Tuesday, 7 May 2024 | 12 : 39 am

4Quarter.co

Tuesday, 7 May 2024 | 12 : 39 am
TOA สุดปัง! ทุ่ม 8.4 ล้าน เช่าเหมาลำ ขนทัพทีมช้างศึกไทย ดวลแข้งจีน สู้ศึกคัดเลือกฟุตบอลโลก – ‘มาดามแป้ง’ ขอบคุณจากใจ พร้อมเตรียมทีมให้ดีที่สุด   •   โรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ภัยเงียบอันตรายที่พร้อมคร่าชีวิต   •   กรุงเทพประกันภัย ห่วงใยลูกค้าที่ประสบภัยลมพายุฤดูร้อน รับแจ้งเคลม 24 ชั่วโมง โทรสายด่วน 1620   •   คณะกรรมการ คปภ. มีมติเห็นชอบแต่งตั้งรองเลขาธิการ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป   •   สสว. ส่งภาพยนตร์โฆษณาเรื่องใหม่ “ปวดหัวซินโดรม” มุ่งสร้างการรับรู้และแนะนำบริการ E-Service เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SME   •   เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ตอกย้ำความสำเร็จ การก้าวสู่องค์กร Net Zero   •   กรุงเทพประกันภัย มอบเงิน 6 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี   •   ธ.ก.ส. จัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันฉัตรมงคล 2567   •   ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เผยมาตรฐาน “Green Living Standard” ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนกลับคืนสู่โลก หนึ่งพันห้าร้อยล้านลิตรตลอด 3 ปี ลดผลกระทบ PM2.5 และประหยัดค่าไฟ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งกว่าให้แก่ลูกบ้าน   •   TOA โชว์วิชั่นผู้นำนวัตกรรมรักษ์โลก ชูแนวคิดความยั่งยืน “Future Tree” ในงานสถาปนิก’67 ตอกย้ำพันธกิจ Green Mission นวัตกรรมสีและวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม   •   HKSTP นำเสนอโครงการบ่มเพาะ หวังเพิ่มศักยภาพของสตาร์ทอัพทั้งในประเทศและต่างประเทศ ชี้ไทยที่มีศักยภาพสูง เล็งดึงสตาร์ทอัพไทยเข้าสู่ฮ่องกงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้   •   ออมสิน ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันฉัตรมงคล   •   เคทีซี จับมือ โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ มอบสิทธิพิเศษ สำหรับชุดน้ำชายามบ่ายจากผลงานศิลปะชิ้นเอกของ วินเซนต์ แวน โก๊ะ   •   FWD ประกันชีวิต จัดงาน MDRT & Agency Annual Awards 2024 ฉลองความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพตัวแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศในระดับสากล   •   เก็บคูปองส่วนลดสูงสุด 200 บาท/เดือน กับบัตรกรุงศรี เดบิต หรือบัตร Krungsri Boarding Card ที่ Lazada   •   THAIFA ประกาศผลรางวัลตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2567   •   MTL Click แอปพลิเคชันจากเมืองไทยประกันชีวิต คว้ารางวัลสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี “BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4   •   ออมสิน จับมือ กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคี ร่วมอนุรักษ์ป่าชายเลน   •   หอการค้าไทย Kick Off โครงการรวมพลังคนไทย บริจาคโลหิต ปี 2567 ต่อยอดโครงการ 9 แสนซีซี 90 ปี หอการค้าไทย เชิญชวนสมาชิกร่วมบริจาคโลหิต เพื่อใช้สำรองยามขาดแคลน   •   วิริยะประกันภัย ปิดฉากดวลวงสวิงสนามสุดท้ายโซนภาคใต้ “Viriyah Invitational Golf Tournament 2024”   •   “แอกซ่าประกันภัย” เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้า จับมือ “วีซ่า”มอบประกันภัยการเดินทางต่างประเทศฟรี! รับเทรนด์ท่องเที่ยวเติบโต   •   กรุงศรี ออกมาตรการช่วยเหลือ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบาง เป็นเวลา 6 เดือน ตอบรับแนวทางการช่วยเหลือของสมาคมธนาคารไทย   •   กรุงเทพประกันภัย มอบเครื่องกรองน้ำพกพาและน้ำดื่มสนับสนุนภารกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ   •   กรุงเทพประกันชีวิต และ ธนาคารกรุงเทพ ร่วมจัดงานขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการวางแผนความคุ้มครองและการออมยาวนานกว่า 20 ปี   •   กรุงศรี คอนซูมเมอร์ แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด   •   แอปฟินนิกซ์ (FINNIX) เปิดตัวห้องเรียนออนไลน์ฟรี ‘เงินดีมีสุข รู้ทันหนี้ไม่มีทุกข์’ ตอบอินไซต์คนทำมาหากินที่ไม่มีเวลา ตั้งเป้าเสริมแกร่ง 10,000 คนทั่วไทยปีนี้   •   ฟิลลิปประกันชีวิต มอบรางวัลผู้ชนะการประกวดภาพยนตร์สั้น ภายใต้หัวข้อ “Get To Know Philliplife”   •   BAM จับมือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมพัฒนาบุคลากร   •   SCG HOME Experience เปิด 3 โซนใหม่ ตอกย้ำทุกเทรนด์การอยู่อาศัยเอาใจคนรักบ้าน   •   ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และผู้ประกอบการ SME รายย่อย มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป

ซิตี้แบงก์ เผยรายงานอนาคตของซัพพลายเชนในเอเชียแปซิฟิก ชี้กลุ่มประเทศที่ภาคธุรกิจจะลงทุน พร้อมเผย 9 ปัจจัยดึงดูดเม็ดเงินลงทุน

กรุงเทพฯ 12 ตุลาคม 2564 – ธนาคารซิตี้แบงก์ เผยผลงานวิจัยใหม่เรื่อง อนาคตของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Disruption, Digitization, Resilience: The Future of Asia-Pacific supply chains) ที่ได้ร่วมดำเนินการกับ ดิ อิโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (The Economist Intelligence Unit (EIU) พบว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้หลายองค์กรมีการคิดทบทวนกลยุทธ์ด้านห่วงโซ่อุปทานในเอเชียแปซิฟิกในวงกว้างมากขึ้น แม้ว่าห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคจะค่อนข้างมีความยืดหยุ่น โดยรายงานการวิจัยนี้อิงจากผลการสำรวจผู้จัดการด้านซัพพลายเชนจาก 175 คนทั่วโลก ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลัก 6 ประเภท ได้แก่ ยานยนต์ รองเท้าและเครื่องแต่งกาย อาหารและเครื่องดื่ม การผลิต ไอที/เทคโนโลยี/อิเล็กทรอนิกส์และการดูแลสุขภาพ/ยา/เทคโนโลยีชีวภาพ

ซึ่งประเด็นสำคัญจากการวิจัย พบว่า แม้ว่าห่วงโซ่อุปทานในเอเชียแปซิฟิกจะมีความยืดหยุ่น แต่บริษัทต่าง ๆ กำลังทบทวนกลยุทธ์สำหรับอนาคตในระยะยาว เพิ่มการลงทุนในระบบดิจิทัล แต่ยังคงเชื่อมั่นในกระแสโลกาภิวัตน์และห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศมากกว่าที่อื่น ส่วนบริษัทในแถบยุโรปและอเมริกาเหนืออาจมีการถอนตัวจากห่วงโซ่อุปทานระดับโลก แต่มาเน้นการขยายตัวภายในภูมิภาคเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและกระจายความเสี่ยงแทน นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทขนาดใหญ่เริ่มที่จะทำการกระจายห่วงโซ่อุปทานและเปลี่ยนการใช้ซัพพลายเออร์รายเดียว (single sourcing) ในขณะที่บริษัทขนาดเล็กเลือกที่จะใช้วิธีการโลคัลไลเซชัน 

นอกจากนี้ยังพบว่ามีประเทศที่ภาคธุรกิจกำลังลงทุนหรือวางแผนที่จะทำในปีหน้า เช่น อินโดนีเซีย บังคลาเทศ เกาหลีใต้ เมียนมาร์ มาเลเซีย ศรีลังกา อินเดีย จีน เวียดนาม ฯลฯ โดยปัจจัยที่ทำให้ประเทศเหล่านี้เป็นที่น่าลงทุน อาทิ ค่าแรง สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ   เงินอุดหนุน/สิ่งจูงใจจากรัฐบาล เสถียรภาพทางการเมือง 

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวสามารถดูได้ที่ Citi Report The Future of Asia-Pacific supply chains รวมถึงติดต่อธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย หรือ www.citibank.co.th  

ธนาคารซิตี้แบงก์ เผยผลรายงานการวิจัยเรื่อง อนาคตของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Disruption, Digitization, Resilience: The Future of Asia-Pacific supply chains)” จัดทำโดย “The Economist Intelligence Unit” (EIU)  สำรวจข้อมูลช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 จากบริษัททั่วโลกครอบคลุมอุตสาหกรรมหลัก 6 ประเภท ประกอบด้วย 1.ยานยนต์ 2.รองเท้าและเครื่องแต่งกาย 3.อาหารและเครื่องดื่ม 4.การผลิต 5.ไอที/เทคโนโลยี/อิเล็กทรอนิกส์ และ 6.การดูแลสุขภาพ/ยาเทคโนโลยีชีวภาพ พบว่า 5 ปัจจัยของการหยุดชะงักในซัพพลายเชนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19  ได้แก่ หยุดการผลิต 36.4% ตามมาด้วยปัญหาการขนส่งทางอากาศ ทะเล รถไฟ และถนน 20.9% ปัญหาการเข้าถึงวัตถุดิบการผลิตหลัก เช่น ฝ้าย แร่เหล็ก แร่หายาก 17.3%  ข้อจำกัดทางการค้า เช่น การควบคุมการส่งออก ภาษีนำเข้า 11.8% และการเข้าถึงปัจจัยการผลิตของสินค้าขั้นกลาง เช่น เหล็ก ส่วนประกอบ เซมิคอนดักเตอร์ 6.4%

โดยภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบเรียงจากมากไปน้อยคือยานยนต์ ตามด้วยรองเท้าและเครื่องแต่งกาย การผลิต อาหารและเครื่องดื่ม การดูแลสุขภาพ/ยา/เทคโนโลยีชีวภาพ และไอที/เทคโนโลยี/อิเล็กทรอนิกส์ ตามลำดับ ซึ่งสาเหตุหลักของการหยุดชะงักในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์คือหยุดการผลิต และข้อจำกัดทางการค้า เช่น การควบคุมการส่งออก รวมถึงการเข้าถึงวัตถุดิบหรือปัจจัยการผลิตหลัก การจัดหาเทคโนโลยี รวมถึงการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเป็นปัญหาอย่างมาก ในขณะที่ด้านการขนส่งเป็นสาเหตุสำคัญของการหยุดชะงักของซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนปัจจัยการเข้าถึงวัตถุดิบหรือข้อมูลเบื้องต้นเป็นสาเหตุสำคัญของการหยุดชะงักของซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพและเภสัชกรรม เป็นต้น 

นอกจากนี้จากผลสำรวจยังเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ซัพพลายเชนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา พบว่า 44.6% ดำเนินการเปลี่ยนแปลงบางอย่างแต่กลยุทธ์หลักยังคงเหมือนเดิม 32.6% กำลังดำเนินการยกเครื่องกลยุทธ์ใหม่ทั้งหมด และ 22.9% ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดย 5 กลยุทธ์หลักสำหรับการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ 1.  การกระจายความหลากหลาย เช่น ปรับซัพพลายเชนของบริษัทให้มาจากซัพพลายเออร์ที่หลากหลาย หรือขายในตลาดที่กว้างขึ้น 2. ย้ายซัพพลายเชนของบริษัทไปยังประเทศรอบ ๆ ตลาดหลัก หรือตลาดของผู้ใช้ปลายทาง 3. การโลคัลไลเซชันด้วยการย้ายซัพพลายเชนให้อยู่ในตลาดหลักหรือตลาดผู้ใช้ปลายทาง 4. ย้ายการผลิตกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของบริษัท และ 5. China Plus One แนวคิดการลงทุนในประเทศอื่นที่ไม่ใช่จีนอย่างเดียว อย่างไรก็ดียังพบว่าอุตสาหกรรมไอที เทคโนโลยี และอิเล็กทรอนิกส์ มีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ซัพพลายเชนน้อยกว่าภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ เนื่องจากการผลิตในอุตสาหกรรมนี้ต้องมีความเชี่ยวชาญสูง และมีความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกในการผลิตเฉพาะทาง ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายเนื่องจากความซับซ้อนเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ

พร้อมกันนี้ผลสำรวจยังเผยให้เห็นประเทศที่บริษัทต่างๆ ลงทุนตลอดทั้งปีที่ผ่านมาหรือกำลังวางแผนที่จะทำในปีหน้า โดยบริษัทในเอเชียมีการลงทุนในประเทศ อินโดนีเซีย บังคลาเทศ ออสเตรเลีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ เมียนมาร์ มาเลเซีย และศรีลังกา ในขณะบริษัทที่อยู่ในอเมริกาเหนือและยุโรปมีความสนใจลงทุนในฟิลิปปินส์ อินเดีย จีน สิงคโปร์ เวียดนาม และญี่ปุ่น โดยปัจจัยที่ทำให้ประเทศเหล่านี้เป็นที่น่าลงทุนจากมากไปน้อย ประกอบด้วย 1.ค่าแรง 2.ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ 3.เข้าถึงตลาดหลัก   โครงสร้างพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ  4.ผลผลิต  5.ฝีมือแรงงาน  6.เงินอุดหนุน/สิ่งจูงใจจากรัฐบาล และทักษะต่าง ๆ  7.การแปลงสกุลเงิน 8.เสถียรภาพทางการเมือง และอัตราภาษี  9.การเข้าถึงการเงิน  ตามลำดับ 

สุดท้ายนี้ผลสำรวจแสดงให้เห็นถึงความกังวลในอนาคตที่อาจส่งผลกระทบ  พบว่าบริษัททั่วโลกส่วนใหญ่มีความกังวลในเรื่อง 1. โรคระบาดครั้งต่อไป 2. การล่มสลายของระบบการค้าโลก และ 3. วิกฤตเศรษฐกิจหรือการเงิน  ตามลำดับ อย่างไรก็ตามการระบาดของโรคโควิด-19 ได้นำไปสู่การเพิ่มการลงทุนในเครื่องมือและกระบวนการดิจิทัลเพื่อจัดการซัพพลายเชน โดยบริษัทส่วนใหญ่มีการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในเครื่องมือและกระบวนการดิจิทัล ทั้งกระบวนการผลิต การบริการลูกค้า การคาดการณ์ความต้องการซื้อและความต้องการขาย การจัดการสินค้าคงคลัง ฯลฯ ซึ่งเหตุผลหลักในการลงทุนในเครื่องมือและกระบวนการดิจิทัลมีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น บริษัทในเอเชียส่วนใหญ่ลงทุนในเครื่องมือดิจิทัลเพื่อปรับปรุงการบริการลูกค้าและการจัดการสินค้าคงคลัง รวมถึงการลงทุนในกระบวนการดิจิทัลสำหรับคู่ค้า คือการคาดการณ์การผลิต และการคาดการณ์ความต้องการซื้อและความต้องการขาย 

 รายงานดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่าทุกภาคอุตสาหกรรมต่างมีการตอบสนองต่อความท้าทายต่าง ๆ ที่กำลังเผชิญ ซึ่งทั้งหมดล้วนมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อรักษาความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจในระยะยาว รวมถึงทำให้ภาคธุรกิจในภูมิภาคมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซิตี้แบงก์ในฐานะธนาคารชั้นนำที่มีการดำเนินงานอยู่ในกว่า 100 ตลาดทั่วโลก มีความมุ่งมั่นในการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายด้วยความสามารถในการให้คำปรึกษาผสานความเชี่ยวชาญในระดับท้องถิ่น พร้อมการเดินหน้าสำรวจภาคธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อการปรับให้เข้ากับท้องถิ่นหรือเปลี่ยนตำแหน่งใหม่เพื่อเข้าใกล้ตลาดปลายทาง หรือขยายไปสู่ตลาดใหม่เพื่อลดต้นทุนและกระจายซัพพลายเชน โดยให้มีความสมดุลระหว่างความยืดหยุ่นและการเติบโต ซึ่งทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ควบคู่ไปกับการเป็นพันธมิตรกับลูกค้านักลงทุนอย่างใกล้ชิด 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวสามารถดูได้ที่ Citi Report The Future of Asia-Pacific supply chains รวมถึงติดต่อธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย หรือ www.citibank.co.th