Zero เสริมแกร่งด้วย ฉลากลดโลกร้อน (CFR) มากที่สุดในสีทาอาคาร ตอกย้ำผู้นำตลาดสีเบอร์หนึ่ง เติบโตสู่ปีที่ 60 อย่างยั่งยืน   •   การเคหะแห่งชาติ ก่อสร้างโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 อาคาร D1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% คาดว่าจะส่งมอบให้ผู้อยู่อาศัยประมาณเดือนพฤษภาคม 2567

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจกับการฉีดวัคซีน COVID-19

จากสถานการณ์ที่ผ่านมาเรื่องที่หลายคนกังวลมากที่สุดกับการฉีดวัคซีน COVID-19 คือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นและระยะยาวของการฉีด โดยเฉพาะผู้ป่วยในกลุ่มโรคเรื้อรังอย่างโรคหลอดเลือดหัวใจจะเกิดความกังวลมากเป็นพิเศษ ดังนั้นการเข้าใจให้ถูกต้องและเตรียมตัวให้เหมาะสมก่อนฉีดวัคซีน COVID-19 จึงเป็นเรื่องสำคัญ

นพ.ชาติทนง ยอดวุฒิ อายุรแพทย์หัวใจ หัวหน้าศูนย์ตรวจสมรรถภาพหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า ในคนที่มีโรคประจำตัวและโรคเรื้อรังหากติดเชื้อ COVID-19 มีโอกาสสูงที่จะพัฒนาเป็นโรคที่รุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจและหลอดเลือดอยู่ก่อนแล้ว เช่น 1) ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดที่มีอาการเฉียบพลันและเข้ารับการรักษาในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา 2) ผู้ป่วยโรคความดันหลอดเลือดแดงปอดสูง 3) โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดในผู้ใหญ่ที่มีอาการหัวใจล้มเหลว 4) ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบชนิดเรื้อรังที่มีอาการเจ็บหน้าอกอยู่ 5) ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวในระยะรุนแรงหรือผู้ป่วยที่รับการปลูกถ่ายหัวใจ 6) โรคอ้วนรุนแรง โดยเฉพาะถ้ามีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร 7) ผู้ป่วยที่มีโรคร่วมหรือปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดที่คุมไม่ได้ตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น และ 8) ผู้ป่วยที่มีโรคร่วมกับโรคเบาหวานชนิดที่ต้องพึ่งอินซูลินที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี ในผู้ป่วยกลุ่มโรคเหล่านี้ควรได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 ทันทีหากอาการสงบแล้ว เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 เพราะหากป้องกันตัวเองไม่ได้และได้รับเชื้อ COVID-19 ร่างกายจะไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อได้

การเตรียมความพร้อมและการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดก่อนฉีดวัคซีน COVID-19 ได้แก่

1) ตรวจสอบอาการของโรคที่เป็นอยู่ว่ามีอาการหรือไม่ ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจต้องพิจารณาว่ามีอาการที่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรือไม่ เช่น มีอาการโรคหลอดเลือดหัวใจตีบชนิดเฉียบพลันจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกขณะออกแรงหรือออกกำลังกายบริเวณกลางหน้าอกหรือร้าวไปแขนซ้าย และโรคหลอดเลือดหัวใจมีอาการภาวะหัวใจล้มเหลวชนิดเฉียบพลันร่วมด้วย เช่น เหนื่อย นอนราบไม่ได้ ต้องนอนหมอนสูง หรือมีภาวะน้ำท่วมปอดร่วมด้วย

2) ผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูงชนิดรุนแรง ถ้าความดันโลหิตตัวบนสูงมากกว่า 160 มิลลิเมตรปรอท จำเป็นจะต้องควบคุมความดันโลหิตก่อน ต้องควบคุมความดันโลหิตตัวบนให้ต่ำกว่า 140 มิลลิเมตรปรอทในวันก่อนมารับวัคซีน

3) กรณีที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิด Warfarin ถ้าระดับ INR คงที่มาตลอดและ INR ต่ำกว่า 4.0 ภายใน 1 สัปดาห์ หรือมีผลระดับ INR ก่อนหน้านี้อยูในระดับต่ำกว่า 3.0 มาโดยตลอด (ไม่จําเป็นต้องหยุดหรือปรับขนาดยาและไม่จําเป็นต้องตรวจ INR ก่อนรับวัคซีน) สามารถรับการฉีดวัคซีน COVID-19 ได้โดยใช้เข็มฉีดยาขนาดเล็ก 25G หรือ 27G ฉีดที่กล้ามเนื้อต้นแขน แล้วกดตําแหน่งที่ฉีดไว้นานประมาณ 5 นาที จากนั้นอาจประคบเย็นต่อด้วยน้ำแข็งหรือเจลเย็น

4) สำหรับผู้ป่วยที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดกลุ่มใหม่ (NOACs) และยาต้านเกล็ดเลือด เช่น Aspirin, Clopidogrel, Ticagrelor หรือ Prasugrel สามารถฉีดวัคซีนได้โดยไม่ต้องงดยาก่อนฉีด ควรใช้เข็มขนาดเล็ก 25G หรือเล็กกว่า และไม่ควรคลึงกล้ามเนื้อหลังฉีดวัคซีน ควรกดตำแหน่งที่ฉีดวัคซีนนานอย่างน้อย 5 นาทีและแน่ใจว่าไม่มีเลือดออกผิดปกติ แต่หากมีการนัดเพื่อทำบอลลูนหลอดเลือดหัวใจหรือผ่าตัดบายพาสเส้นเลือดหัวใจในกรณีที่โรคค่อนข้างสงบหรือไม่ได้แสดงอาการควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจเพื่อประเมินโดยละเอียดว่าโอกาสที่จะติดเชื้อสูงหรือไม่ หากประเมินแล้วผลดีของการฉีดวัคซีนมีมากกว่าควรฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อก่อน ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และสถานการณ์ในขณะนั้นด้วย

ในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดตามที่กล่าวมาถ้าได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว จะทำให้ร่างกายสามารถฆ่าเชื้อได้เมื่อมีภูมิคุ้นกันที่สูงพอ ยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสทำให้ไม่สามารถเพิ่มจำนวนในร่างกายได้และเชื้อไม่สามารถแพร่กระจายสู่คนอื่นได้ หากทุกคนมีภูมิคุ้มกันอยู่ในร่างกาย เชื้อโควิด-19 จะไม่สามารถเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ได้อีกต่อไป จึงเป็นการตัดวงจรการระบาดและเป็นการตัดวงจรการกลายพันธุ์ของเชื้อไปด้วย

สำหรับคนที่มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ภาวะเหล่านี้สามารถควบคุมได้และมีความคงที่ ไม่ต้องตรวจสุขภาพก่อนฉีดวัคซีน แต่ถ้ายังควบคุมไม่ได้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยโดยละเอียดก่อนฉีดวัคซีน หากไม่แน่ใจหรือมีอาการผิดปกติที่คิดว่าอาจจะสัมพันธ์กับโรคที่เป็นอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีดวัคซีน หรือในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ผู้ป่วยที่กำลังจะต้องทำบอลลูนหรือใส่ขดลวด การรักษาด้วยการผ่าตัดทำ Bypass เส้นเลือดหัวใจที่ยังแสดงอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจอยู่ ควรรักษาก่อนที่จะได้รับการฉีดวัคซีน สำหรับการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ในกลุ่มผู้สูงอายุอาจพบเพียงแค่ 1 ในล้านโดสเท่านั้น และพบได้น้อยลงโดยเฉพาะในคนที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และยาต้านเกล็ดเลือด

ผู้ป่วยกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดควรได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 ในสถานพยาบาลที่มีความพร้อมในการสังเกตอาการ 30 นาทีหลังได้รับวัคซีน เพื่อสามารถดูแลได้ทันหากมีภาวะแทรกซ้อนหรือภาวะไม่พึงประสงค์ ในระยะแรกหลังฉีดวัคซีนไปแล้ว 30 นาที ส่วนใหญ่จะเป็นอาการที่เกิดขึ้นเฉพาะที่ และอาการไม่รุนแรง เช่น เจ็บปวดบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ เหนื่อยหอบ ปวดกล้ามเนื้อ มีไข้ หนาวสั่น ปวดบริเวณข้อ หรือคลื่นไส้

ระหว่างที่สังเกตอาการ หากพบความผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อประเมินอาการทันที สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ รพ.หัวใจกรุงเทพ โทร. 02-310-3000 โทร.1719 หรือ LINE Official: @hearthospital