Monday, 29 April 2024 | 8 : 09 pm

4Quarter.co

Monday, 29 April 2024 | 8 : 09 pm
กลุ่มเอไอเอ ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ   •   วิริยะประกันภัย ถวายเครื่องอุปโภคบริโภค มูลนิธิสหชาติ เพื่อสนับสนุนการจัดการแก้ปัญหาช้างป่าภาคตะวันออก   •   TOA จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 และอนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.35 บาทต่อหุ้น   •   บีคอน วีซี ร่วมกับ SUN Group ลงทุน Series A ใน ION Energy สตาร์ทอัพพลังงานโซลาร์สัญชาติไทย หนุนการเข้าถึงพลังงานสะอาดต้นทุนต่ำ   •   เมืองไทยประกันภัย จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 จ่ายเงินปันผล 5.00 บาทต่อหุ้น   •   เคทีซี ควงแขน ซีไลฟ์ แบงคอก ชวนครอบครัวท่องเที่ยว เปิดประสบการณ์นอกห้องเรียน   •   พลังบุญทิพย #225 พิธีมหามงคลเทวาภิเษกบวงสรวงองค์เทพหนุมานทิพยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ พร้อมจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ประจำปี เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งแผ่นดินไทย   •   TQMalpha มั่นใจกลุ่มธุรกิจประกันเบี้ยแตะ 33,000 ล้านบาท เร่งสปีดพัฒนาเทค-แพลตฟอร์มกลุ่มประกันและการเงิน เพื่อตอบโจทย์การบริการผู้บริโภค   •   ลดสูงสุด 20% เมื่อจองเที่ยวบิน หรือ ที่พัก ผ่านบัตร Krungsri Boarding Card หรือบัตรกรุงศรี เดบิต ที่ Trip.com   •   “สาระ ล่ำซำ” รับรางวัลเกียรติยศ TOP CEO (THAILAND) 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3   •   ธ.ก.ส. ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ลง 0.25% หนุนการฟื้นตัวกลุ่มเปราะบาง   •   เอไอเอ ประเทศไทย มอบรางวัลเกียรติยศแก่สุดยอดตัวแทน “ที่สุดแห่งปี” ประจำปี 2566 ในงาน AIA Annual Agency Awards Presentation 2023­­­­   •   ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย   •   ออมสิน ประกาศลดดอกเบี้ย MRR ลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยทุกกลุ่ม คงเหลืออัตราดอกเบี้ย MRR (หลังปรับลด) = 6.595%   •   Caring is Giving “Protect Your Car” ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ใส่ใจคุณ พร้อมเคียงข้างทุกการเดินทาง ชวนลดความเสี่ยง ปกป้องรถที่คุณรักอย่างยั่งยืน   •   เคทีซี เผยยอดใช้จ่ายไอเทมคลายร้อนที่ KTC U SHOP พุ่งกว่า 120% เปิดช่องทางช้อปใหม่ผ่านแอป KTC Moblie สะดวก ปลอดภัย พร้อมรับโปรสุดคุ้ม   •   กสิกรไทย ร่วมฉลองความสำเร็จ KCBL รุ่น 1   •   กคช. ระดมผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ มุ่งการพัฒนาควบคู่ 4 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในช่วงบั้นปลาย   •   ถอดบทวิเคราะห์ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เผยมุมมองขยายพอร์ต สู่ 4 จุดยุทธศาสตร์สำคัญของกรุงเทพฯ “กาญจนาภิเษก – พุทธมณฑล – พัฒนาการ – รามคำแหง”   •   สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ขานรับนโยบายรัฐบาล ประกาศลดดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและกลุ่มเปราะบาง   •   ผู้บริหารไทยประกันชีวิต รับรางวัล TOP CEO Thailand 2023   •   วิริยะประกันภัย รวมพลังจิตอาสาสร้างโป่งเทียม แหล่งอาหารช้างป่า ผืนป่าภาคตะวันออก   •   กรุงศรี เดินหน้ากลยุทธ์กลุ่มลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ รุกสร้างระบบนิเวศเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมเชื่อมต่อโอกาสลงทุนในอาเซียน   •   ทีทีบี ชวนเอสเอ็มอี ร่วมสัมมนา finbiz connect the future for growth เชื่อมเทรนด์ธุรกิจอนาคต..สู่กลยุทธ์การเติบโตยั่งยืน   •   เงินติดล้อ เปิดบ้านต้อนรับ นักศึกษาปริญญาโท บริหารธุรกิจ (MBA) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   •   เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบเงินสนับสนุน “มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจในพระบรมราชินูปถัมภ์”   •   พรูเด็นเชียล ประเทศไทย คว้ารางวัลสุดยอดนายจ้างระดับโลก “Global Best Employer Brand Awards 2024”   •   เปิดบ้านหรู 3 ชั้น พร้อมชม Club House สุดหรู ที่ ศุภาลัย เอเลแกนซ์ พหลโยธิน 50   •   กสิกรไทย ปรับโครงสร้างคณะกรรมการ ลดจำนวนกรรมการเป็น 15 คนจาก 18 คน เพิ่มสัดส่วนกรรมการอิสระเกินกว่ากึ่งหนึ่ง ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสอดคล้องมาตรฐานสากล   •   เอสซีจี แถลงผลประกอบการ ไตรมาส 1 ปี 2567 ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เดินหน้านวัตกรรมกรีนต่อเนื่อง เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด รุกธุรกิจในตลาดเติบโตสูง

Thailand Museum Pass เชิญชวนสัมผัสกลิ่นอายของอดีต เรียนรู้วิถีชีวิตผู้คน ผ่าน 5 พิพิธภัณฑ์ในเขตพระนคร

เขตพระนครหรือบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และเป็นสถานที่ที่มีกลิ่นอายแห่งอดีตซุกซ่อนอยู่ และจะยิ่งชัดเจนหากได้ไปสัมผัส 5 พิพิธภัณฑ์คือ มิวเซียมสยาม, หอศิลป์กรุงไทย, หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ และ พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก หรือ ชื่อในปัจจุบันคือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก ซึ่งพิพิธภัณฑ์ทั้ง 5 แห่งนี้ใช้บัตร Thailand Museum Pass เข้าชมได้ฟรี แถมด้วยที่เที่ยวระหว่างทางสองฝั่งแม่น้ำลำคลองที่สามารถแวะชิม ชม กันได้อย่างไม่มีเบื่ออีกด้วย

มิวเซียมสยาม

เริ่มที่แรกกันที่มิวเซียมสยาม ซึ่งวันนี้เราจะเดินทางโดยใช้เส้นทางเรือเป็นหลัก เริ่มจากการนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา หรือที่หลาย ๆ คนเรียกกันว่า เรือธงส้ม มาลงที่ท่ายอดพิมาน แล้วเดินต่อลัดเลาะเข้าซอยข้างโรงเรียนราชินี เดินมาไม่ไกลนักก็จะเจอกับสถานีตำรวจนครบาลพระราชวังตึกเก่าสีเหลืองอมส้ม เดินเลยมานิดเดียวก็จะมองเห็น ‘มิวเซียมสยาม’ อยู่ทางด้านซ้ายมือ หรือหากต้องการชมวิวเพิ่มอีกสักหน่อยสามารถลงที่ท่าเตียนได้อีกด้วย ซึ่งท่าเรือนี้จะแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวเพราะจากตรงนี้สามารถเดินไปชมสถานที่สำคัญ ๆ อย่าง พระบรมมหาราชวัง วัดพระเชตุพนฯ หรือหาร้านสวย ๆ แถวตลาดท่าเตียนนั่งชมวิววัดอรุณฝั่งตรงข้าม ก่อนจะเดินไปมิวเซียมสยามก็ได้

ที่ดินของมิวเซียมสยามและสถานีตำรวจพระบรมมหาราชวังเคยใช้เป็นวังถึง 5 วังในสมัยรัชกาลที่ 5 จนต่อมาในรัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าให้แบ่งที่ดินเพื่อสร้างเป็นสถานีตำรวจนครบาลและตึกกระทรวงพาณิชย์ ในปัจจุบันพื้นที่ในบริเวณตึกกระทรวงพาณิชย์ถูกเปลี่ยนเป็น ‘มิวเซียมสยาม’ ที่บอกเล่าความเป็นไทยไว้ในหลากหลายมุมอง บ้างก็แซะไว้อย่างเจ็บแสบ บ้างก็ทำให้เราได้ย้อนกลับมาสำรวจความคิดความเชื่อตัวเองอีกครั้ง ในนิทรรศการหลักชุด ‘ถอดรหัสไทย’ เล่าเรื่องผ่านทั้ง 14 ห้องนิทรรศการ

ในชั้น 2 เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ “นางกวักตัวใหญ่” สูงราว 4 เมตร เจ้าหน้าที่บอกเราว่า เธอมีชื่อว่า “แม่เอิบทรัพย์” เป็นนางกวักที่แตกต่างจากที่เคยเห็นทั่วไปคือมีรูปร่างอวบอิ่ม ตากลมโตน่ารัก ที่มาคอยกวักมือเรียกทุกคนให้มาเยือนสถานที่แห่งนี้เพื่อเรียนรู้กันอย่างเพลิดเพลินนั่นเอง

ก่อนจะไปที่อื่นกันต่อเดินเลยไปแถวปากคลองตลาดกันสักนิดมีร้านที่อาจเคยเห็นผ่านตาใน pinterest ซ่อนตัวอยู่ อย่างร้าน นภสร หรือร้าน Floral Cafe At Napassorn คาเฟ่ซึ่งอยู่ชั้นบนของร้านดอกไม้ นอกจากหอมดอกไม้อบอวลทั่วทั้งตลาดแล้วยังได้กลิ่นกรุ่นของกาแฟอีกด้วย

มิวเซียมสยามเปิดให้บริการแล้วโดยเข้าชมได้ทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น. หยุดวันจันทร์ ค่าเข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไปอยู่ที่ 100 บาท นักเรียนนักศึกษา 50 บาท แต่ถ้ามีบัตร Thailand Museum Pass เข้าชมฟรี!

หอศิลป์กรุงไทย
เมื่อออกจากมิวเซียมสยาม เรานั่งเรือด่วนเจ้าพระยาต่อมาลงที่ ท่าราชวงศ์ เดินออกไปยังถนนเยาวราชประมาณ 600 เมตร แวะทานไอศกรีมดับร้อนที่ร้าน JING JING Ice-cream Bar and Cafe ร้านไอศกรีมที่มีบรรยากาศเหมือนในหนังของหว่องกาไวที่เหล่าคาเฟ่ฮอปปิ้งพลาดไม่ได้

หลังออกจากร้านไอศกรีมเราเดินไปยังจุดมุ่งหมายหลักของเราซึ่งอยู่ตรงข้ามโรงแรมแกรนด์ไชน่า ตึกเก่าทรงชิโน-โปรตุกีสซึ่งเคยเป็นธนาคารกรุงไทยสาขาเยาวราชมาก่อน ปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็น ‘หอศิลป์กรุงไทย’ หอศิลป์ที่รวบรวมผลงานศิลปะที่ชนะการประกวด ‘กรุงไทยสานศิลปะวัฒนธรรม’ และผลงานศิลปะที่สะสมไว้กว่า 170 ชิ้น

ถ่ายรูปก้อนเมฆ มองวิวถนนเยาวราชบนชั้นดาดฟ้าเสร็จเรายังเหลือเวลาไปช้อปปิ้ง จากหอศิลป์นี้เดินไปไม่ถึง 3 นาที ก็เป็นตลาดสำเพ็งเราแวะซื้อของกระจุกกระจิกติดไม้ติดมือกลับบ้าน ใครเป็นสายคราฟต์หน่อยก็อาจจะวางแผนโฉบไปพาหุรัดซื้อผ้าลายสวยมาเป็นพรอพถ่ายรูป หรือซื้ออุปกรณ์ทำกระเป๋าผ้าแสนชิค เดินได้เพลินๆ เผื่อปิ๊งไอเดียใหม่กลับบ้านก็นับว่าการเที่ยวครั้งนี้เป็นการออกมาหาอินสไปร์ที่คุ้มค่าทีเดียว

หอศิลป์กรุงไทยเปิดให้เข้าชมฟรี ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09.00 – 17.00 น. ส่วนวันเสาร์ 10.00 น. – 17.00 น. ปิดทุกวันอาทิตย์และวันหยุดธนาคาร

ใครมีแผนมากินของอร่อยที่ตลาดกลางคืน เยาวราช เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ช่วงกลางวันลองแวะเวียนมาใช้เวลาที่นี่ ก็จะได้อรรถรสทั้งอิ่มท้องและอิ่มใจไปด้วยพร้อมกัน

พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก หรือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก

ขยับออกจากเขตกรุงเก่ากันเสียหน่อย จะโบกตุ๊ก ๆ จากหอศิลป์กรุงไทย หรือขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าโอเรียนเต็ลแบบเราก็ได้ แล้วเดินไปทางถนนเจริญกรุง เลี้ยวเข้าบ้านไม้สวยบนถนนเจริญกรุง 43 ที่ตั้งของ ‘พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก’ บ้านที่จำลองวิถีชีวิตของชาวบางกอกหรือชาวกรุงเทพในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเครื่องเรือนไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ของคนที่มีฐานะปานกลางในสมัยนั้นไว้ได้อย่างสมบูรณ์

อีกทางเลือกคือนั่งเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าสี่พระยาแวะกิน Feng Zhu เกี๊ยวซ่าหน้าเปิด ร้านสไตล์จีนข้างห้างฯ River City Bangkok เดินถ่ายรูปในซอยกัปตันบุช บ้านเลขที่ 1 และ Warehouse 30 ก่อนจะเดินข้ามถนนไปยังซอยเจริญกรุง 43 เพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์ก็ได้

พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก หรือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก คือ พิพิธภัณฑ์ที่เปลี่ยนจากบ้านที่อยู่อาศัยจริงจนถึงบั้นปลายชีวิตของอาจารย์วราพร สุรวดี ซึ่งบ้านหลังนี้ได้รับมรดกจากผู้เป็นแม่ นางสอาง (ตันบุณเต็ก) เป็นความตั้งใจเพื่อให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสบรรยากาศเมื่อ 70 ปีที่แล้ว

ก้าวเข้าอาคารหลังแรกเป็นบ้านที่อาจารย์เคยอาศัย ออกแบบตามอย่างฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็นตัวบ้าน เครื่องเรือน หรือของใช้ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก เราเดินมาถึงห้องรับแขกของบ้านสะดุดตาเข้ากับเปียโนหลังเก่า พบว่ามีอายุตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวแป้นกดทำมาจากงาช้าง ข้างกันกับเปียโนหลังงามมีเครื่องแก้วเจียรไน เช่น แก้วไวน์ แก้วมาตินี่ สวยงามเล่นกับแสงของไฟ

เราเดินสำรวจบ้านเข้ามาลึกเรื่อยๆ สิ่งที่ดูแปลกตาเห็นจะเป็นโถส้วมเมื่อสมัยยังไม่มีน้ำประปาใช้ เพราะภายใต้ฝาชักโครกนั้นมีกระโถนรองไว้ พิพิธภัณฑ์บอกเราว่ามีไว้สำหรับรองรับและสะดวกในการนำไปทิ้งนอกบ้าน เราก็ได้แต่คิดว่าการเข้าห้องน้ำในสมัยก่อนนี่เป็นเรื่องลำบากจริงๆ

ลงจากบ้านแรกมาที่บ้านหลังที่สอง เป็นหลังที่ยกคลีนิกของคุณหมอฟรานซิส คริสเตียน จากซอยงามดูพลีมาไว้ในขนาดย่อส่วนลงมาหน่อย บรรยากาศภายในนั้นขอบอกเลยว่าไม่ผิดแผกไปจากของเดิมมากนัก ทางพิพิธภัณฑ์จัดวางไว้อย่างเป็นธรรมชาติ เป็นวิถีชีวิตในสมัยนั้น ในพิพิธภัณฑ์นี้ยังเหลือบ้านอีก 2 หลัง แต่เราขออุบเอาไว้ให้ตามไปลองเที่ยวกันเองดีกว่า

พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก หรือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก เปิดทำการทุกวันพุธ-อาทิตย์ หยุดทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 10.00-16.00 น.

ความตั้งใจของอาจารย์คือเปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับใครที่พกบัตร Thailand Museum Pass จะได้รับสติกเกอร์ของพิพิธภัณฑ์มาเป็นที่ระลึกด้วย

พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ

ย้ายจากเรือด่วนเจ้าพระยามาลงเรือด่วนคลองแสนแสบกันบ้าง พิพิธภัณฑ์ต่อมาที่เราอยากชวนมาคือ ‘พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ’ อยู่ตรงข้ามกับท่าเรือสะพานผ่านฟ้าลีลาศ แค่นั่งเรือด่วนคลองแสนแสบมาจนสุดสายก็ถึงแล้ว เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใกล้ท่าเรือมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะแค่เราเดินออกจากท่าเราก็จะเห็นอาคารทรงยุโรปตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน พร้อมให้เราได้ย้อนอดีตเมื่อสมัยรัชกาลที่ 7 กันแล้ว

เมื่อสิ่งของทุกชิ้นมักมีเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ อาจมีคุณค่ากับจิตใจ อาจเป็นชิ้นส่วนของความทรงจำ อาจเป็นสิ่งที่จารึกประวัติศาสตร์บทเก่า สิ่งเหล่านี้เองทำให้ของที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์นั้นมีคุณค่ามากนัก เหมือนกับจุดเริ่มต้นของ ‘พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ’ พิพิธภัณฑ์พระมหากษัตริย์ ที่พระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานเครื่องราชภัณฑ์ส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมาจัดแสดง

เราเริ่มกันที่ชั้นแรกเป็นส่วนพระราชประวัติและภายในตู้กระจกมีข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ เราได้เห็นชุดของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีที่เป็นชุดอย่างสตรีชาวยุโรป มีกระเป๋าใบสวยที่ชื่อว่า ‘กระเป๋าเสื่อสมเด็จ’ ที่เป็นอีกหนึ่งพระราชกรณียกิจที่ส่งเสริมอาชีพให้กับคนเมืองจันฯ ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเสื่อจันทรบูรด้วย

ขึ้นมาที่ชั้น 2 เราเดินชมภาพหายากซึ่งบอกถึงพระราชประวัติก่อนที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ เสด็จขึ้นครองราชย์ เช่น ภาพตอนทรงผนวช ทรงอภิเษกสมรส นอกจากนั้นยังมีห้องที่จำลองบรรยากาศโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง โรงภาพยนตร์แห่งแรกของประเทศไทย เมื่อครั้งที่ยังคราคร่ำไปด้วยผู้คนและฉายหนังฝรั่งระดับฮอลลีวู้ด ถึงแม้ว่าปัจจุบันตัวอาคารศาลาเฉลิมกรุงจะยังอยู่คงความขลังแต่ภาพบรรยากาศเก่าๆ ทั้งผู้คนและแสงไฟนั้นสามารถหาชมได้จากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ แนะนำว่าให้เผื่อเวลามา เพราะจะมีภาพยนตร์ฉายวันละ 2 รอบ เวลา 10.30 และ 14.30 น. เท่านั้น มีทั้งภาพยนตร์หายากและภาพยนตร์ส่วนพระองค์ที่น่าสนใจมากทีเดียว

บนถนนหลานหลวงยังเป็นที่ซ่อนตัวของคาเฟ่และร้านรวงที่อยู่ท่ามกลางตึกเก่า เราแวะเข้าไปที่ร้าน Alex&Beth ร้านที่ไม่ได้มีดีแค่กาแฟแต่ยังเสิร์ฟของหวานทั้ง เค้ก พาย และทาร์ตด้วยนะ

พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ เปิดทำการทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. หยุดวันจันทร์ สามารถเข้าชมได้ฟรี

และสามารถรับชมพิพิธภัณฑ์เสมือนจริงได้ที่ http://www.kingprajadhipokmuseum.com

หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

สำหรับใครที่ยังไม่เต็มอิ่มกับหน้าประวัติศาสตร์ที่เพิ่งได้ย้อนรอยไป หรือมีเวลาเหลือ อยากชวนเดินข้ามสะพานผ่านฟ้าลีลาศไปชม ‘หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ เพราะสามารถไปจากท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศได้เหมือนกัน

เราเดินเข้ามาในอาคารซึ่งเคยเป็นที่ทำการของธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานผ่านฟ้า ที่ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่สำหรับคนที่ชื่นชอบงานศิลปะ ไม่แปลกเลยที่สถานที่แห่งนี้จะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเช่นเดียวกับสถานที่สำคัญหลายแห่งบนถนนราชดำเนินกลางถนนที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์เส้นนี้

เนื่องจากหอศิลป์แห่งนี้จัดเป็นนิทรรศการหมุนเวียนตลอดทั้งปีตอนที่เรามาเที่ยวกับตอนที่ทุกคนมาอาจไม่เหมือนกัน เราเดินดูงานศิลปะกว่าร้อยชิ้นตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 4 ซึ่งถูกจัดวางไว้หลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นงานประติมากรรม สีน้ำ สีฝุ่น ไปจนถึงสื่อผสม โดยหอศิลป์แห่งนี้เน้นสนับสนุนศิลปินไทยรุ่นใหม่ไปจนถึงศิลปินระดับตำนานหลากหลายท่าน เราจึงเห็นได้ถึงความหลากหลายทางศิลปะเอามากๆ และบนชั้น 5 ยังเป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับงานศิลปะกับคนที่สนใจอีกด้วย

นอกจากเที่ยวหอศิลป์แล้วเรายังโบกรถไปตลาดเก่าอย่างตลาดนางเลิ้งที่ยังคงความเป็นตลาด 100 ปีเอาไว้ มีทั้งของกินและร้านรวงที่ให้กลิ่นอายของยุคเก่าก่อน ห้ามพลาดที่จะชิมร้านดังของที่นี่อย่างไส้กรอกปลาแนมหรือถ้าพูดถึงก๋วยเตี๋ยวเป็ดก็ต้องร้าน ส.รุ่งโรจน์ในตำนานนี่แหละ เด็ด!

หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เปิดทำการทุกวัน เวลา 10.00 – 19.00 น. ปิดทุกวันพุธ ค่าเข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไปอยู่ที่ 50 บาท

ลงเรือย้อนรอยประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์ 5 พิพิธภัณฑ์ มีแวะเที่ยวระหว่างทางบ้าง แต่ก็ยังมีอีกหลายที่ที่รอให้เราไปเที่ยวสนุก เพลิดเพลิน ได้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์ ที่สำคัญอย่าลืมมีบัตร Thailand Museum Pass ติดตัวไปด้วยทุกครั้ง จะได้เข้าชมฟรี! แล้วไปเที่ยวด้วยกันอีกนะ