
กรุงเทพฯ 13 มีนาคม 2568 – ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT ขยายระยะเวลารองรับนโยบายของรัฐบาล โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568 เพื่อสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าในตลาด หรือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของธนาคารในการยืนหยัดเคียงข้างลูกค้าในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT เปิดเผยว่า “จากการที่ธนาคารได้เข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยจากวิกฤตหนี้ ที่เป็นหนึ่งในปัญหาหนักใจของพ่อค้าแม่ค้า โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ก่อให้เกิดเป็นความกดดันโดยตรงต่อความสามารถในการชำระหนี้ในแต่ละเดือน ส่งผลให้หลายคนหมดกำลังใจในการประกอบธุรกิจ ธนาคารได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้ตอบรับมาตรการ การขยายเวลา “คุณสู้ เราช่วย” ในครั้งนี้ เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยให้ได้รับโอกาสในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และลดภาระทางการเงิน ซึ่งจะช่วยให้เกิดสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้นและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างราบรื่น”
ทั้งนี้ เพื่อช่วยประคับประคองพ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการรายย่อยจนกว่าจะผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้ ผ่าน 2 มาตรการช่วยเหลือ ดังนี้ มาตรการที่ 1 “จ่ายตรง คงทรัพย์” เป็นการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบ้าน รถ รถจักรยานยนต์ และ SMEs ที่มีวงเงินไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทั้งบ้าน รถ รถจักรยานยนต์ และสถานประกอบการไว้ได้ โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและลดภาระดอกเบี้ย โดยค่างวดที่จ่ายระหว่างเข้ามาตรการจะนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด และดอกเบี้ยพักแขวนไว้ หากปฏิบัติได้ตามเงื่อนไข ดอกเบี้ยที่พักไว้จะยกเว้นให้
รูปแบบการให้ความช่วยเหลือ 1. ลดค่างวดเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยลูกหนี้ชำระค่างวดขั้นต่ำที่ 50% 70% และ 90% ของค่างวดก่อนเข้าร่วมมาตรการ ในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ตามลำดับ ซึ่งค่างวดทั้งหมดจะนำไปตัดเงินต้น 2.พักดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับยกเว้นทั้งหมด หากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขได้ตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีที่อยู่ภายใต้มาตรการ ทั้งนี้ ลูกหนี้สามารถชำระมากกว่าค่างวดขั้นต่ำที่กำหนดไว้ได้ เพื่อตัดเงินต้นเพิ่มและปิดจบหนี้ได้ไวขึ้น ประโยชน์ที่ลูกหนี้ จะได้รับจากการก้าวข้ามวิกฤตหนี้ในโครงการนี้
ลูกหนี้ ที่เข้ามาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” และปฏิบัติตามเงื่อนไข* จะได้รับประโยชน์ด้วยกันถึง 3 ต่อ ต่อที่ 1 ค่างวดลดลง สภาพคล่องเพิ่มขึ้น ลูกหนี้จ่ายค่างวดลดลง 3 ปี •ปีที่ 1 ชำระ 50% ของค่างวดก่อนเข้าร่วมมาตรการ •ปีที่ 2 ชำระ 70% ของค่างวดก่อนเข้าร่วมมาตรการ •ปีที่ 3 ชำระ 90% ของค่างวดก่อนเข้าร่วม ต่อที่ 2 ภาระดอกเบี้ยลดลง ดอกเบี้ยที่พักไว้ระหว่างเข้ามาตรการ เจ้าหนี้จะยกให้หากปฏิบัติได้ตามเงื่อนไข ต่อที่ 3 ภาระหนี้ลดลง ปิดจบหนี้เร็วขึ้น ค่างวดที่จ่ายระหว่างเข้ามาตรการจะไปตัดเงินต้นทั้งหมด
*ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ตลอด 3 ปี พ่อค้าแม่ค้าที่เข้าร่วมมาตรการที่ 1 ได้ • เป็นสัญญาที่ทำขึ้นก่อน 1 ม.ค. 67 •ลูกหนี้มีสถานะ ณ วันที่ 31 ต.ค. 67 – ค้างชำระเกิน 30 วัน แต่ไม่เกิน 365 วัน – ไม่ค้างชำระหรือค้างไม่เกิน 30 วัน ที่เคยมีประวัติค้างเกิน 30 วัน และปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 65 เงื่อนไข ลูกหนี้ต้องชำระค่างวดตามเงื่อนไขครบ 3 ปี และไม่ก่อหนี้ใหม่ใน 12 เดือนแรก (ยกเว้น ลูกหนี้ SMEs) ที่เข้าร่วมมาตรการ มีการรายงานข้อมูลการเข้ามาตรการในเครดิตบูโร (NCB)
มาตรการที่ 2 “จ่าย-ปิด-จบ” เป็นการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยบุคคลธรรมดาทุกประเภทที่มีหนี้เสียหรือ NPL ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 และมียอดหนี้ไม่สูง ไม่จำกัดวันที่ทำสัญญาสินเชื่อ โดยช่วยเหลือผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน ให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้จ่ายปิดจบหนี้ เปลี่ยนสถานะ NCB และเริ่มต้นใหม่ได้ รูปแบบการให้ความช่วยเหลือ ลูกหนี้จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน โดยลูกหนี้จะชำระหนี้บางส่วน เพื่อให้สามารถจ่ายและปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น โดยลูกหนี้ที่มีภาระหนี้คงค้างไม่เกิน 5,000 บาท/บัญชี ลูกหนี้สามารถเข้าร่วมมาตรการได้มากกว่า 1 บัญชี
ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมมาตรการ ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” สามารถศึกษารายละเอียดของมาตรการและสมัครเข้าร่วมมาตรการฯ ได้ที่ https://www.bot.or.th/khunsoo ตั้งแต่วันนี้ – ถึงวันที่ 30 เมษายน 2568
ทั้งนี้ ลูกหนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ BOT contact center ของ ธปท. โทร 1213 หรือ Call Center ของธนาคารไทยเครดิต ที่เบอร์ 02 267 5454 กด 99 และสาขาสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธนาคารไทยเครดิตทั่วประเทศ