• ในปี 2562 ตัวเลขเบี้ยประกันทั่วโลกเพิ่มขึ้น 4.4% อยู่ที่ 3.906 ล้านล้านยูโร (หรือประมาณ 136.71 ล้านล้านบาท) เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 4 ปี
• เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดที่ 6.8% โดยมียอดรวมของเบี้ยประกันสูงถึง 9.47 แสนล้านยูโร (หรือประมาณ 331 ล้านล้านบาท) เกือบครึ่งหนึ่งมาจากประเทศจีน
• ตลาดประกันในปี 2563 จะแตกต่างจากปีที่ผ่านมา มีการคาดการณ์ว่ารายได้จากเบี้ยประกันจะลดลง 0.7% ในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) และลดลง 3.8% ทั่วโลก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนการแพร่ระบาดของโควิด19 และคาดว่าเบี้ยประกันจะหายไปประมาณ 3.6 แสนล้านยูโร (หรือประมาณ 1.26 ล้านล้านบาท)
• ตลาดส่วนใหญ่จะฟื้นตัวในปี 2564 และในอีก 10 ปีหน้า ธุรกิจประกันทั่วโลกจะเติบโตในอัตรา 4.4% ในขณะที่เอเชียจะโต 8.1% (ไม่รวมญี่ปุ่น) และกว่า 50% ของอัตราการเติบโตของเบี้ยประกัน จะมาจากเอเชียหรือคิดเป็น 1.277 ล้านล้านยูโร (หรือประมาณ 44.69 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2573
• ประเทศไทยจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากโควิด19 และยืนหยัดด้วยอัตราการเติบโต 4.8% ในอีก 10 ปีข้างหน้า
กรุงเทพฯ 2 กรกฎาคม 2563: อลิอันซ์ เปิดเผยรายงาน อลิอันซ์ โกลบอล อินชัวรันส์ 2020 ฉบับล่าสุด เกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดประกันทั่วโลก โดยทำการศึกษาผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาและประเมินทิศทางของการเติบโตในอนาคต พร้อมชี้ธุรกิจประกันในประเทศไทยอนาคตสดใสเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตมากที่สุดในภูมิภาค
อุตสาหกรรมประกันโลกเข้าสู่ปี 2563 ด้วยอัตราการเติบโตที่ดี หลังจากปี 2562 ที่มียอดรวมเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น 4.4% นับว่าเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบสี่ปี โดยเป็นการเติบโตจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตซึ่งมีเบี้ยประกันรวมเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2561 อยู่ที่ 4.4% เนื่องจากจีนผ่านช่วงเวลาที่หน่วยงานรัฐมีการออกกฏที่ไม่เอื้อต่อธุรกิจไปแล้ว อีกทั้งตลาดสามารถปรับตัวให้เข้ากับอัตราดอกเบี้ยต่ำ ประกันภัยทรัพย์สินเติบโตในอัตราใกล้เคียงกับอัตราเดิม (4.3%) ลดลงจาก 5.4% ในปี 2561 นับเป็นครั้งแรกที่ประกันชีวิตโตมากกว่าประกันภัยทรัพย์สิน แม้จะมากกว่าเพียงเล็กน้อย ส่วนรายได้จากเบี้ยประกันทั่วโลกอยู่ที่ 3.906 ล้านล้านยูโร (หรือประมาณ 136.71 ล้านล้านบาท ในปี 2562 ซึ่งเป็นประกันชีวิต 2.399 ล้านล้านยูโร (หรือประมาณ 83.96 ล้านล้านบาท) และประกันภัยทรัพย์สิน 1.507 ล้านล้านยูโร (หรือประมาณ 52.74 ล้านล้านบาท)
การแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโลก การชะงักงันของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะทำให้อุปสงค์ของการประกันลดลงเช่นกัน มีการคาดการณ์ว่ารายได้จากเบี้ยประกันทั่วโลกจะหดตัวลง 3.8% ในปี 2563 โดยประกันชีวิตจะได้รับผลกระทบมากกว่าประกันภัยทรัพย์สิน อัตราการเติบโตหดตัว -4.4% และ -2.9% โดยลำดับ ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่าผลกระทบของโควิด19 รุนแรงยิ่งกว่าวิกฤติการณ์ทางการเงินโลก รายได้จากเบี้ยประกันทั่วโลกลดลง 1.0% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด19 จะแพร่ระบาด และยอดรวมของเบี้ยประกันทั่วโลกจะลดลงประมาณ 3.6 แสนล้านยูโร (หรือประมาณ 1.26 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นประกันชีวิต 2.50 แสนล้านยูโร (หรือประมาณ 8.75 ล้านล้านบาท) และประกันภัยทรัพย์สิน 1.10 แสนล้านยูโร (หรือประมาณ 3.85 ล้านล้านบาท)
ปี 2563 ธุรกิจประกันทั่วโลกถูกไวรัสเล่นงานอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ลูโดวิค เซอร์บราน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ของอลิอันซ์ กล่าวว่า “สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าคือ อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากโควิด19 เรามองเห็นสามกระแสหลักซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วและจะกลับมาอีกในอนาคต นั่นคือ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของโมเดลธุรกิจ การหันเหความสนใจมาที่เอเชีย และองค์ประกอบด้านการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และ ธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG Factors ที่จะมีความสำคัญมากขึ้น ในขณะที่ผู้เล่นในเอเชียเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ยุโรปยังคงนำด้าน ESG อย่างไรก็ตามเอเชียจะครอบครองอุตสาหกรรมประกันโลก เนื่องจากครัวเรือนในเอเชียจะเป็นผู้บริโภคกลุ่มหลักที่ช่วยขับเคลื่อนอุปสงค์ของการประกันทั่วโลก”
ในความเป็นจริงแล้ว เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) มีอัตราการเติบโต 6.8% ในปี 2562 ซึ่งมากกว่าอัตราการเติบโตของปีที่แล้วเกือบสองเท่า ทั้งกลุ่มประกันชีวิตและประกันภัยทรัพย์สินซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของเบี้ยประกัน โดยกลุ่มประกันชีวิตโต 6.5% และประกันภัยทรัพย์สิน 7.5% และเบี้ยประกันรวมสูงถึง 9.47 แสนล้านยูโรในเอเชีย (หรือประมาณ หรือประมาณ 331 ล้านล้านบาท) เกือบครึ่งหนึ่งของการเติบโตนี้มาจากประเทศจีน
ปี 2563 จะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับเอเชีย เนื่องจากรายได้จากเบี้ยประกันคาดว่าจะลดลง 0.7% ประกันชีวิตลดลง 1.8% แต่ประกันภัยทรัพย์สินจะยังคงโตเล็กน้อยที่ 1.9% สำหรับการคาดการณ์ในระยะยาว เอเชียจะกลับมาโตในอัตรา “ปกติ” และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8.1% ต่อปีจนถึงปี 2573 เบี้ยประกันชีวิตและประกันภัยทรัพย์สินคาดว่าจะโตในอัตราที่ใกล้เคียงกับอัตราเดิม หรือเกือบสองเท่าของอัตราของตลาดโลก (4.4%)
“เอเชียเป็นภูมิภาคแรกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19 และจะเป็นภูมิภาคแรกที่ฟื้นตัว” มิคาเอล กริม นักเศรษฐศาสตร์อลิอันซ์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นผู้ร่วมเขียนรายงานฉบับนี้ กล่าว “ความตื่นตัวต่อความเสี่ยงที่มากขึ้น และความต้องการความคุ้มครองที่พุ่งสูงขึ้นของผู้บริโภค จะเป็นสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต โดยมีประเทศจีนเป็นผู้นำ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เราคาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้จากเบี้ยประกันในอัตราตัวเลขสองหลักในตลาดจีน จนถึงปี 2573 ยอดรวมเบี้ยประกันของจีนจะเพิ่มสูงถึง 7.77 แสนล้านยูโร (หรือประมาณ 27 ล้านล้านบาท) ซึ่งเท่ากับขนาดของตลาดอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลีรวมกัน จีนและเอเชียจะฟื้นตัวกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมจากวิกฤติการณ์ในปัจจุบัน”
ตลาดประกันในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในปี 2562 ซึ่งทำให้รายได้จากเบี้ยประกันลดลง แม้จะลดลงเพียง 0.2% จากการหดตัวของผลิตภัณฑ์กลุ่มประกันชีวิต (-2.0% เทียบกับ 4.1% ในกลุ่มประกันภัยทรัพย์สิน) นับเป็นครั้งแรกในระยะเวลานานกว่า 20 ปีที่ตลาดประกันชีวิตในประเทศไทยหดตัว และในปี 2563 จะยิ่งเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้น เนื่องจากรายได้จากเบี้ยประกันจะลดลง 0.9% แสดงให้เห็นถึงผลประกอบการที่ไม่ดีนักของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยทรัพย์สิน
อย่างไรก็ตาม หลังจากวิกฤต ตลาดประกันในประเทศไทยจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วในปี 2564 ด้วยอัตราการเติบโตประมาณ 8% ในช่วง 10 ปีนี้หรือจนถึงปี 2573 มีการคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเป็น 4.8% ต่อปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดประกันในประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่โตมากที่สุดตลาดหนึ่งในภูมิภาค โดยเบี้ยประกันต่อหัวอยู่ที่ 326 ยูโร (หรือประมาณ 11,410 บาท) ในปี 2562 (ตัวเลขเฉลี่ยของภูมิภาค 255 ยูโร หรือประมาณ 8,925 บาท) และมีอัตราการเข้าถึงประกัน (สัดส่วนของเบี้ยประกันต่อจีดีพี) อยู่ที่ 4.5%
อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2563 : 1 ยูโร = 35 บาท