Friday, 3 May 2024 | 6 : 32 am

4Quarter.co

Friday, 3 May 2024 | 6 : 32 am
ออมสิน จับมือ กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคี ร่วมอนุรักษ์ป่าชายเลน   •   หอการค้าไทย Kick Off โครงการรวมพลังคนไทย บริจาคโลหิต ปี 2567 ต่อยอดโครงการ 9 แสนซีซี 90 ปี หอการค้าไทย เชิญชวนสมาชิกร่วมบริจาคโลหิต เพื่อใช้สำรองยามขาดแคลน   •   วิริยะประกันภัย ปิดฉากดวลวงสวิงสนามสุดท้ายโซนภาคใต้ “Viriyah Invitational Golf Tournament 2024”   •   “แอกซ่าประกันภัย” เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้า จับมือ “วีซ่า”มอบประกันภัยการเดินทางต่างประเทศฟรี! รับเทรนด์ท่องเที่ยวเติบโต   •   กรุงศรี ออกมาตรการช่วยเหลือ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบาง เป็นเวลา 6 เดือน ตอบรับแนวทางการช่วยเหลือของสมาคมธนาคารไทย   •   กรุงเทพประกันภัย มอบเครื่องกรองน้ำพกพาและน้ำดื่มสนับสนุนภารกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ   •   กรุงเทพประกันชีวิต และ ธนาคารกรุงเทพ ร่วมจัดงานขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการวางแผนความคุ้มครองและการออมยาวนานกว่า 20 ปี   •   กรุงศรี คอนซูมเมอร์ แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด   •   แอปฟินนิกซ์ (FINNIX) เปิดตัวห้องเรียนออนไลน์ฟรี ‘เงินดีมีสุข รู้ทันหนี้ไม่มีทุกข์’ ตอบอินไซต์คนทำมาหากินที่ไม่มีเวลา ตั้งเป้าเสริมแกร่ง 10,000 คนทั่วไทยปีนี้   •   ฟิลลิปประกันชีวิต มอบรางวัลผู้ชนะการประกวดภาพยนตร์สั้น ภายใต้หัวข้อ “Get To Know Philliplife”   •   BAM จับมือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมพัฒนาบุคลากร   •   SCG HOME Experience เปิด 3 โซนใหม่ ตอกย้ำทุกเทรนด์การอยู่อาศัยเอาใจคนรักบ้าน   •   ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และผู้ประกอบการ SME รายย่อย มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป   •   คิง เพาเวอร์ ส่งท้ายความฮอต ยิ่งช้อป ยิ่งได้ลด ตลอดทั้งเดือน   •   TOA เปิดนโยบาย GREEN MISSION เดินหน้าพันธกิจ พิชิต Net Zero เสริมแกร่งด้วย ฉลากลดโลกร้อน (CFR) มากที่สุดในสีทาอาคาร ตอกย้ำผู้นำตลาดสีเบอร์หนึ่ง เติบโตสู่ปีที่ 60 อย่างยั่งยืน   •   การเคหะแห่งชาติ ก่อสร้างโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 อาคาร D1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% คาดว่าจะส่งมอบให้ผู้อยู่อาศัยประมาณเดือนพฤษภาคม 2567   •   ทิพยประกันภัย จับมือ BEM มอบของขวัญช่วงวันแรงงาน สำหรับผู้ถือบัตร MRT/MRT PLUS และ EASY PASS รับฟรี! ประกันอุบัติเหตุ คุ้มครองสูงสุด 50,000 บาท พร้อมค่าชดเชยรายวัน 500 บาทต่อวัน   •   OCEAN LIFE ไทยสมุทร ส่ง“โอเชี่ยนไลฟ์ เบทเทอร์ ไลฟ์ 95/60 (Package)” แบบประกันตลอดชีพแนวคิดใหม่ ที่จะช่วยให้คุณออกแบบอนาคตที่ดียิ่งกว่าสำหรับวัยเกษียณ   •   กสิกรไทย ประกาศลดดอกเบี้ยช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง 0.25% เป็นระยะเวลา 6 เดือน ในช่วงที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่   •   TQM ร่วมกับ BKI จัดแคมเปญรับวันแรงงาน กับแนวคิด ประกันภัยมนุษย์เงินเดือน: ทุกความเสี่ยงบริหารได้ พร้อมมอบฟรีประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่ม (ไมโครอินชัวรันส์)   •   กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต จัดกิจกรรมลูกค้า “Barista Workshop” ณ จ.เชียงราย และเชียงใหม่ เอาใจคนรักกาแฟ   •   ศุภาลัย ร่อนโปรฯเด็ด “ของแทร่ แฟร์ทุกช้อยส์” เลือกเล้ย เครื่องใช้ไฟฟ้าสุดพรีเมียม 8 ชิ้น หรือช่วยผ่อนสูงสุด 2 แสนบาท!   •   กรุงศรี คว้ารางวัล “Best Bank for Sustainable Finance” และกวาดรางวัลด้านความยั่งยืน ตอกย้ำการเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจไว้วางใจ สู่การเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน   •   กลุ่มเอไอเอ ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ   •   ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ทั้งปีที่อัตราหุ้นละ 0.52 บาท   •   วิริยะประกันภัย ถวายเครื่องอุปโภคบริโภค มูลนิธิสหชาติ เพื่อสนับสนุนการจัดการแก้ปัญหาช้างป่าภาคตะวันออก   •   TOA จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 และอนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.35 บาทต่อหุ้น   •   บีคอน วีซี ร่วมกับ SUN Group ลงทุน Series A ใน ION Energy สตาร์ทอัพพลังงานโซลาร์สัญชาติไทย หนุนการเข้าถึงพลังงานสะอาดต้นทุนต่ำ   •   เมืองไทยประกันภัย จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 จ่ายเงินปันผล 5.00 บาทต่อหุ้น   •   เคทีซี ควงแขน ซีไลฟ์ แบงคอก ชวนครอบครัวท่องเที่ยว เปิดประสบการณ์นอกห้องเรียน

เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ชูกองทุน K-GINFRA K-HIT และ K-CLIMATE ตอบรับแผนเสริมแกร่งเศรษฐกิจสหรัฐฯ เน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) เผยมุมมองเชิงบวกและโอกาสการลงทุนครั้งสำคัญหลังจากการประกาศแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ฉบับใหม่ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ผ่านกองทุนเปิดเค โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ (K-GINFRA) กองทุนเปิดเค โกลบอล ไฮ อิมแพ็ค ธีมาติก (K-HIT) และ กองทุนเปิดเค ไคลเมท ทรานซิชั่น (K-CLIMATE)  

หนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจสำคัญภายหลังวิกฤตโควิด-19 เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ คือแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ล่าสุดมีการบรรลุข้อตกลงการลงทุนใหม่มูลค่า 5.79 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 19 ล้านล้านบาท) ครอบคลุมถึงการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น สะพาน ถนน ระบบขนส่งสาธารณะ สนามบิน การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า การพัฒนาระบบการจัดการน้ำ รวมไปถึงการขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงสำหรับการอนุมัติงบประมาณแผนการลงทุนระยะเวลา 8 ปี เป็นวงเงินรวมถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 39 ล้านล้านบาท)

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แผนการดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้หลายธุรกิจกลายเป็นผู้ชนะ อันเนื่องมาจากการอัดเม็ดเงินลงทุนมหาศาล เข้าสู่ระบบเพื่อนำไปปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญๆ ซึ่งไม่ได้ส่งผลให้มีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์และเหล็กกล้าเพิ่มขึ้นเท่านั้น หากแต่รวมไปถึงความต้องการบริการอื่นๆ ในห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็น บริษัทผู้ผลิต จำหน่าย ให้คำปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง บริษัทขนส่งพลังงาน รวมถึง ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร โดยมองว่ากองทุน K-GINFRA ผ่านกองทุนหลัก Morgan Stanley Investment Funds Global Infrastructure, Class Z (USD) ที่เน้นการลงทุนในสหรัฐฯกว่า 40% จะได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากแผนครั้งนี้ 

ตัวอย่างของบริษัทในกองทุน K-GINFRA มีดังนี้

  • บริษัท Crown Castle International ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารร่วมกันในสหรัฐฯ โดยเครือข่ายประกอบด้วยเสาสัญญาณมากกว่า 40,000 เสา และเส้นใยยาวเกือบ 80,000 ไมล์
  • บริษัท American Tower Corp บริษัทผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม โดยเป็นเจ้าของและเป็นผู้ดำเนินงานเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการสื่อสารแบบไร้สาย รวมถึงทรัพยากรที่ใช้สำหรับการสื่อสารกว่า 22,000 แห่ง
  • บริษัท Vinci ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยโครงการสำคัญมักเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ทางพิเศษ อุโมงค์ ท่าอากาศยาน สะพาน และท่อขนส่งพลังงาน
  • บริษัท National Grid  บริษัทสาธารณูปโภคด้านไฟฟ้าและก๊าซ ซึ่งดำเนินการผลิตไฟฟ้าและเครือข่ายการส่งก๊าซธรรมชาติในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ
  • บริษัท Enbridge บริษัทขนส่งพลังงาน เน้นการขนส่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ โดยระบบท่อส่งน้ำมันนั้นยาวกว่า 5,000 กิโลเมตรในแคนาดาและสหรัฐฯ

พร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุนเกาะกระแสเมกะเทรนด์ ผ่านกองทุน K-HIT โดยล่าสุดมีสัดส่วนการลงทุนในบริษัทในกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากการอัดเม็ดเงินเข้าไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐฯ ถึง 15% และมีความยืดหยุ่นในการปรับสัดส่วนหากมองเห็นโอกาสการลงทุนในอนาคต 

กองทุน K-HIT เป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์การลงทุนที่ตอบโจทย์นักลงทุน เนื่องจากมีศักยภาพในการปรับตัวและได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของโลกในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าไปลงทุนในธีมที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจใหม่ รวมไปถึงธุรกิจในห่วงโซ่การผลิตทั้งหลาย ซึ่งจะปรับตัวกลับมาโดดเด่นภายใต้แผนการลงทุนฉบับใหม่ของไบเดน เช่น แผนที่จะเพิ่มเครือข่ายสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 500,000 จุดทั่วสหรัฐฯ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการลงทุนเกี่ยวกับโครงการสาธารณูปโภคสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่ที่สุด ช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ให้ดีขึ้น รวมไปถึงบริษัทผู้จัดหาวัตถุดิบที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีดังกล่าว ก็จะได้รับผลประโยชน์เช่นเดียวกัน อาทิ บริษัทผู้ติดตั้งซอตท์แวร์ให้กับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น

ตัวอย่างของบริษัทในธีมการลงทุนที่สอดคล้องไปกับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของกองทุน K-HIT ได้แก่

  • บริษัท AngloAmerica บริษัทเหมืองชั้นนำผู้ผลิตแพลตตินั่มรายใหญ่ที่สุดของโลก ที่ล่าสุดหันมา ลงทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสถานีเติมไฮเดรเจนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (FCEVs) เพื่อกระตุ้นการผลิตเซลล์เชื้อเพลิงแพลตตินัมซึ่งเป็นส่วนประกอบชิ้นสำคัญในรถยนต์ไฟฟ้า 
  • บริษัท Teck ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการขุด ถลุง และการกลั่นแร่ ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากแผนการลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียวและโครงสร้างพื้นฐานของไบเดน จากความต้องการใช้ทองแดงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในรถยนต์ไฟฟ้า แผงโซลาร์เซลล์ และกังหันลม 
  • บริษัท Martin Marietta บริษัทผลิตคอนกรีตผสมเสร็จสำหรับการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ ถนนและสะพาน ซึ่งคาดว่าจะเติบโตจากการที่มีความต้องการใช้วัตถุดิบในงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น 
  • บริษัท Skanska หนึ่งในบริษัทก่อสร้างและพัฒนาโครงการชั้นนำระดับโลก ที่จะเติบโตอีกครั้งหลังจากที่โควิด-19 ฉุดตลาดการก่อสร้างให้หดตัว โดยส่วนใหญ่เป็นตลาดการก่อสร้างอาคารพาณิชย์และที่อยู่อาศัย  
  • บริษัท Hydro ดำเนินธุรกิจผลิตอลูมิเนียม ที่หันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ด้วยการเริ่มพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนและการสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่น้ำหนักเบาในรถยนต์แบบ Hybrid ซึ่งกำลังเติบโตอย่างดีทั่วโลกและในยุโรป 

    นอกจาก K-GINFRA และ K-HIT แล้ว ยังมีอีกหนึ่งกองทุนที่ได้รับประโยชน์ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ กองทุน K-CLIMATE ที่เน้นการลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่ธุรกิจมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate Change) และะการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานตามแผนงานของปธน. โจ ไบเดน ที่จะต้องใช้วัสดุต่างๆ ในการก่อสร้าง และต้องเป็นวัสดุที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ รวมถึงบริษัทที่ผลิตวัสดุเหล่านี้ก็ต้องเน้นการผลิตเพื่อปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยที่สุดด้วย ในขณะเดียวกันก็ต้องได้วัสดุที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งกองทุนเองก็มีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มอุตาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น  กลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง และสาธารณูปโภค

ตัวอย่างของบริษัทในกองทุนเปิดเค ไคลเมท ทรานซิชั่น (K-CLIMATE)  มีดังนี้

  • บริษัท Holcim ผู้นำระดับโลกด้านวัสดุก่อสร้างและโซลูชั่น ประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ซีเมนต์ คอนกรีตผสมเสร็จ โซลูชั่นและผลิตภัณฑ์  และยังรับสร้างบ้านรายบุคคลรวมไปถึงพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่างๆ ให้แข็งแรงและเน้นเรื่องความยั่งยืน
  • บริษัท Carrier Global Corporation ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในด้านการออกแบบ ผลิตระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ เครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำความเย็นที่ทั่วโลกวางใจ  ด้วยยอดขายอันดับ 1 ทั่วโลก   
  • บริษัท Autodesk ผู้นำด้านซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการออกแบบ 3 มิติ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานและเอกสารประกอบการโยธา 
  •  บริษัท Cummins Inc. ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีพลังงาน มีความเชี่ยวชาญด้านเชื้อเพลิงและพลังงานทางเลือก เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ตลอดจนส่วนประกอบและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ด้วยรายได้กว่า 19.8 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐในปี 2020

โดยกองทุน K –GINFRA K-HIT และ K-CLIMATE มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ที่ +11.4%,  +11.7% และ +10.6% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2564)