นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2565 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 306.71 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน 51.02 % จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 626.25 ล้านบาท โดยรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 191.97 ล้านบาท คิดเป็น 64 % ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 60.12 % เนื่องจากไม่มีคอนโดใหม่ที่เริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสนี้ ส่วนรายได้จากโครงการแนวราบ จำนวน 106.70 ล้านบาท คิดเป็น 36 % ของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 21.57% บริษัทมีรายได้อื่นๆ จํานวน 8.04 ล้านบาท คิดเป็นของรายได้รวม ทำให้สรุปรวมบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 0.08 ล้านบาท ลดลง 99.73 % จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่บริษัทมีกำไร 30.03 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากผลกระทบจากการก่อสร้างที่ล่าช้าลงบางโครงการในช่วงการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 ก่อนหน้านี้ ต้องเลื่อนการรับรู้รายได้ของโครงการดังกล่าวเป็นช่วงไตรมาส 2/2565
ในทั้งปี 2565 บริษัทฯ ยังยึดมั่นเป้าหมาย 2,800-3,000 ล้านบาท เนื่องจาก 2 โครงการใหม่ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นปีแรก และโครงการเดิมที่ยังมี Backlog ทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง โดยโครงการใหม่ที่พร้อมรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ได้แก่โครงการชีวาทัย ปิ่นเกล้า มูลค่าโครงการ 1,587 ล้าน ส่วนอีกหนึ่งโครงการที่กำลังก่อสร้าง และคาดว่าจะรับรู้รายได้ตามกำหนดในปีนี้ คือโครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 (เฟส2) มูลค่าโครงการ 994 ล้านบาท ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากเฟส 1 ที่เปิดเมื่อปีที่ผ่านมาแล้ว โดยในเฟส 2 นี้ ยังเป็นโครงการแรกของชีวาทัยที่เป็นคอนโดที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ โดยในเฟส 2 พร้อมโอนและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2565
ขณะเดียวกันในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ณ ห้องแมนดารินเอ ชั้น 1 โรงแรมแมนดาริน ถนนพระราม 4 แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ผู้ถือหุ้นได้รับรองมติการจ่ายเงินปันผล 0.0259 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นแล้วในวันที่ 29 เมษายน 2565
พร้อมกันนี้ ผู้ถือหุ้นยังมีมติรับรองให้บริษัทออกหุ้นกู้แปลงสภาพซึ่งผู้ถือหุ้นทุกคนมีสิทธิ์จองซื้อหุ้นแปลงสภาพดังกล่าวได้ จำนวนรวมไม่เกิน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นเพื่อเป็นเงินลงทุนเพิ่มเติมในโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนโครงการใหม่ในอนาคต จำนวนไม่เกิน 250 ล้านบาท และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 50 ล้านบาท มีสัดส่วนการจัดสรรแก่ผู้ถือหุ้นเดิม 4,251 หุ้นเดิม : 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ (กรณีมีเศษจากการคำนวณให้ตัดทิ้งทุกกรณี) ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ รายใดที่ถือหุ้นต่ำกว่า 4,251 หุ้น จะไม่มีสิทธิจองซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพตามสิทธิได้ (แต่สามารถจองซื้อเกินสิทธิของตนได้) พร้อมแจก Warrant ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่จองซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering) โดยไม่คิดมูลค่า (ศูนย์บาท) ในอัตราส่วน 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ ต่อ 1,000 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ครั้งที่ 2 (CHEWA-W2) ในราคา 1.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาตลาด
ด้านการลงทุน บริษัทฯ วางแผนเพื่อหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการเพิ่มเติม ตามเป้าหมาย 6 โครงการ ภายในปี 2565 ในวงเงิน 5,000 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ แบรนด์ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค 2-3 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,800 ล้านบาท บ้านเดี่ยวแบรนด์ชีวารมย์ 2 โครงการ มูลค่า 1,500 ล้านบาท และทาวน์โฮมแบรนด์ชีวาโฮม 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท
ด้านคุณภาพและบริการหลังการขาย “ชีวาทัย” ยังคงยึดมั่นด้านคุณภาพและบริการหลังการขาย จาก “ชีวาแคร์” ตั้งเป้าก้าวขึ้นที่ 1 ในใจลูกค้าด้านคุณภาพและบริการ สำหรับกลุ่มบริษัทอสังหาฯ ช่วงรายได้ไม่เกิน 5 พันล้านบาท พร้อมกันนี้ยังคงเดินหน้ารักษาคุณภาพสินค้าให้ลูกค้าตรวจ Zero Defect ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าที่มาซื้อโครงการกับชีวาทัย ได้สิ่งที่ดีและมีคุณภาพสูงสุด ตั้งแต่บริการก่อนการขายตลอดจนถึงบริการหลังการขาย ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดสู่ลูกค้าทุกคน” นายบุญ ชุน เกียรติ กล่าว