เริ่มแล้ว Cat Expo Thailand 2025 วันแรก ‘ทาสแมว’ แห่ร่วมงานคึกคัก คาดเม็ดเงินสะพัด 120 ล้านบาท!   •   คีย์ อินโนเวธ ผสานพลังเยาวชน อัสสัมชัญ บางรัก มอบนวัตกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมแก่ กอ.รมน. สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนในพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วมทั่วประเทศ   •   ธ.ก.ส. เสิร์ฟโปรโมชันพิเศษมากมาย บุก Thailand Smart Money กรุงเทพฯ พร้อมเปิดตัว Art Toy ชุด Agri Animal ตัว Secret   •   กรุงเทพประกันภัย ครองอันดับความน่าเชื่อถือ A- (Stable) จาก S&P อย่างต่อเนื่อง   •   TOA ไม่ทิ้งกัน รวมพลัง ‘ทีโอเอ อาสา’ เดินหน้าฟื้นฟูชาวใต้หลังน้ำลด ส่งมอบถุงยังชีพ – สิ่งของบรรเทาทุกข์ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้เต็มสูบ   •   เมืองไทยประกันชีวิต คว้ารางวัล “The Digital Insurance APAC 2025 – AI Initiative of the Year” จากผลงาน Chompoo Chatbot จุดประกายวิสัยทัศน์องค์กรแห่งอนาคตด้วยพลังของ AI   •   ไทยกรุ๊ปฯ จัดงาน A ROOT by Thai Group รีเฟรชกายใจ ส่งท้ายปี เติมพลังสุขรับปีใหม่A   •   อลิอันซ์ อยุธยา ส่งมอบความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ พร้อมทั้งดูแลลูกค้าในพื้นที่อย่างใกล้ชิด   •   มูลนิธิกรุงศรี สนับสนุน มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ร่วมสร้างรอยยิ้มใหม่ให้กับเด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่   •   ออมสิน น้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ในหลวงรัชกาลที่ 9   •   GC ประกาศความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดใหม่ตอกย้ำความเชื่อมั่นจากนักลงทุน เสริมแกร่งโครงสร้างเงินทุนระยะยาว รองรับการเติบโตธุรกิจมูลค่าสูง-คาร์บอนต่ำ   •   BAM ผนึก Agentplus–MBKG เดินหน้าโมเดล “NPAs Smart Agent” เร่งระบายทรัพย์–ต่อยอดสินเชื่อครบวงจร   •   ไทยประกันชีวิต – คปภ. ร่วมส่งความช่วยเหลือ ด่วน! เพื่อพี่น้องชาวใต้   •   คปภ. ออกมาตรการเร่งด่วน! ช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ สั่งทุกบริษัทส่งรถยกฟรี–เร่งจ่ายสินไหมใน 7 วัน   •   สมาคมประกันวินาศภัยไทย มอบผ้าห่ม 700 ผืน ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้
spot_img
spot_img

4Quarter.co

spot_img
เริ่มแล้ว Cat Expo Thailand 2025 วันแรก ‘ทาสแมว’ แห่ร่วมงานคึกคัก คาดเม็ดเงินสะพัด 120 ล้านบาท!   •   คีย์ อินโนเวธ ผสานพลังเยาวชน อัสสัมชัญ บางรัก มอบนวัตกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมแก่ กอ.รมน. สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนในพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วมทั่วประเทศ   •   ธ.ก.ส. เสิร์ฟโปรโมชันพิเศษมากมาย บุก Thailand Smart Money กรุงเทพฯ พร้อมเปิดตัว Art Toy ชุด Agri Animal ตัว Secret   •   กรุงเทพประกันภัย ครองอันดับความน่าเชื่อถือ A- (Stable) จาก S&P อย่างต่อเนื่อง   •   TOA ไม่ทิ้งกัน รวมพลัง ‘ทีโอเอ อาสา’ เดินหน้าฟื้นฟูชาวใต้หลังน้ำลด ส่งมอบถุงยังชีพ – สิ่งของบรรเทาทุกข์ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้เต็มสูบ   •   เมืองไทยประกันชีวิต คว้ารางวัล “The Digital Insurance APAC 2025 – AI Initiative of the Year” จากผลงาน Chompoo Chatbot จุดประกายวิสัยทัศน์องค์กรแห่งอนาคตด้วยพลังของ AI   •   ไทยกรุ๊ปฯ จัดงาน A ROOT by Thai Group รีเฟรชกายใจ ส่งท้ายปี เติมพลังสุขรับปีใหม่A   •   อลิอันซ์ อยุธยา ส่งมอบความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ พร้อมทั้งดูแลลูกค้าในพื้นที่อย่างใกล้ชิด   •   มูลนิธิกรุงศรี สนับสนุน มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ร่วมสร้างรอยยิ้มใหม่ให้กับเด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่   •   ออมสิน น้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ในหลวงรัชกาลที่ 9   •   GC ประกาศความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดใหม่ตอกย้ำความเชื่อมั่นจากนักลงทุน เสริมแกร่งโครงสร้างเงินทุนระยะยาว รองรับการเติบโตธุรกิจมูลค่าสูง-คาร์บอนต่ำ   •   BAM ผนึก Agentplus–MBKG เดินหน้าโมเดล “NPAs Smart Agent” เร่งระบายทรัพย์–ต่อยอดสินเชื่อครบวงจร   •   ไทยประกันชีวิต – คปภ. ร่วมส่งความช่วยเหลือ ด่วน! เพื่อพี่น้องชาวใต้   •   คปภ. ออกมาตรการเร่งด่วน! ช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ สั่งทุกบริษัทส่งรถยกฟรี–เร่งจ่ายสินไหมใน 7 วัน   •   สมาคมประกันวินาศภัยไทย มอบผ้าห่ม 700 ผืน ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้
spot_img

แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ระบุ 21 เทรนด์พัฒนาแรงงาน-องค์กร สู่การกำหนดอนาคตของการทำงาน

ท่ามกลางสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในขณะนี้ องค์กรต่างๆ มีความซับซ้อนมากขึ้นและมีรูปแบบการดำเนินงานใหม่ ๆ  แนวโน้มที่มีอยู่กำลังเร่งผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน การแพร่ระบาดทำให้แนวโน้มของแรงงานในปัจจุบันเร่งตัวขึ้นและการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงของประชากรในสถานที่ทำงาน องค์กรต่างๆ ควรเตรียมพร้อมรับมือเพื่อกำหนดอนาคตของการทำงาน

แนวโน้มในปัจจุบันกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยผลักดันให้เกิดการปฏิรูปทางดิจิทัลในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนสืบเนื่องจากภาวะวิกฤตด้านสุขภาพ เศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก ความไม่แน่นอนและการเกิดแนวโน้มรูปแบบใหม่ องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องปฏิรูปแรงงานของตนเพื่อตรวจสอบว่าแรงงานมีทักษะและความสามารถที่จำเป็นเพื่อที่จะคงอยู่และปรับตัวสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอน องค์กรต่างๆ สามารถเตรียมพร้อมดียิ่งขึ้น 

ล่าสุด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป เปิดผลสำรวจ 21 แนวโน้มการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษและอนาคตของการทำงาน ปี 2564 ซึ่งส่งผลกระทบต่อบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษและรูปแบบ “การทำงาน” ใหม่ทั่วโลก  ซึ่งสามารถสร้างความยืดหยุ่นด้านแรงงานเพิ่มขึ้น มีการส่งเสริมความแข็งแกร่งของความยั่งยืนด้านบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษและสุขภาวะของบุคลากร รวมทั้งการส่งเสริมการปฏิรูปทางดิจิทัล ทั้งนี้ จาก 21 แนวโน้มในปี พ.ศ. 2564 ระบุ แรงขับเคลื่อน 4 ประการที่สำคัญ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร การปฏิวัติเทคโนโลยี ทางเลือกของแต่ละบุคคลและความซับซ้อนของลูกค้า คือเสาหลักของการเปลี่ยนแปลงที่ผลักดันแนวโน้มต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบของสถานที่ทำงานและแรงงานในอนาคต

แรงขับเคลื่อนประการแรก คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ระบุถึงแนวโน้มที่ 1 เกิดการขาดแคลนทักษะเพิ่มขึ้นซึ่งแสดงให้เห็นถึงการแบ่งแยกเพิ่มขึ้นระหว่างแรงงานที่มีทักษะ/ตำแหน่งงานซึ่งเป็นที่ต้องการกับแรงงานที่มีทักษะซึ่งเป็นที่ต้องการลดลง โดยผลสำรวจชี้ว่าจากการขาดแคลนทักษะรุนแรงขึ้นเนื่องจากการปฏิรูปกำลังแรงงานครั้งสำคัญตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง คาดว่าการขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษทั่วโลกจะส่งผลให้เกิดตำแหน่งงานว่างกว่า 85 ล้านตำแหน่งภายในปี พ.ศ. 2573 * ทักษะด้านเทคโนโลยีและทักษะมนุษย์จะเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่งานธุรการ งานต้อนรับและงานด้านการสนับสนุนทางกฎหมาย/ธุรกิจจะเป็นที่ต้องการลดลง บุคลากรและองค์กรจำเป็นต้องมีโซลูชั่นด้านการปรับทักษะใหม่เพิ่มขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น

แนวโน้มที่ 2 การแบ่งขั้วทางสังคมเพิ่มขึ้นและความตึงเครียดเกี่ยวกับปัญหาความไม่เสมอภาคทั่วโลกทำให้บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องลุกขึ้นและพูดคุยเกี่ยวกับความหลากหลาย, การมีส่วนร่วมและหัวข้ออื่นๆ ที่สำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษ  แนวโน้มที่ 3  การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของการทำงานระยะไกล ทำให้เกิดแรงงานตามความต้องการมากขึ้นและต้นแบบการทำงานแบบผสม  ซึ่งยอมรับแรงงานแบบไม่เต็มเวลา, แรงงานแบบยืดหยุ่นและแรงงานตามสัญญาจ้างมากขึ้น ทั้งนี้การเกิดแรงงานตามความต้องการ โมเดลการทำงานแบบผสมและการทำงาแบบไม่มีข้อผูกมัดกำลังเพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของการอพยพออกจากชุมชนเมือง การเคลื่อนที่ระหว่างประเทศและการสร้างโอกาสการจ้างงานข้ามประเทศจะผลักดันให้เกิดทางเลือกสำหรับลูกจ้างและนายจ้าง แรงงานร้อยละ​ 43 คิดว่าภาวะวิกฤติโควิด-19 คือจุดสิ้นสุดของการใช้ชีวิตประจำวันในสถานที่ทำงาน  และแนวโน้มที่ 4 เกี่ยวกับช่องว่างทางเพศที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนำไปสู่  “ภาวะตกต่ำของแรงงานเพศหญิง” เนื่องจากผู้หญิงได้รับผลกระทบในสัดส่วนที่ไม่เหมาะสมจากภาวะวิกฤติทางสังคมและเศรษฐกิจเนื่องจากการระบาดใหญ่ ทำให้ตกงานในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่ อุตสาหกรรมค้าปลีก สันทนาการและการต้อนรับ และถูกมองข้ามภาคธุรกิจที่มีการเติบโต ได้แก่ เทคโนโลยี การปฏิบัติการและโลจิสติกส์ โดยมีความรับผิดชอบมากกว่าด้านการดูแลครอบครัว​

ส่วนแรงขับเคลื่อนประการที่สอง คือ การเพิ่มขึ้นของทางเลือกของแต่ละบุคคล ระบุถึงแนวโน้มที่ 5 เกี่ยวกับระดับของความต้องการรูปแบบใหม่เรียกร้องให้เกิดการยืดหยุ่นของการทำงานอิสรภาพและทางเลือกเพิ่มขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปและสุขภาวะในการทำงานได้กลายเป็นบรรทัดฐาน  แนวโน้มที่ 6  ด้านสุขภาพและสุขภาวะทั้งทางกายภาพและจิตใจ ถือเป็นความรับผิดชอบของนายจ้างในระดับที่ไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งทำให้หัวหน้างานทรัพยากรมนุษย์มีบทบาทเพิ่มขึ้นในการสนับสนุนสุขภาวะและความสำเร็จของลูกจ้าง  ในปี 2564 เป็นต้นไป หัวหน้างานทรัพยากรมนุษย์จะเห็นว่าสุขภาพและสุขภาวะของลูกจ้างมีความสำคัญที่สุด โดยมีความสำคัญเป็นสองเท่าของลำดับความสำคัญถัดไป ได้แก่ การสร้างโมเดลการทำงานใหม่และการมุ่งเน้นที่การเพิ่มทักษะ การเรียนรู้และการพัฒนามากขึ้น หัวหน้างานทรัพยากรมนุษย์ 63% เห็นว่าสุขภาพและสุขภาวะของลูกจ้างมีความสำคัญที่สุด

แนวโน้มที่ 7 การพบเห็นปฏิสัมพันธ์ทางดิจิทัลทุกหนทุกแห่ง  การนำเครือข่ายสังคมและชุมชนเสมือนจริงมาใช้ทำให้เกิดการนำวิธีการทางดิจิทัลรูปแบบใหม่ๆ มาใช้เพื่อการปฏิสัมพันธ์ไม่ว่า ณ สถานที่ใด, วิธีการใดและเมื่อใดก็ตาม  แนวโน้มที่ 8 กลุ่มลูกจ้างต้องการความโปร่งใสและความเสมอภาคเช่นเดียวกับลูกค้า แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ลูกจ้างต้องการ ได้แก่ ความปลอดภัย, ความยั่งยืนของทักษะ, การผสานงานกับการใช้ชีวิตเข้าด้วยกันและสุขภาวะ ความต้องการให้นายจ้างดำเนินการในฐานะพลเมืองโลกผ่านการให้ความสำคัญแก่ผู้มีส่วนได้เสียเพิ่มขึ้นในด้านที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม, ความยุติธรรมทางสังคมและการกำกับดูแลกิจการที่ดี

สำหรับแรงขับประการที่ 3 คือ การปฏิวัติเทคโนโลยี ระบุว่าแนวโน้มที่ 9  การพัฒนาร่วมกันอย่างต่อเนื่องระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร การเร่งระบบอัตโนมัติในระดับที่ขับเคลื่อนโดย 5G จะทำให้เกิดการปฏิรูปทักษะรวดเร็วยิ่งขึ้น, เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมต่างๆ และผลักดันผลิตภาพเพิ่มขึ้น ด้วยค่าจ้างที่สูงขึ้นและตำแหน่งงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น  นอกจากนี้ ตามรายงานเกี่ยวกับตำแหน่งงานในอนาคตของ World Economic Forum ประจำปี พ.ศ. 2563 ภายในปี พ.ศ. 2568 เวลาที่ใช้ในการทำงานในปัจจุบันโดยมนุษย์และเครื่องจักรจะเท่ากัน อีกทั้งยังมีการประมาณการณ์ว่าภายในปี พ.ศ. 2568 ตำแหน่งงาน 85 ล้านตำแหน่งอาจถูกแทนที่โดยการเปลี่ยนแปลงการแบ่งแรงงานระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร ในขณะที่ตำแหน่งงานใหม่ 97 ล้านตำแหน่งอาจเกิดขึ้นโดยจะปรับใช้ได้มากขึ้นสำหรับการแบ่งแรงงานรูปแบบใหม่ระหว่างมนุษย์ เครื่องจักรและอัลกอริธึม

แนวโน้มที่ 10 การเติบโตของไซเบอร์และการทำงานระยะไกลทำให้บริษัททุกแห่งต้องเป็นบริษัทเทคโนโลยีเพื่อที่จะสามารถแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น องค์กรในระดับ “ซุปเปอร์สตาร์” ที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในด้านการปรับกระบวนการทำงานเป็นรูปแบบเป็นดิจิทัลก่อนเกิดการระบาดใหญ่จะกลายเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น  แนวโน้มที่ 11 เทคโนโลยีทำให้บุคคลและนายจ้างเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการสุขภาวะได้มากขึ้น องค์กรจำเป็นต้องรักษาความสมดุลโดยการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมการทำงานตลอดเวลาหรือการเพิ่มผลิตภาพ ด้วยความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นในด้านความเป็นเจ้าของข้อมูลและความโปร่งใส  แนวโน้มที่ 12 การเกิดผู้เปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการปรับประสบการณ์ของลูกค้าเป็นรูปแบบเป็นดิจิทัล ความสมบูรณ์ของข้อมูล+ความรู้เชิงลึก ช่วยให้เกิดความสามารถในการวัดและประเมินความก้าวหน้าและจุดอ่อนที่อาจเกิดขึ้น การเติบโตของโทรเวชกรรม, เภสัชกรรม, เทคโนโลยีการศึกษาและการดูแลตนเองจะขับเคลื่อนโซลูชั่นดิจิทัลแบบเฉพาะบุคคล

แนวโน้มที่ 13 การปฏิวัติการศึกษา ความต้องการอย่างต่อเนื่องด้านการเพิ่มทักษะและการปรับทักษะจะเปลี่ยนแปลงอนาคตของการศึกษา การเปลี่ยนแปลงไปสู่การสอนตามความต้องการ, การสอนแบบรับรองคุณวุฒิฉบับย่อยและการสอนเสมือนจริง และการโค้ชผ่านระบบคลาวด์ช่วยมอบโซลูชั่นใหม่ๆ สำหรับการปฏิวัติทักษะ นอกจากนี้ผลสำรวจระบุว่า มีองค์กรเพียง 30% เท่านั้นที่ลงทุนในทักษะทางอารมณ์และสังคม ในขณะที่องค์กรหนึ่งในสามกำลังวางแผนพัฒนาความเป็นผู้นำในอีกหกเดือนข้างหน้า รวมทั้งมีการฝึกอบรมมีแนวโน้มว่าจะใช้เวลาสั้นลงและเกี่ยวข้องกับบทบาทและหน้าที่ที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น

ในกลุ่มของแรงขับประการที่ 4 คือ ความซับซ้อนของลูกค้า ต่อมาเป็นแนวโน้มที่ 14 การเร่งกลยุทธ์ด้านบุคลากรและการจัดการบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษเชิงกลยุทธ์ เพื่อทำให้เกิดการผสมผสานของบุคลากรอย่างเหมาะสมที่สุดและสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันในตลาด แนวโน้มที่ 15 การเน้นข้อมูลเป็นศูนย์กลาง จะเพิ่มความต้องการด้านการประเมินและโซลูชั่นที่ทำงานด้วยปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถพยากรณ์ผลการปฏิบัติงานได้ดียิ่งขึ้นและช่วยให้บุคคลรู้จักทักษะและศักยภาพ ด้านอาชีพของตนมากขึ้น  แนวโน้มที่ 16 การสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานจะช่วยลดความไม่แน่นอนและจัดการความเสี่ยงซึ่งนำไปสู่การแข่งขันขององค์กรต่างๆ เพื่อพัฒนาทั้งในด้านแพลตฟอร์มและระบบนิเวศที่เชื่อมต่อกัน  แนวโน้มที่ 17 ความต้องการในรูปแบบใหม่ต่อผู้นำเพื่อทำหน้าที่ผู้นำด้วยความเห็นอกเห็นใจและความคล่องตัว ทางดิจิทัล การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล และการมีส่วนร่วมผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและการแก้ไขปัญหาโลกร้อนโดยไม่คำนึงถึงภาคส่วนธุรกิจ พร้อมทั้งมุ่งเน้นที่การฟื้นตัวและความยั่งยืน

สำหรับแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น: สิ่งที่น่าจับตามอง ระบุถึงแนวโน้มที่ 18 การปฏิวัติการฟื้นตัว ด้วยเทคโนโลยีด้านสุขภาพ, เทคโนโลยีด้านการศึกษา, เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมและการปรับตัวด้านการดูแลสุขภาพให้คล้ายกับ “อเมซอน” หลังการระบาดใหญ่ เทคโนโลยีการดูแลสุขภาพและเศรษฐกิจสีเขียว  ในยุคใหม่จะแข่งขันเพื่อแย่งชิงทักษะซึ่งเป็นที่ต้องการและบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษ  แนวโน้มที่ 19 การมุ่งสู่ความก้าวหน้า ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องแสดงความคล่องตัวและปรับตัวตามความต้องการของตลาดและผู้บริโภคทีเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องหากต้องการเติบโต การระบาดใหญ่บังคับให้อุตสาหกรรมมากมายจำเป็นต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงในระยะยาว  อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการระบาดใหญ่กำลังปรับตัวและโมเดลธุรกิจของตน – สายการบินและการเดินทาง/การต้อนรับ การค้าปลีก การเงินและการธนาคาร แฟชั่น อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ อาหารและเครื่องดื่ม ฯลฯ แนวโน้มที่ 20 การทำงานแบบผู้บริโภคเป็นตัวขับเคลื่อนมากขึ้น ความคาดหวังของโอกาสใหม่ๆ, ความก้าวหน้ารูปแบบใหม่, ประสบการณ์การทำงานและการใช้ชีวิตแบบเสมือนจริงเฉพาะบุคคลจะเป็นความจริงรูปแบบใหม่ในโลกหลังโควิดในรูปแบบดิจิทัลยิ่งขึ้น 

สุดท้ายแนวโน้มที่ 21 การจ้างงานที่เป็นศูนย์จะเกิดขึ้นโดยถือเป็นบทสรุปของนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาลอย่างรับผิดชอบ เนื่องจากความต้องการด้านทักษะเปลี่ยนแปลงรวดเร็วขึ้น นายจ้างชั้นนำจึงมุ่งมั่นที่จะบรรลุความสมดุลของการลดตำแหน่งงานสุทธิให้เป็นศูนย์ เมื่อองค์กรมีการปรับโครงสร้างใหม่และตำแหน่งงานต่างๆ สูญหายไป ตำแหน่งงานอื่นๆ จะถูกสร้างขึ้นและบุคคลอื่นๆ จะได้รับการปรับเปลี่ยนทักษะเพื่อรับบทบาทใหม่ทั้งภายในหรือภายนอกองค์กร พร้อมกันนี้ผลสำรวจระบุว่า ตามข้อมูลจาก WEF บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องลงทุนในทุนมนุษย์และทุนสังคมผ่านการใช้นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (ESG) และสอดคล้องกับมาตรการที่ปรับเปลี่ยนใหม่ด้านบัญชีทุนมนุษย์ ผู้นำทางธุรกิจจำนวนมากเข้าใจว่าการปรับทักษะของลูกจ้างโดยเฉพาะในพันธมิตรอุตสาหกรรมและในความร่วมมือกันของภาครัฐและเอกชน มีความคุ้มค่าและมีผลตอบแทนระยะกลางถึงระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ ไม่เพียงเฉพาะสำหรับกิจการของตนแต่ยังรวมถึงผลประโยชน์ของสังคมในวงกว้าง บริษัทต่างๆ หวังว่าจะจัดสรรบุคลากรใหม่ภายในองค์กรสำหรับบุคลากรเกือบ 50% ซึ่งถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติและระบบเสริมสมรรถนะทางเทคโนโลยี โดยตรงข้ามกับการใช้วิธีปลดพนักงานและการประหยัดค่าแรงด้วยระบบอัตโนมัติเป็นกลยุทธ์หลักด้านแรงงาน

ทั้งนี้ จากผลสำรวจ 21 แนวโน้มการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษและอนาคตของการทำงาน ปี 2564 สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งโครงสร้างประชากร การปฏิวัติเทคโนโลยี ทางเลือกของแต่ละบุคคลและความซับซ้อนของลูกค้าคือเสาหลักของการเปลี่ยนแปลงที่ผลักดันแนวโน้มต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบของสถานที่ทำงานและแรงงานในอนาคต แมนพาวเวอร์กรุ๊ป หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลสำรวจดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกองค์กรเตรียมตัวและพัฒนาศักยภาพบุคลากรรองรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เพื่อก้าวสู่อนาคตของการทำงานในบริบทต่อไป

spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้ "คุกกี้” เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน โดยใช้คุกกี้เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจของท่าน
รายละเอียดเพิ่มเติม: นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) นโยบายการใช้คุกกี้ (Cookies Policy), ตั้งค่าคุกกี้ (Cookies Settings)

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ วิเคราะห์การเข้าชม และนำเสนอโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของท่าน สามารถตั้งค่าความยินยอมโดย เปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Accept All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่จำเป็นคือสิ่งที่สำคัญสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ ทำให้ท่านสามารถใช้งานและเรียกดูเว็บไซต์ได้ตามปกติ ท่านไม่สามารถปิดการใช้งานคุกกี้เหล่านี้ในระบบของเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้เว็บไซต์สามารถจดจำตัวเลือกหรือการตั้งค่าต่างๆ ที่ท่านได้เลือกไว้ เช่น ภาษา ภูมิภาค หรือขนาดตัวอักษร เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นและเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทำให้ท่านไม่ต้องตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่เข้าใช้งานเว็บไซต์
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประสิทธิภาพ

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้เราสามารถรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เช่น จำนวนผู้เข้าชม แหล่งที่มา หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์สำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น โดยข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมนั้นจะไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณา

    คุกกี้ประเภทนี้ถูกตั้งค่าโดยพันธมิตรด้านโฆษณา เพื่อสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับความสนใจของท่านจากการเข้าชมเว็บไซต์ต่างๆ สำหรับแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของท่านให้มากที่สุดทั้งบนเว็บไซต์ของเราและเว็บไซต์อื่นๆ หากไม่ยินยอม โฆษณาที่แสดงผลจะเป็นแบบทั่วไปซึ่งอาจไม่ตรงกับความสนใจของท่าน
    รายละเอียดคุกกี้

Save