คำว่า “ความยั่งยืน” ในบริบทของ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความหมายถึง “การทำความดี” และมุ่งมั่นรักษาคุณค่าของการอยู่ร่วมกัน โดยให้ความสำคัญกับความ “ใส่ใจ” ในทุกรายละเอียดที่องค์กรเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และมุ่งหวังให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมทั้งลูกค้า พนักงาน ตัวแทนประกันชีวิต ที่ปรึกษาการเงิน คู่ค้า พันธมิตร ไปจนถึงผู้คนในสังคม มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และมีความเจริญมั่นคงในระยะยาว
โชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในฐานะหัวเรือใหญ่ ได้ประกาศวิสัยทัศน์และพันธกิจใหม่ของกรุงเทพประกันชีวิต ที่ในวันนี้ พร้อมจะเดินหน้าเพื่อเป้าหมายสู่ความสำเร็จในการเป็น “บริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งในด้านความใส่ใจ” หรือ To be the Most Caring Life Insurance Company ภายหลังดำเนินธุรกิจมาครบ 73 ปี ทุกย่างก้าวของการเติบโตบนพัฒนาการของสังคมไทย กรุงเทพประกันชีวิตได้ทำหน้าที่ด้วยความใส่ใจ เพื่อมุ่งหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในยุคสมัยที่คนรุ่นใหม่มีความคาดหวังให้ภาคธุรกิจคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
กรุงเทพประกันชีวิตจึงมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและปรับปรุงนโยบายและกระบวนการทำงานต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคมไทย โดยให้ความสำคัญกับการ “ใส่ใจ” และ “เข้าใจ” ในความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ภายใต้การกำกับดูแลกิจการดีตามหลักธรรมาภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามกรอบ GRC (Governance, Risk and Compliance) โดยตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และพร้อมปรับตัว สร้างนวัตกรรม นำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับธุรกิจเพื่อความสร้างความแตกต่าง
Happy ‘P’ กลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน กรุงเทพประกันชีวิตได้กำหนดกรอบความยั่งยืนตามกรอบ ESG ที่ครอบคลุมทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการผ่านกลยุทธ์ Happy ‘P’ ซึ่งมีความหมายครอบคลุม 3 เรื่องหลัก Happy Place “บ้านมีสุข” ภายใต้ค่านิยมขององค์กร 5 ประการ คือ ศรัทธา รับผิดชอบ จริงใจ พัฒนาคน และทำงานเป็นทีมการเป็นองค์กรที่่ประกอบธุรกิจอย่างมีธรรมมาภิบาล เราให้ความสำคัญกับการปฏิบัติต่อพนักงาน ตัวแทนประกันชีวิต ที่ปรึกษาการเงิน คู่ค้า และพันธมิตรธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของบริษัทอย่างเป็นธรรม โปร่งใส ตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อร่วมกันสร้างองค์กรที่เข้มแข็ง เติบโตอย่างยั่งยืน Happy Peace “ใจมีสุข” การสร้างความสุขสงบทางใจให้กับลูกค้า ให้หมดห่วงต่อภาระทางการเงินที่จะเกิดขึ้น หากเผชิญกับความไม่แน่นอนต่าง ๆ ในอนาคต ผ่านการวางแผนทางการเงินรอบด้าน ทั้งความคุ้มครองชีวิต สุขภาพ และการบริหารความมั่งคั่ง ด้วยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพที่ทันสมัย โปร่งใส ในราคาที่ยุติธรรม Happy People “เรามีสุข” เราร่วมส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน โดยมีความตั้งใจที่จะให้ความรู้ทางด้านการเงิน และการประกันชีวิต เพื่อเป็นกลไกหนึ่งของสังคมในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนทุกกลุ่ม และยังสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังมีความมุ่งมั่นเป็นองค์กรที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า ลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น เพื่อไม่เบียดเบียนประชากรในอนาคตกรุงเทพประกันชีวิต ยังวางกลยุทธ์ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเสริมสร้างความยั่งยืน โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ทั้งการปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กร ลดความซ้ำซ้อน และลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง เช่น การสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นให้กับพนักงาน ซึ่งช่วยลดการใช้ทรัพยากรและลดข้อจำกัดด้านเวลา การใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation) ในกระบวนการพิจารณารับประกัน การทำกระบวนการอย่างอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ซอฟต์แวร์ การสร้างกระบวนการให้บริการแบบไร้กระดาษผ่าน BLA Happy Life Application รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงานและการจัดการข้อมูลที่มีความปลอดภัย ทำให้สามารถติดตามและตรวจสอบได้ง่าย รวมถึงยังใช้เทคโนโลยีในการจัดการข้อมูลเพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบและมาตรฐานที่กำหนด
“เรายังใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น BLA Happy Life Application การให้บริการปรึกษาด้านการเงินและสุขภาพผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ตลอดจนการสร้างระบบเพื่อสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าแบบไร้รอยต่อเพื่่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ข้อมููลที่่มีอยู่ให้ตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที โดยได้วางระบบ Customer Data Platform (CDP) เพื่อสร้างฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์ มีการนำระบบ Machine Learning มาใช้ประกอบการพิจารณาใบคำขอเพื่อลดความเสี่่ยงและการฉ้อฉล และยังติดตั้งคลังข้อมููล (Data Warehouse) เพื่อให้ถูกต้องและเป็นปัจจุุบัน สามารถดึงข้อมููลไปใช้ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว”
ปั้นวัฒนธรรมองค์กรให้มี DNA ความยั่งยืนการพัฒนาองค์กรไปสู่ความยั่งยืน เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายหลายประการ ซึ่งต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทั้งสภาพภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อม และตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
กรุงเทพประกันชีวิต จึงให้ความสำคัญกับสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้พนักงานทุกคนมี DNA ของความยั่งยืนเพื่อขับเคลื่อนร่วมกัน ด้วยการให้ความรู้เรื่อง ESG เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมและเป็นองค์กรที่มีธรรมาภิบาล สร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานสามารถนำไปต่อยอดกับการดำเนินงานของแต่ละสายงาน และตอบโจทย์การสร้างความยั่งยืนในระยะยาว โดยปัจจุบัน มีพนักงานมากกว่าครึ่งได้รับการอบรมผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ และยังมีการแบ่งปันเรื่องราวความสำเร็จของโครงการ ESG ภายในองค์กร เพื่อให้พนักงานเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เช่น ในปี 2566 และ ปี 2567 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน “SET ESG Ratings” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และยังได้รับผลการประเมินในระดับ AA จากตลาดหลักทรัพย์ การส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการพัฒนาและปรับปรุงนโยบายต่าง ๆ
ด้าน ESG ยังช่วยให้โครงการต่าง ๆ ประสบความสำเร็จในทุกมิติ เช่น การใช้พลังงานทดแทนด้วยการติดโซล่าร์เซลล์ ทั้งที่สำนักงานใหญ่และสาขาในต่างจังหวัด มาตรการลดการใช้ไฟฟ้า ที่ลดลงกว่า 23% และลดการใช้กระดาษได้ถึง 49% จากที่เริ่มรณรงค์เมื่อ 3 ปีที่แล้ว และยังเป็นบริษัทประกันชีวิตรายแรกที่ใช้นโยบายงดรับเงินสดโดยการชำระเบี้ยประกันผ่านแอพพลิเคชั่น เพื่ออำนวยความสะดวก ลดเวลาและการเดินทางของลูกค้า
นอกจากนี้ยังส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีนโยบายการลงทุนในธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การลงทุนในหุ้นยั่งยืน และตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้านสังคม (Social) เราอยากเห็นสังคมไทยมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงได้ดำเนินการในหลายโครงการ โดยเฉพาะการให้ความรู้ด้านการเงินและสุขภาพแก่ประชาชนในชุมชนต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทหน้าที่ของธุรกิจประกันชีวิตที่ต้องร่วมสร้างความมั่นคงให้กับสังคมไทยในระยะยาว ส่วนด้านสุขภาพ เรามีโครงการฉีดวัคซีนฟรีให้คนในชุมชนต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมด้านการศึกษาและพัฒนาการของเด็ก ผ่านการจัดทำห้องสมุดขนาดเล็ก พร้อมปรับปรุงพื้นที่แห่งการเรียนรู้และสนามเด็กเล่นของโรงเรียน ตามหลักแนวคิด Learning by Playing ส่วนด้านธรรมาภิบาล (Governance) เรามุ่งมั่นปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานทางจริยธรรมสูงสุด พร้อมตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่ามีการดำเนินงานที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
โดยกรุงเทพประกันชีวิต ได้รับผลการประเมินจากการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย หรือ CGR ปี 2566 และ ปี 2567 ในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” ซึ่งเป็นระดับสูงสุด และได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Top Quartile ของบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าทางการตลาดไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท จัดโดยสมาคม IOD ภายใต้การสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งถือเป็นความภูมิใจและเป็นกำลังใจสูงสุดของพนักงานทุกคน
เติบโตแบบยั่งยืน กับบทบาทแบรนด์ที่ “ใส่ใจ” มากกว่าการประกันชีวิตในวันนี้ที่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว กรุงเทพประกันชีวิต มองเห็นถึงความจำเป็นของการสร้างความใส่ใจที่มากขึ้น เป็นความใส่ใจที่มากกว่าการดูแล และมากกว่าสิ่งที่ระบุอยู่ในเงื่อนไขกรมธรรม์ ในวันนี้ กรุงเทพประกันชีวิต มีความฝันที่ใหญ่ขึ้น เป็นความฝันที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง ด้วยการทำให้ความใส่ใจ เป็นการกระทำที่สามารถสัมผัสได้ ภายใต้แคมเปญ “ใส่ใจ”
กรุงเทพประกันชีวิต ต้องการสื่อสารแบรนด์ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเป็นมิตรมากขึ้น โดยเชื่อว่าความใส่ใจจะทำให้องค์กรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน และยังเดินหน้าต่อยอดจุดแข็งที่ทำมาตลอดหลายปีด้วยการพัฒนาแบบประกันสุขภาพใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ สิทธิประโยชน์และบริการเสริมใหม่ ๆ จาก BLA EveryCare ที่จะออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าทุกกลุ่ม
“เราเชื่อว่าความใส่ใจ หรือ caring มีความหมายที่ลึกซึ้ง และไม่ได้จำกัดเฉพาะลูกค้า แต่ยังรวมถึงพนักงาน ตัวแทนประกันชีวิต ที่ปรึกษาการเงิน คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคม ซึ่งไม่ใช่แค่การดูแล แต่ได้ทำในสิ่งที่เกินกว่าความคาดหวัง ซึ่งเราให้ความสำคัญและมีความเข้าใจในความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เรายังมองเห็นความท้าทายและโอกาสในอนาคต ซึ่งความคาดหวังในเรื่องความยั่งยืนจะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญให้เราพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นองค์กรที่ไม่เพียงแต่มีความสามารถในการแข่งขัน สร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการบริการรูปแบบใหม่ ๆ แต่ยังมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง”