ภาพรวมเศรษฐกิจไทยใน 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ประกันภัย การเงินและอสังหาริมทรัพย์ ช่วงสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 จะไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยดั้งเดิมอย่างอัตราดอกเบี้ยหรือกำลังซื้อเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่จะถูกกำหนดนิยามใหม่โดย 3 พลังมหาศาลที่ทำงานสอดประสานกัน ได้แก่ การฝังตัวของ AI ในระดับปฏิบัติการ (AI Integration) เกณฑ์ชี้วัดด้าน ESG ที่กลายเป็นเงื่อนไขทางธุรกิจ (ESG Mandate) และ แรงกดดันจากโครงสร้างหนี้ครัวเรือนที่ยังคงฝังลึก (Household Debt Pressure) ซึ่งจะสร้างภาพการแข่งขันที่แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง

อุตสาหกรรมประกันภัย: จาก “ผู้คุ้มครอง” สู่ “ผู้จัดการความเสี่ยงส่วนบุคคล” (Personalized Risk Manager) ณ กลางปี 2568 สมรภูมิประกันภัยจะเคลื่อนตัวจากการแข่งขันด้านราคาและผลิตภัณฑ์ ไปสู่การแข่งขันด้าน “ความสามารถในการวิเคราะห์และจัดการความเสี่ยงเชิงรุก” ผ่านข้อมูลแบบเรียลไทม์
• Hyper-Personalization คือมาตรฐานใหม่: แบบประกันสำเร็จรูปจะลดความสำคัญลง บริษัทประกันที่ประสบความสำเร็จจะใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากอุปกรณ์สวมใส่ (Wearables), พฤติกรรมการขับขี่ (Telematics), และไลฟ์สไตล์ดิจิทัล เพื่อสร้าง “เบี้ยประกันภัยแบบไดนามิก” (Dynamic Premium) ที่ปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย เช่น ลูกค้าที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอหรือขับรถอย่างปลอดภัยจะจ่ายเบี้ยประกันถูกลงโดยอัตโนมัติ
• Insurtech ไม่ใช่แค่ช่องทางขาย แต่คือแกนหลักของธุรกิจ: แพลตฟอร์มดิจิทัลจะไม่ได้ทำหน้าที่แค่ขายกรมธรรม์ แต่จะเป็นเครื่องมือในการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ ป้องกันอุบัติเหตุ และจัดการสินไหมทดแทนผ่าน AI ได้เกือบ 100% บทบาทของตัวแทนจะเปลี่ยนจาก “ผู้ขาย” เป็น “ที่ปรึกษาความเสี่ยง” (Risk Advisor) ที่ต้องใช้ข้อมูลเพื่อช่วยวางแผนชีวิตให้ลูกค้า
• ความท้าทายสำคัญ: การต่อสู้ทางกฎหมายและจริยธรรมเรื่อง “ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล” (Data Privacy) จะรุนแรงขึ้น กฎระเบียบจาก คปภ. จะเข้มข้นขึ้นเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจากการใช้ข้อมูลในทางที่ผิด ซึ่งจะเป็นบททดสอบสำคัญของธรรมาภิบาลในองค์กรประกัน

อุตสาหกรรมการเงิน: เมื่อธนาคารไม่ได้อยู่ในธนาคารอีกต่อไป เส้นแบ่งระหว่างสถาบันการเงินดั้งเดิม, Fintech และแพลตฟอร์มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จะเลือนรางจนแทบแยกไม่ออก สมรภูมิจะย้ายจากการแข่งขันที่สาขา ไปสู่การแย่งชิงพื้นที่ใน “ระบบนิเวศของผู้บริโภค” (Consumer Ecosystem)
• Embedded Finance กลายเป็นสิ่งสามัญ: การขอสินเชื่อ, การลงทุน หรือการทำธุรกรรม จะถูกฝัง (Embed) อยู่ในแอปพลิเคชันที่ผู้บริโภคใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสมบูรณ์ เช่น การขอสินเชื่อเพื่อซื้อสินค้าจะเสร็จสิ้นภายในแอป e-Commerce หรือการขอสินเชื่อรถยนต์จะอนุมัติทันทีที่โชว์รูมผ่านแพลตฟอร์มของผู้ผลิตรถยนต์เอง ธนาคารที่ปรับตัวไม่ทันจะลดบทบาทลงเหลือเพียง “ผู้สนับสนุนเงินทุนหลังบ้าน” (Back-end Capital Provider)
• ESG-Integrated Credit Scoring: การพิจารณาสินเชื่อภาคธุรกิจจะก้าวไปอีกขั้น เกณฑ์ด้าน ESG จะไม่ได้เป็นแค่โครงการพิเศษ แต่จะถูกนำมาคำนวณเป็นส่วนหนึ่งของ “คะแนนความน่าเชื่อถือทางเครดิต” (Credit Score) โดยตรง บริษัทที่ไม่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมหรือแรงงาน อาจถูกปรับลดวงเงินหรือต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น ซึ่งเงื่อนไขนี้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน
• AI Co-pilot สำหรับทุกคน: AI จะกลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัว (Co-pilot) ทั้งสำหรับลูกค้าและพนักงาน ลูกค้าจะได้รับคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะกับตนเองจาก AI ขณะที่พนักงานสินเชื่อหรือเจ้าหน้าที่บริหารความมั่งคั่ง (Wealth Manager) จะใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าที่ซับซ้อนเพื่อการตัดสินใจที่เฉียบคมขึ้น

อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์: ตลาด “สองขั้ว” (Polarized Market) ที่ชัดเจนขึ้น ภาวะ “ตลาดสองขั้ว” จะเด่นชัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยมีปัจจัยหนี้ครัวเรือนเป็นตัวเร่ง
• ขั้วตลาดมวลชน (Mass Market): สมรภูมิของ “โซลูชันทางการเงิน” สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ความสามารถในการซื้อของผู้บริโภคจะยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่รอดได้ จะไม่ใช่แค่ผู้ที่สร้างบ้านได้ดี แต่คือผู้ที่สามารถ “ผนึกกำลังกับสถาบันการเงิน” เพื่อนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่ยืดหยุ่น เช่น โปรแกรมเช่าเพื่อซื้อ (Rent-to-Own) ที่มีโครงสร้างชัดเจน หรือการออกแบบสินเชื่อระยะยาวพิเศษ
• ขั้วตลาดลักชัวรี (Luxury Market): สมรภูมิของ “คุณภาพชีวิตและเทคโนโลยี” สำหรับตลาดระดับบน ราคาจะไม่ใช่ปัจจัยตัดสินอีกต่อไป แต่คือ “การบูรณาการเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพและความยั่งยืน” (Wellness & Sustainable Tech Integration) โครงการที่จะชนะคือบ้านที่มาพร้อมระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ ระบบกรองอากาศและน้ำมาตรฐานโรงพยาบาล การออกแบบที่รองรับสังคมผู้สูงวัยอย่างแท้จริง และแพลตฟอร์มบริหารจัดการชุมชนด้วย AI
จุดร่วมที่ลงตัวของ 3 อุตสาหกรรม ณ ปลายไตรมาส 2 ปี 2568 “ผู้ชนะ” ในทั้งสามอุตสาหกรรม จะเป็นองค์กรที่สามารถเชื่อมโยงพลังทั้งสามด้านเข้าด้วยกันได้สำเร็จ เราจะเห็นภาพของ: “แพ็กเกจที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ” ที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ร่วมมือกับ ธนาคาร และ บริษัทประกัน เพื่อนำเสนอดีลที่ครบวงจร โดยใช้ข้อมูลจากตัวบ้าน (เช่น การใช้พลังงาน ระบบความปลอดภัย) มาคำนวณสินเชื่อบ้านอัตราพิเศษ และเบี้ยประกันบ้าน/ประกันชีวิตที่ถูกลง
จุดชี้ขาดของความสำเร็จทางธุรกิจจะไม่ใช่ “ขนาด” ขององค์กร แต่เป็น “ความเร็วในการปรับตัวและบูรณาการ” องค์กรที่ยังทำงานแบบแยกส่วน (Silo) จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังในเวลาอันรวดเร็ว
คำถามสำคัญสำหรับผู้บริหารในวันนี้จึงไม่ใช่ “จะเกิดอะไรขึ้นในปี 2568?” แต่คือ “องค์กรของเราจะวางตำแหน่ง ณ จุดใดในสมการแห่งอนาคตนี้ และเราได้เริ่มสร้างขีดความสามารถด้าน AI, ESG และการสร้างพันธมิตรเชิงระบบนิเวศแล้วหรือยัง?” เพราะนี่คือเส้นแบ่งที่จะตัดสินการเติบโตและความอยู่รอดในทศวรรษหน้าอย่างแท้จริง
■ ผู้เขียน: จิรารัฏฐ์ บูรพารัศมิ์ บรรณาธิการบริหาร


















