Wednesday, 8 May 2024 | 8 : 44 pm

4Quarter.co

Wednesday, 8 May 2024 | 8 : 44 pm
เลขาธิการ คปภ. กดปุ่มเทคออฟสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย Big Data ประกันภัย   •   การเคหะแห่งชาติ ถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี   •   กรุงศรี เปิดโครงการ Krungsri ESG Awards ต่อเนื่องปีที่ 2 และ Krungsri ESG Academy หนุน SME ไทย สร้างแผนเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ความยั่งยืนที่ทำได้จริง   •   กรุงเทพประกันชีวิต จับมือ ธนาคารกรุงเทพ จัดงานขอบคุณลูกค้าให้ความไว้วางใจกว่า 20 ปี   •   ไทยประกันชีวิต มอบเงินสนับสนุนกำลังพลกองทัพบก ประกอบอาชีพเสริมเพิ่มรายได้   •   เอไอเอ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน ESG เปิดตัวรถต้นแบบแบ่งปันอาหาร AIA Goodie Foodie Truck มุ่งลดปัญหาขยะล้นโลก   •   OCEAN LIFE ไทยสมุทร ฉลองครบรอบ 75 ปี แจกทอง 75 บาท จับจริง แจกจริง!! ทองคำรูปโอชิ น้ำหนัก 1 สลึง จำนวน 75 รางวัล ครั้งที่ 1   •   หลักทรัพย์เมย์แบงก์ ชี้หุ้นไทย ตอบรับเชิงบวก จีนฟื้นตัวเร็วกว่าคาด แนะนำหุ้น ‘WHA’ ‘MINT’ ‘ICHI’   •   ทีทีบี เปิดรับสมัคร LEAN for Sustainable Growth รุ่น 19 เสริมแกร่งอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจยุคดิจิทัล เพื่อพัฒนาสู่ความยั่งยืน   •   ออมสิน ยกหนี้เพิ่มอีก 90,000 ราย ช่วยลูกหนี้ NPLs สินเชื่อโควิด 19 ตามนโยบายรัฐเพียง 3 เดือน มีผู้ได้ปลดหนี้แล้วกว่า 720,000 ราย   •   “เคทีซี” ผนึกพันธมิตร ”เอ็น.ซี.ซี.ฯ” มอบสิทธิพิเศษในงาน “Pet Expo Thailand 2024” ย้ำเทรนด์รักสัตว์เลี้ยงเหมือนลูกมาแรง ส่งยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ โตต่อเนื่อง   •   กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต จัดเต็มความสนุก เปิดบ้านต้อนรับเด็กๆ ในกิจกรรม KTAXA Kids Carnival ปี 2   •   ออมสิน ร่วมบันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี   •   เจนเนอราลี่ เปิดบ้าน Procuratie Vecchie อายุกว่า 500 ปี ต้อนรับมูลนิธิ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ เปิดตัวงานศิลปะสู่เวทีโลก ในมหกรรมศิลปะนานาชาติ ครั้งที่ 60 ที่ ณ นครเวนิส   •   ศุภาลัย พรีโม่ รามอินทรา 117 ส่งบ้านแฝด ดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันจัดเต็ม ปักหมุดโลเคชั่นฮอต ตอบโจทย์ URBAN LIFESTYLE   •   “กรุงศรี ฟินโนเวต” นำกองทุนฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ เข้าลงทุนใน “Doppio Tech” หนุนการสร้างบุคลากรสายเทค เพื่อให้ประเทศไทยเป็นดิจิทัลฮับของภูมิภาค   •   วิริยะประกันภัย มอบพัดลมติดผนัง มูลนิธิโรงพยาบาลศรีธัญญา   •   บัตรเครดิต กรุงศรี ชวนเที่ยว ช้อปรอบโลกใช้จ่ายสกุลเงินต่างประเทศ รับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 43,000 บาท   •   เคทีซี ส่งมอบไฟล์หนังสือเรียน ภายใต้โครงการ “พิมพ์ & Prove” เพื่อน้องผู้พิการทางสายตา   •   ไทยประกันชีวิต จ่ายสินไหมฮอตเคลมกรณีเสียชีวิต จากเหตุการณ์พายุฤดูร้อนพัดโกดังถล่มใน จ. ขอนแก่น   •   แอกซ่า เดินหน้าเป็นผู้สนับสนุนหลักด้านประกันภัยในงาน “Motor Expo 2024” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3   •   เมืองไทยประกันชีวิต ส่งแคมเปญ “ShieldLife ประกันชีวิต ตัวช่วยให้คุณเบาใจ ในวันที่คุณจากไป…” ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่าง Worry Free พร้อมเปิดตัวโฆษณาชุดใหม่ ถ่ายทอดมุมมองการสร้างความสุขให้ตัวเอง และไม่ทิ้งภาระให้ใคร   •   อลิอันซ์ อยุธยา “Family Day 2024” พาลูกค้าท่องโลกใต้ทะเล SEA LIFE Bangkok   •   TOA สุดปัง! ทุ่ม 8.4 ล้าน เช่าเหมาลำ ขนทัพทีมช้างศึกไทย ดวลแข้งจีน สู้ศึกคัดเลือกฟุตบอลโลก – ‘มาดามแป้ง’ ขอบคุณจากใจ พร้อมเตรียมทีมให้ดีที่สุด   •   โรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ภัยเงียบอันตรายที่พร้อมคร่าชีวิต   •   กรุงเทพประกันภัย ห่วงใยลูกค้าที่ประสบภัยลมพายุฤดูร้อน รับแจ้งเคลม 24 ชั่วโมง โทรสายด่วน 1620   •   คณะกรรมการ คปภ. มีมติเห็นชอบแต่งตั้งรองเลขาธิการ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป   •   สสว. ส่งภาพยนตร์โฆษณาเรื่องใหม่ “ปวดหัวซินโดรม” มุ่งสร้างการรับรู้และแนะนำบริการ E-Service เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SME   •   เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ตอกย้ำความสำเร็จ การก้าวสู่องค์กร Net Zero   •   กรุงเทพประกันภัย มอบเงิน 6 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี

เศรษฐกิจไทยเติบโตได้แค่ไหน? เมื่อโมเมนตัมโลกไม่เหมือนเดิม

นายนริศ สถาผลเดชา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics วิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวจากปัญหาเงินเฟ้อสูงต่อเนื่องกระทบการค้าโลก ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 2566 นี้ ยังเติบโตได้ต่อเนื่องที่ 3.4% จากการเปิดประเทศของจีนช่วยหนุนการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวเร็ว ประกอบกับการบริโภคในประเทศขยายตัวดีต่อเนื่อง ความเสี่ยงหลักในปีนี้เป็นการส่งออกสินค้าไทยมีโอกาสหดตัว และภาวะหนี้ครัวเรือนสูงโดยเฉพาะในกลุ่มที่มีรายได้ต่ำ อย่างไรก็ดี ภาพรวมเสถียรภาพเศรษฐกิจของไทยยังคงแข็งแกร่ง

เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีแนวโน้มชะลอตัว แต่ไม่รุนแรงมากเท่าที่เคยคาดกันเอาไว้เมื่อปลายปี 2565 สะท้อนได้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Manager Index) ของประเทศส่วนใหญ่ที่อยู่ระดับหดตัวในช่วงต้นปี 2566 และล่าสุดในเดือนมกราคม 2566 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกมาปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจโลกในปี 2566 นี้ขึ้นมาเป็นร้อยละ 2.9 จากร้อยละ 2.7 ในการประเมินรอบก่อน

นอกจากนี้ การเปิดประเทศของจีนนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เป็นต้นมา จะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากจีนถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสินค้าหลัก รวมทั้งเป็นนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคกลุ่มหลักของโลก อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของอุปสงค์จากจีนอาจเพิ่มแรงกดดันต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกและทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกชะลอตัวเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ช้าลง จึงคาดว่าธนาคารกลางหลายแห่งจะยังคงอยู่ในช่วงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ทั้งนี้ การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคบริการและตลาดแรงงานทั่วโลก ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยพยุงให้กำลังซื้อทั่วโลกมีความเข้มแข็งได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับปัญหาหนี้สาธารณะทั่วโลกที่มีระดับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการเกิดวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้ประเทศส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ต้องเผชิญภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงเสถียรภาพทางการคลังโดยรวม

สำหรับประเทศไทยที่ยังคงเป็นประเทศเป้าหมายอันดับต้นของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ประกอบกับห่วงโซ่การผลิตและการส่งออกสินค้าของไทยที่มีความเชื่อมโยงกับจีนสูง ดังนั้น เศรษฐกิจไทยจึงได้รับแรงหนุนอย่างมากจากการเปิดประเทศของจีน เบื้องต้น ttb analytics จึงได้ปรับเพิ่มประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2566 ขึ้นมาที่ 29.5 ล้านคนจาก 22.5 ล้านคน โดยมาจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนและเอเชีย เป็นสำคัญ นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนถือเป็นอีกปัจจัยหลักที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโต โดยเฉพาะการบริโภคในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวปรับดีขึ้นค่อนข้างเร็ว สอดคล้องกับการฟื้นตัวของกิจกรรมการท่องเที่ยวและระดับการจ้างงานในตลาดแรงงานไทยที่กลับมาเท่ากับช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 แล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะได้อานิสงส์การเปิดประเทศของจีนและเศรษฐกิจโลกที่กำลังปรับดีขึ้น แต่ตัวเลขการส่งออกสินค้าของไทยที่หดตัวมากกว่าที่คาดไว้ในช่วงท้ายปี 2565 ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าฝั่งยุโรป สหรัฐอเมริกา ที่เป็นตลาดสินค้าเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาลดลงรวดเร็ว โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ และเม็ดพลาสติก ทำให้ ttb analytics ประเมินตัวเลขการส่งออกสินค้าในปี 2566 จะหดตัวที่ร้อยละ 0.5 เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัวและความผันผวนในภาคการเงินต่างประเทศ ทำให้ปี 2566 การตัดสินใจลงทุนและการนำเข้าสินค้าทุนของภาคเอกชนอาจมีแนวโน้มชะลอตัวออกไป ในขณะที่ราคานำเข้าพลังงานมีแนวโน้มลดลง ตัวเลขการนำเข้าสินค้าของไทยในปี 2566 คาดว่าอยู่ที่ร้อยละ 1 ชะลอตัวจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 13.6 เมื่อรวมกับภาคการบริโภคที่ขยายตัวต่อเนื่อง จึงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะขยายตัวที่ร้อยละ 3.4

สำหรับประเด็นการนำเข้าสินค้าของไทยในปี 2566 ที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 1 จากปีก่อน หากเกิดกรณีที่การส่งออกสินค้าของไทยหดตัวต่ำกว่ากรณีฐาน (หดตัวที่ร้อยละ 0.5) ลงไปโดยหดตัวที่ร้อยละ 1 เศรษฐกิจไทยปี 2566 โดยรวมจะขยายตัวลดลงมาเหลือร้อยละ 3.1 และหากการส่งออกหดตัวที่ร้อยละ 2 จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2.5 ดังนั้น ราคาสินค้าในตลาดโภคภัณฑ์โลกเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ การประคับประคองโมเมนตัมการส่งออกสินค้าของไทยให้เติบโตได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปีถือเป็นสิ่งสำคัญ

เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมของไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหนี้สาธารณะยังอยู่ในระดับไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ อีกทั้งไทยมีทุนสำรองที่อยู่ในระดับสูง สำหรับระบบธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันยังมีความแข็งแกร่งทั้งในด้านฐานเงินฝากที่มีคุณภาพและสินทรัพย์สภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง ด้านเงินกองทุนและเงินสำรองอยู่ในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CET1) อัตราส่วนเงินสำรองที่มีอยู่ต่อ NPL (NPL Coverage ratio) อยู่ในระดับที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ในขณะที่สัดส่วน NPL ของไทยมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2565

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ หนี้ครัวเรือนของไทยที่อยู่ในระดับสูง และสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเติบโตค่อนข้างเร็ว เมื่อทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง อาทิ กลุ่มรายได้น้อย กลุ่มเกษตรกร และภาคธุรกิจขนาดเล็ก ที่ยังจำเป็นต้องก่อหนี้เพิ่มเพื่อพยุงระดับการบริโภคและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับประกอบธุรกิจครัวเรือน อีกทั้ง มาตรการดูแลลูกหนี้ทั้งในส่วนของประชาชนและภาคธุรกิจที่กำลังทยอยหมดลงนับแต่เดือนเมษายนจนถึงสิ้นปี 2566 นี้ อาจเป็นปัจจัยกดดันให้ลูกหนี้ที่เปราะบางจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือต่อไป

ดังนั้น ข้อเสนอแนะในเชิงนโยบายทางเศรษฐกิจที่สำคัญในปีนี้ คือ 1) การมองหาตลาดส่งออกสินค้าที่ยังมีศักยภาพเติบโตได้ต่อเนื่องท่ามกลางโลกที่ท้าทาย อาทิ กลุ่มตะวันออกกลาง อินเดียและกลุ่มอาเซียน ฯลฯ 2) มาตรการบรรเทาค่าครองชีพแก่กลุ่มครัวเรือนและดูแลกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่เปราะบาง อาทิ มาตรการลดค่าครองชีพในหมวดสินค้าจำเป็น มาตรการช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟฟ้า มาตรการช่วยผ่อนคลายต้นทุนของธุรกิจ SMEs และ 3) มาตรการทางการเงินและสินเชื่อจากภาคสถาบันการเงินเพื่อดูแลลูกหนี้กลุ่มเปราะบางเป็นรายกรณี เป็นต้น