Monday, 20 May 2024 | 8 : 08 am

4Quarter.co

Monday, 20 May 2024 | 8 : 08 am
การเคหะแห่งชาติ จัดโปรโมชั่นโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนเพชรบุรี (โพไร่หวาน) 61 หลังสุดท้าย จองก่อนได้ก่อน เพียงวางเงินจอง 1,000 บาท   •   ศุภาลัย ฉลอง 35 ปี ยิ่งใหญ่! ย้ำจุดยืนผู้นำอสังหาฯ ระดับประเทศ พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน   •   ไทยพาณิชย์ ปักหมุดผู้นำดิจิทัลแบงก์ นำ AI เสริมแกร่ง 360 องศา เปิด 3 นวัตกรรม AI ครั้งแรก! สร้างปรากฏการณ์ใหม่กลุ่มสินเชื่อรายย่อย และ Digital Wealth   •   ประสบอุบัติเหตุจากรถ ใช้สิทธิประกันภัย พ.ร.บ. เข้ารักษาพยาบาลได้ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ ไม่ต้องสำรองจ่าย   •   กองทุนประกันชีวิตเข้าร่วมออกคูหานิทรรศการในงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 24 (MONEY EXPO 2024 BANGKOK)   •   BAM ออกบูธงาน “มหกรรมการเงิน กรุงเทพ ครั้งที่ 24 Money Expo 2024 Bangkok”   •   กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ยกทัพที่สุดของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ร่วมงานมหกรรมการเงิน กรุงเทพ ครั้งที่ 24   •   ไทยประกันชีวิต ร่วมออกบูธงาน MONEY EXPO 2024   •   สำนักงาน คปภ. โชว์เทคโนโลยีด้านประกันภัยแบบครบวงจร ในงาน “มหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 24” พร้อมนำเสนอประสบการณ์แบบ One Stop Service ส่งเสริมความรู้ ยกระดับความเชื่อมั่นของประชาชนต่ออุตสาหกรรมประกันภัยไทย   •   ธ.ไทยเครดิต ขานรับมติที่ประชุมสมาคมธนาคารไทย ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ในกลุ่มเปราะบาง สอดคล้องมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาครัฐ   •   เคทีซี ควงแขน ซาฟารีเวิลด์ จัดกิจกรรม “KTC Fun & Friend Family Dy” ชวนอินฟลูเอนเซอร์ สายท่องเที่ยวและครอบครัว สัมผัสประสบการณ์ “คะแนนน้อยแลกได้”   •   กรุงเทพประกันภัย ร่วมออกบูทจัดเต็มโปรโมชันสุดคุ้มในงาน Money Expo 2024   •   ธ.ก.ส. ปันน้ำใจ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ร่วมมอบถังน้ำและระบบการกักเก็บน้ำ ให้ศูนย์การเรียนชุมชนไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” จังหวัดเชียงใหม่   •   ทิพยประกันภัย ร่วมออกบูธในงาน Money Expo 2024 BANGKOK   •   ออมสิน ร่วมงาน มหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 24 จัดโปรโมชันไฮไลท์ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 111 วัน อัตราดอกเบี้ยแบบ Step up สูงสุด 21% ต่อปี   •   SCGD ปลุกพลังเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายมือทองประจำปี ในงาน “COTTO Top Rank Award 2023 : The Grandeur Gatherings”   •   กรุงศรี ยกทัพผลิตภัณฑ์ พร้อมโปรโมชันและกิจกรรม ร่วมงาน Money Expo 2024 เนรมิตพื้นที่เป็น Digital Playground ส่งมอบประสบการณ์ “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน”   •   BAM ให้การต้อนรับ ธนาคารกรุงไทย ในโอกาสเยี่ยมชมกิจการ   •   ออมสิน ประกาศผล ผู้โชคดีชาวนครปฐม รับ 111 ล้านบาท ถูกรางวัลสลากออมสินงวดที่ 604 หมวดอักษร D หมายเลขสลาก 9523723 รางวัลใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ออมสิน เฉลิมฉลองครบรอบ 111 ปี ธนาคารเพื่อสังคม   •   ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ชี้ สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยไตรมาส 1 และทิศทางตลาดปี 2567   •   วิริยะประกันภัย ร่วมใจมอบปฏิทินเก่า ผลิตสื่ออักษรเบรลล์ เพื่อผู้พิการทางการมองเห็น   •   กองทุนเปิด เอไอเอ อินคัม ฟันด์ (AIA-IC) บริหารจัดการโดย บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar THAILAND ประเภทกองทุน Mid/Long Term Bond   •   สมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมเปิดงาน MONEY EXPO 2024 BANGKOK   •   เมืองไทยประกันชีวิต ลุยมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 24   •   SAWAD ประเดิมปีมังกร กำไรไตรมาส 1/67 กว่า 1.27 พันล้าน ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อคุณภาพน้ำดี ดันพอร์ตสินเชื่อทะลุเกิน 1 แสนล้าน   •   เริ่มแล้ววันนี้ ความสุข ทุก Lifestyle กับบัตรโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดง ทุกประเภท   •   เงินติดล้อ เปิดบ้านต้อนรับ ผู้ร่วมอบรมหลักสูตร DTX ในกิจกรรม TIDLOR Culture Wow   •   ‘MAYDAY เปย์ดี’ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ลดสูงสุด! 3 แสน เฉพาะผู้ซื้อบ้าน 18-19 พ.ค.นี้เท่านั้น   •   กสิกรไทย จัดโปรฯ สุดปังร่วมงานมันนี่ เอ็กซ์โป กรุงเทพ ครั้งที่ 24   •   กรุงศรี เพิ่มช่องทางยืนยันตัวตนผ่านเครื่องเอทีเอ็ม ให้ลูกค้าสมัครใช้บริการต่างๆ ได้สะดวกและง่ายขึ้น

“วราวุธ” แถลงนโยบาย “พัฒนาความมั่นคงครอบครัวไทย ผ่านพ้นภัยวิกฤตประชากร” ระดมทุกภาคส่วนออกแบบนโยบาย – มาตรการ เตรียมชงเข้า ครม. – เสนอที่ประชุม UN

วันที่ 7 มีนาคม 2567 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “พัฒนาความมั่นคงครอบครัวไทย ผ่านพ้นภัยวิกฤตประชากร” โดยร่วมกับ วิทยาลัยประชากรศาสตร์ สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โครงการจุฬาอารี และ World Bank พร้อมทั้งแถลงนโยบายการขับเคลื่อนงาน เพื่อให้สังคมตระหนักถึงประเด็นท้าทายของประชากรที่ส่งผลสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของประชากรทุกช่วงวัยและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ รวมทั้งให้ทุกภาคส่วนร่วมกันออกแบบนโยบาย มาตรการ และขับเคลื่อนการพัฒนาความมั่นคงของครอบครัวไทยสู่ความมั่นคงของมนุษย์ โดย Workshop ระดมความคิดจากทุกภาคส่วนในรูปแบบ World Café จากกลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนพิการและผู้ด้อยโอกาส และกลุ่มระบบนิเวศน์ เพื่อความมั่นคงของครอบครัว

โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้บริหารกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน เครือข่าย NGOs และองค์กรประชาสังคม รวมถึงองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศ สื่อมวลชน และอินฟลู เอนเซอร์ (Influencers)เข้าร่วมงาน ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ 1 (Plenary Hall 1) ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กทม.

นายวราวุธ กล่าวว่า จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่สัดส่วนประชากรวัยเด็กและวัยแรงงานลดลง ในขณะที่ สัดส่วนประชากรสูงอายุยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากกรมการปกครอง พบว่าในปี 2566 ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุถึง 13 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ20.08 ของประชากรทั้งประเทศ ในขณะที่เด็กเกิดใหม่มีเพียง 5.18 แสนคน และคาดการณ์ว่าในปี 2585 ประชากรไทยจะลดลงเหลือจำนวน 60 ล้านคน โดยประชากรวัยเด็ก (0-14 ปี) จะมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 16.27 เหลือร้อยละ 10.36 ประชากรวัยแรงงาน (15-59 ปี) ลดลงจากร้อยละ 64.87 เหลือร้อยละ 58.20 ในขณะที่สัดส่วนผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 18.86 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 31.44 ซึ่งจำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก 12.5 ล้านคน เป็น 18.9 ล้านคน (มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย, 2565) ส่งผลให้อนาคตของประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตวัยแรงงานที่ขาดแคลนและประสบกับภาวะพึ่งพิงของผู้สูงวัยที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของโลกด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม ล้วนมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่

นายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า ในขณะที่ ข้อมูลรายงานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนา (TDRI) ในปี 2564 พบว่า ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานและทัศนคิดของคนรุ่นใหม่ (Generation Y และ Z) เป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของแรงงานนอกระบบรูปแบบใหม่ (Gig workers) ที่คาดว่ามีจำนวนประมาณ 1-5 ล้านคน ซึ่งมีรายได้ที่ไม่แน่นอน ต้องแบกรับความเสี่ยงต่างๆ ในชีวิตและการทำงาน และข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ในปี 2565 มีจำนวนผู้สูงอายุที่ทำงาน 4.74 ล้านคน (36.1%) เพิ่มขึ้น 0.2 ล้านคน จากปี 2564 (4.54 ล้านคน, 34.9%) โดยผู้สูงอายุยังคงทำงานเพราะความจำเป็นทางเศรษฐกิจ เงินออมไม่พอ ไม่มีลูกหลานดูแล

นอกจากนี้ ยังพบว่า ในปี 2562 กลุ่มเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาและว่างงาน หรือกลุ่ม NEET (Not in Education, Employment or Training) ที่มีอายุ 15-29 ปี จำนวนประมาณ 1.1 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 25.5 ของประชากรในกลุ่มอายุดังกล่าวทั้งหมดส่วนใหญ่มาจากครอบครัวรายได้น้อย รวมทั้งข้อมูลขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (The United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) พบว่า “ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา” ยังเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย โดยเฉพาะเยาวชนจาก “ครอบครัวยากจน” จำนวนมาก ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือสูงกว่าภาคบังคับ

ทั้งนี้ ยูเนสโก ระบุว่าไทยมีเยาวชนจากครัวเรือนฐานะยากจนที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศ โดยมีเพียง 8 ใน 100 คนเท่านั้นที่สามารถศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้ น้อยกว่าเด็กที่มาจากครัวเรือนร่ำรวยที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศถึง 6 เท่า อีกทั้งข้อมูลจากบัญชีกระแสการโอนประชาชาติ (National Transfer Accounts: NTA) พบว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไทเพียงอย่างเดียว ทำให้เกิดการขาดดุลรายได้ (Life Cycle Deficit : LDC) ของประเทศเพิ่มขึ้น 1.34 เท่าในช่วงปี 2562-2583 และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรจะทำให้ภาระทางการคลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หนี้สาธารณะต่อ GDP ในปี 2583 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.41 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รวมทั้งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2555-2564) งบประมาณด้านสังคมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า (2565-2583) จะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ในระยะยาว ภาครัฐและทุกภาคส่วนของสังคม จึงต้องตื่นตัวมากขึ้นในการกำหนดหรือออกแบบนโยบายตั้งแต่วันนี้ ที่จะทำให้รายได้จากแรงงานเพิ่มสูงขึ้น และจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย เพื่อให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกยุคปัจจุบัน และมีความสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานสมัยใหม่ ให้ความรู้กับทุกช่วงวัยและให้ความสำคัญกับการปรับพฤติกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการการเงิน การออม เป็นต้น

นายวราวุธ กล่าวต่ออีกว่า จากสถานการณ์ต่างๆ ข้างต้น จึงอาจคาดการณ์ได้ถึงวิกฤตทางประชากรในอนาคตที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับจำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรแบบก้าวกระโดด จึงเป็นความท้าทายต่อบทบาทและภารกิจของกระทรวง พม. ไม่ว่าจะประเด็นวิกฤตเด็กเกิดน้อย ในขณะเดียวกัน เด็กที่เกิดมาอยู่ในครอบครัวที่ไม่พร้อมที่จะดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการกำหนดนโยบายที่ต้องพิจารณาถึงครอบครัวของเด็กในการเลี้ยงดูเด็กให้มีประสิทธิภาพ กลไกของรัฐหรือกลไกของสังคมที่ต้องเข้ามาดูแลมากขึ้น เพื่อให้การเกิดอย่างมีคุณภาพ ซึ่งเป็นความท้าทายของกระทรวง พม. ทั้งในเรื่องเด็กและครอบครัว นอกจากนี้ สัดส่วนผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่วัยแรงงานมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายภาคส่วนมีความเป็นห่วงเรื่องกำลังแรงงานที่ลดลง และต้องแบกรับภาระดูแลประชากรช่วยวัยอื่น การเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ การที่ผู้สูงอายุยังคงทำงานเพราะความจำเป็นทางเศรษฐกิจ เงินออมไม่พอ และปราศจากลูกหลานดูแลเป็นต้น ประเด็นเหล่านี้เป็นประเด็นท้าทายที่สำคัญของสังคมไทยที่รออยู่ในอนาคตข้างหน้าที่สำคัญ ได้แก่ 1) ความท้าทายต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสถานภาพทางการเงินการคลังของประเทศ 2) ท้าทายต่อการสร้างระบบคุ้มครองทางสังคมที่เหมาะสม 3) ท้าทายต่อความยั่งยืนของระบบการเงินของครัวเรือน ตลาดการเงิน และระบบการคลังของประเทศ และ 4) ท้าทายต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของประชาชน ได้แก่ การได้รับการศึกษา การทำงาน ระบบบริการสุขภาพที่เหมาะสม และที่อยู่อาศัยที่มั่นคงและปลอดภัย

นายวราวุธ กล่าวต่อไปอีกว่า จากสถานการณ์วิกฤตประชากรดังกล่าว ถือเป็นภารกิจจำเป็นเร่งด่วนที่สอดคล้องกับการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวง พม. ซึ่งทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. จำเป็นต้องบูรณาการร่วมกันในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวง พม. และร่วมกันออกแบบนโยบาย มาตรการ และกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนภารกิจ ให้สอดรับกับประเด็นท้าทายและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากวิกฤตประชากรที่จะส่งผลต่อความมั่นคงของมนุษย์ จึงได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “พัฒนาความมั่นคงครอบครัวไทย ผ่านพันภัยวิกฤตประชากร” โดยร่วมกับวิทยาลัยประชากรศาสตร์ สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โครงการจุฬาอารี และ World Bank เพื่อสื่อสารให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญวิกฤตประชากร และให้ทุกภาคส่วนร่วมกันออกแบบนโยบาย มาตรการ และขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุกเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ทุกมิติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งให้คนทุกช่วงวัยได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างครอบคลุมทุกมิติและเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของสังคมไทย โดยมีเข้าร่วมประชุมประมาณ 300 เป็นผู้แทนภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ได้แก่ ผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้บริหารกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน เครือข่าย NGOs และองค์กรประชาสังคม รวมถึงองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศ สื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์ (Influencers) ระดมความคิดในรูปแบบ World Café เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมออกแบบนโยบาย มาตรการ และขับเคลื่อนพัฒนาความมั่นคงของครอบครัวสู่ความมั่นคงของมนุษย์ โดยแบ่งเป็นการปฏิบัติการกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มเด็กและเยาวชน 2) กลุ่มวัยทำงาน 3) กลุ่มผู้สูงอายุ 4) กลุ่มคนพิการและผู้ด้อยโอกาส และ 5) กลุ่มระบบนิเวศน์เพื่อความมั่นคงของครอบครัว

นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการประชุมครั้งนี้ กระทรวง พม. จะดำเนินการจัดทำสมุดปกขาว “พัฒนาความมั่นคงครอบครัวไทย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์” เสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายน 2567 เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ จากนั้นจะได้นำเสนอในการประชุมคณะกรรมาธิการประชากร
และการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 57 (57th Session of Commission on Population and Development : CPD57) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2567