Monday, 6 May 2024 | 3 : 26 pm

4Quarter.co

Monday, 6 May 2024 | 3 : 26 pm
โรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ภัยเงียบอันตรายที่พร้อมคร่าชีวิต   •   กรุงเทพประกันภัย ห่วงใยลูกค้าที่ประสบภัยลมพายุฤดูร้อน รับแจ้งเคลม 24 ชั่วโมง โทรสายด่วน 1620   •   คณะกรรมการ คปภ. มีมติเห็นชอบแต่งตั้งรองเลขาธิการ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป   •   สสว. ส่งภาพยนตร์โฆษณาเรื่องใหม่ “ปวดหัวซินโดรม” มุ่งสร้างการรับรู้และแนะนำบริการ E-Service เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SME   •   เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ตอกย้ำความสำเร็จ การก้าวสู่องค์กร Net Zero   •   กรุงเทพประกันภัย มอบเงิน 6 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี   •   ธ.ก.ส. จัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันฉัตรมงคล 2567   •   ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เผยมาตรฐาน “Green Living Standard” ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนกลับคืนสู่โลก หนึ่งพันห้าร้อยล้านลิตรตลอด 3 ปี ลดผลกระทบ PM2.5 และประหยัดค่าไฟ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งกว่าให้แก่ลูกบ้าน   •   TOA โชว์วิชั่นผู้นำนวัตกรรมรักษ์โลก ชูแนวคิดความยั่งยืน “Future Tree” ในงานสถาปนิก’67 ตอกย้ำพันธกิจ Green Mission นวัตกรรมสีและวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม   •   HKSTP นำเสนอโครงการบ่มเพาะ หวังเพิ่มศักยภาพของสตาร์ทอัพทั้งในประเทศและต่างประเทศ ชี้ไทยที่มีศักยภาพสูง เล็งดึงสตาร์ทอัพไทยเข้าสู่ฮ่องกงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้   •   ออมสิน ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันฉัตรมงคล   •   เคทีซี จับมือ โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ มอบสิทธิพิเศษ สำหรับชุดน้ำชายามบ่ายจากผลงานศิลปะชิ้นเอกของ วินเซนต์ แวน โก๊ะ   •   FWD ประกันชีวิต จัดงาน MDRT & Agency Annual Awards 2024 ฉลองความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพตัวแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศในระดับสากล   •   เก็บคูปองส่วนลดสูงสุด 200 บาท/เดือน กับบัตรกรุงศรี เดบิต หรือบัตร Krungsri Boarding Card ที่ Lazada   •   THAIFA ประกาศผลรางวัลตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2567   •   MTL Click แอปพลิเคชันจากเมืองไทยประกันชีวิต คว้ารางวัลสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี “BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4   •   ออมสิน จับมือ กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคี ร่วมอนุรักษ์ป่าชายเลน   •   หอการค้าไทย Kick Off โครงการรวมพลังคนไทย บริจาคโลหิต ปี 2567 ต่อยอดโครงการ 9 แสนซีซี 90 ปี หอการค้าไทย เชิญชวนสมาชิกร่วมบริจาคโลหิต เพื่อใช้สำรองยามขาดแคลน   •   วิริยะประกันภัย ปิดฉากดวลวงสวิงสนามสุดท้ายโซนภาคใต้ “Viriyah Invitational Golf Tournament 2024”   •   “แอกซ่าประกันภัย” เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้า จับมือ “วีซ่า”มอบประกันภัยการเดินทางต่างประเทศฟรี! รับเทรนด์ท่องเที่ยวเติบโต   •   กรุงศรี ออกมาตรการช่วยเหลือ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบาง เป็นเวลา 6 เดือน ตอบรับแนวทางการช่วยเหลือของสมาคมธนาคารไทย   •   กรุงเทพประกันภัย มอบเครื่องกรองน้ำพกพาและน้ำดื่มสนับสนุนภารกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ   •   กรุงเทพประกันชีวิต และ ธนาคารกรุงเทพ ร่วมจัดงานขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการวางแผนความคุ้มครองและการออมยาวนานกว่า 20 ปี   •   กรุงศรี คอนซูมเมอร์ แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด   •   แอปฟินนิกซ์ (FINNIX) เปิดตัวห้องเรียนออนไลน์ฟรี ‘เงินดีมีสุข รู้ทันหนี้ไม่มีทุกข์’ ตอบอินไซต์คนทำมาหากินที่ไม่มีเวลา ตั้งเป้าเสริมแกร่ง 10,000 คนทั่วไทยปีนี้   •   ฟิลลิปประกันชีวิต มอบรางวัลผู้ชนะการประกวดภาพยนตร์สั้น ภายใต้หัวข้อ “Get To Know Philliplife”   •   BAM จับมือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมพัฒนาบุคลากร   •   SCG HOME Experience เปิด 3 โซนใหม่ ตอกย้ำทุกเทรนด์การอยู่อาศัยเอาใจคนรักบ้าน   •   ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และผู้ประกอบการ SME รายย่อย มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป   •   คิง เพาเวอร์ ส่งท้ายความฮอต ยิ่งช้อป ยิ่งได้ลด ตลอดทั้งเดือน

สธ. – UNFPA – เรกคิทท์ ผนึกกำลังส่งเสริมการเกิดอย่างมีคุณภาพ และถ้วนหน้า

กระทรวงสาธารณสุข กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) และ บริษัท เรกคิทท์ (Reckitt) ร่วมมือดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมการเกิดอย่างมีคุณภาพและถ้วนหน้า (Safe Birth for All) ในพื้นที่ห่างไกลชายแดนไทย-พม่า 3 จังหวัดภาคเหนือ

ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน การประชุมเชิงปฎิบัติการนำเสนอสรุปผลการดำเนินงานของโครงการการพัฒนาและส่งเสริมการเกิดอย่างมีคุณภาพและถ้วนหน้า (Safe Birth for All) ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ว่า การตายมารดาเป็นเครื่องชี้วัดด้านสุขภาพ ที่สําคัญของโลก ทุกประเทศทั่วโลกมีข้อตกลงร่วมกันในการกําหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ของโลกในอีก 15 ปี ข้างหน้า ต้องลดอัตราการตายมารดาทั่วโลกให้ต่ำกว่า 70 ต่อการเกิดมีชีพแสนคน ภายในปี 2573

สำหรับประเทศไทย โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการดําเนินงานเพื่อลดอัตราส่วนการตายมารดา อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขยังคงเฝ้าระวังและส่งเสริมการเกิดคุณภาพ โดยเฉพาะ หญิงทุกคนทั้งคนไทยและไม่ใช่คนไทยในพื้นที่ห่างไกล ได้เข้าถึงบริการอนามัยแม่และเด็ก เป็นการป้องกันการตายที่ป้องกันได้ของพื้นที่ที่มีความเสี่ยงการตายสูง ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานการพัฒนาและส่งเสริมการเกิดอย่างมีคุณภาพและถ้วนหน้า (Safe Birth for All)

“ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข และกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ได้ร่วมมือดำเนินงานโครงการ การพัฒนาและส่งเสริมการเกิดอย่างมีคุณภาพและถ้วนหน้า (Safe Birth for All) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาระบบรายงานและ การให้บริการอนามัยแม่และเด็ก และวัยรุ่นวัยเจริญพันธุ์อย่างมีคุณภาพ ตลอดจนบูรณาการการมีส่วนร่วมของบุคลากรสาธารณสุข บุคลากรวิชาชีพอื่น ๆ ในชุมชนท้องถิ่น ในพื้นที่ชายขอบและห่างไกล ลดปัญหาการตายของมารดาและทารก ระยะเวลา 15 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – ธันวาคม 2564 เพื่อปรับปรุงระบบการให้บริการอนามัยแม่และเด็ก และประสานความร่วมมือภาคีเครือข่ายในการดำเนินงาน โดยการสนับสนุนงบประมาณจาก บริษัท เรกคิทท์ (Reckitt)” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า โครงการการพัฒนาและส่งเสริมการเกิด อย่างมีคุณภาพและถ้วนหน้า (Safe Birth for All) กรมอนามัยได้ดำเนินการในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และ ตาก ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ ศูนย์อนามัยที่ 2 พิษณุโลก และศูนย์อนามัยกลุ่มชาติพันธุ์ ชายขอบ และแรงงานข้ามชาติ (ศอช.) ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ตามตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ที่อนามัยมารดาและทารกเข้าไม่ถึงบริการ

โดยพื้นที่ดังกล่าวมีกลุ่มหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่เป็นคนไทยและชาติพันธุ์ ประมาณ 210,000 คน และเป็นหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 30,700 คน ซึ่งต้องอาศัยผดุงครรภ์โบราณกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการลดการตายมารดาและทารกในพื้นที่ชายขอบและห่างไกล ช่วยให้หญิงมีครรภ์ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสม เนื่องจากกลุ่มชาติพันธุ์และชายขอบเป็นประชากรราวร้อยละ 60 ของประชากรในพื้นที่ และข้อจำกัดด้านการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ทำให้ยังมี การคลอดที่บ้านโดยผดุงครรภ์โบราณ

โดยกรมอนามัยให้การสนับสนุนอุปกรณ์การทำคลอดจำนวน 1,500 ชุด มีการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมผดุงครรภ์โบราณ จำนวน 1 หลักสูตร จัดประชุมระบบการแจ้งการเกิด การตาย แก่เครือข่ายครู ตชด. ครู กศน. พร้อมทั้งพัฒนาระบบเฝ้าระวังการตายทารกปริกำเนิด โดยปี 2565 จะมีการขยายผลให้ครอบคลุมสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่งทั่วประเทศ และมีการวางแผนจะขยายผลให้ครอบคลุมในสถานพยาบาลของรัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สถานพยาบาลเอกชน และการตายนอกสถานพยาบาลต่อไป

Dr. Asa Torkelsson ผู้แทน UNFPA ประเทศมาเลเซีย และผู้อำนวยการ UNFPA ประเทศไทย กล่าวว่า โครงการนี้ เป็นต้นแบบความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership : PPP) ที่ภาคีเครือข่าย ได้ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการตายของมารดาที่ป้องกันได้ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเป็นหญิงวัยเจริญพันธุ์ กลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง เนื่องจากเข้าถึงบริการและข้อมูลด้านอนามัยแม่และเด็กอย่างจำกัด จึงเป็นความท้าทายของการดำเนินงานที่จะหาช่องทางและโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายได้เข้าถึงบริการแม่และเด็กที่มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นการทำสิ่งที่เป็นไม่ได้ให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม และขอขอบคุณกรมอนามัย รวมถึงบริษัท เรกคิทท์ ประเทศไทยและอินโดจีน (Reckitt) ที่เป็นพันธมิตรขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากร

ดร.นพ.ปณต ประพันธ์ศิลป์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์และกิจการภายนอก บริษัท เรกคิทท์ ประเทศไทยและอินโดจีน (Reckitt) กล่าวว่า ขอชื่นชมและแสดงความยินดีกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข UNFPA และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนโครงการนี้จนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และขอบคุณที่ให้โอกาสบริษัท ริกคิทท์ ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของหญิงกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้ เป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาของเราในการดำเนินกิจการในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้คนเข้าถึงการดูแลสุขภาพอนามัย ที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน