ในขณะที่เศรษฐกิจยังคงเผชิญความท้าทาย ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันทั้งสถาบันการเงินและผู้ประกอบการ แต่ท่ามกลางความเสี่ยงก็ยังมีโอกาส ล่าสุด บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ได้ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์ใหม่ “Opportunities for All” โดยวางโมเดลการบริหารหนี้และทรัพย์สินให้เป็นแหล่งสร้างรายได้ พร้อมเปิดความร่วมมือกับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developers) และสถาบันการเงิน เพื่อเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสอย่างเป็นรูปธรรม
BAM พลิก NPL เป็นโอกาส เปิดโครงการ “ทรัพย์มหาชน” ส่งทรัพย์ราคาประหยัดสู่ผู้ซื้อจริง ช่วยสร้างสภาพคล่องและหนุนเศรษฐกิจอสังหาฯ

BAM ครึ่งปีแรกกำไรพุ่ง 72% เดินหน้าโมเดล “Opportunities for All” พลิก NPL สู่โอกาสใหม่
บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM รายงานผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 ด้วยตัวเลขที่สะท้อนศักยภาพการบริหารสินทรัพย์ได้อย่างชัดเจน โดยทำผลเรียกเก็บรวมกว่า 10,154 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,511 ล้านบาท เติบโตถึง 72%
เฉพาะไตรมาส 2 ปีนี้ BAM ทำผลเรียกเก็บสูงถึง 6,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 118% จากไตรมาสแรก ซึ่งสะท้อนความสามารถในการเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ระบุว่า ผลลัพธ์นี้ส่งผลบวกต่อทั้งอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) อัตราผลตอบแทนจากทุน (ROE) และช่วยลดต้นทุนเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ
ปรับกลยุทธ์ใหม่ พลิก “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” สู่ “Opportunities for All”
BAM ไม่หยุดแค่การบริหาร NPL และ NPA แบบเดิม แต่ประกาศปรับโมเดลธุรกิจสู่แนวทางใหม่ภายใต้ชื่อ “Opportunities for All” ที่มุ่งสร้างโอกาสทั้งให้ลูกหนี้รายเล็กและตลาดอสังหาริมทรัพย์
หัวใจสำคัญคือการช่วยลูกหนี้ฟื้นฟูสถานะการเงิน ผ่านโครงการ TDR Factory และ FA Center ที่ดำเนินการร่วมกับ สถาบันการเงินและบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB) โดยโมเดลนี้ไม่ได้มุ่งเพียงเปลี่ยน NPL ให้เป็น NPA แต่ยังสร้างโอกาสให้ผู้กู้กลับมามีบ้านหรือพลิกฟื้นธุรกิจ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือโครงการ “สุขใจได้บ้านคืน” ที่ช่วยคืนที่อยู่อาศัยแล้วกว่า 3,300 หลัง และฟื้นฟูกิจการ SME มากกว่า 200 ราย
จากหนี้เสียสู่บ้านมือสอง BAM ขับเคลื่อนอสังหาฯ ด้วยโมเดล “Opportunities for All”

“ทรัพย์มหาชน” บ้านราคาประหยัดสำหรับคนตัวเล็ก
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ BAM ผลักดันอย่างจริงจังคือโครงการ “ทรัพย์มหาชน” ซึ่งเจาะกลุ่มผู้ต้องการบ้านราคาประหยัด โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจ เช่น • เปิดโอกาสให้ซื้อทรัพย์ในราคาย่อมเยา • ผ่อนตรงกับ BAM หรือผ่านสถาบันการเงินพันธมิตร • เน้นกลุ่มผู้ซื้อบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งมักถูกธนาคารปฏิเสธสินเชื่อ • เงื่อนไขการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่น
โครงการนี้เป็นการแก้ “Pain Point” ของตลาดบ้านมือสอง และช่วยสร้างทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภคที่ต้องการเข้าถึงบ้านได้จริงในราคาที่จับต้องได้
บริหาร NPA ด้วยพันธมิตร เพิ่มรอบหมุนทรัพย์
ในอีกด้านหนึ่ง BAM ยังเร่งสร้างรายได้จากการบริหารทรัพย์ NPA ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลาย ทั้งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และสถาบันการเงินรายใหญ่ อาทิ ธนาคารยูโอบี ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โมเดลนี้ช่วยลดเวลาการถือครองทรัพย์ เร่งรอบหมุนเวียน และเพิ่มผลตอบแทนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ดร.รักษ์ ย้ำว่า BAM ไม่ได้มุ่งเพียงตัวเลขกำไร แต่ต้องการสร้างระบบนิเวศที่ทำให้สินทรัพย์และสินเชื่อเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทั้งสำหรับลูกค้ารายย่อยและกลุ่ม SME ซึ่งเป็นกำลังสำคัญทางเศรษฐกิจ

BAM เร่งหมุนเวียน NPL/NPA ผ่านโครงการ “ทรัพย์มหาชน” ตอบโจทย์ผู้ซื้อบ้านราคาย่อมเยา พร้อมสร้างแรงกระเพื่อมเชิงบวกต่อเศรษฐกิจระดับชาติ
ครึ่งปีหลังลุยต่อ ตั้งเป้าเรียกเก็บ 17,800 ล้านบาท
สำหรับครึ่งปีหลัง BAM ตั้งเป้าผลเรียกเก็บรวมทั้งปีที่ 17,800 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์เร่งหมุนเวียนทรัพย์ NPL/NPA และขยายความร่วมมือกับ Developers เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อเข้าถึงทรัพย์ราคาย่อมเยา ซึ่งสะท้อนทิศทางการบริหาร NPL/NPA อย่างเป็นระบบควบคู่กับการสร้างสภาพคล่องในตลาดอสังหาริมทรัพย์ราคาย่อมเยา โดยเฉพาะโครงการ “ทรัพย์มหาชน” ที่ช่วยผลักดันบ้านมือสองและทรัพย์สินราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ให้ถึงมือผู้ซื้อจริง
นับเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อเศรษฐกิจอสังหาฯ ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสินเชื่อและต้นทุนการอยู่อาศัย การเร่งหมุนเวียนทรัพย์สินเหล่านี้ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูลูกหนี้และ SME แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมเชิงบวกต่อการลงทุน การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และสภาพคล่องของตลาดโดยรวมในครึ่งปีหลัง

…การปรับโครงสร้างหนี้ของ BAM จึงไม่เพียงช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้กู้ แต่ยังส่งผลเชิงบวกต่อเสถียรภาพตลาดที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ เพราะหากหนี้เสียถูกบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ สินทรัพย์ที่เคย “ติดค้าง” จะกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เกิดการหมุนเวียนในตลาด ทำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนมีโอกาสเข้าถึงสินทรัพย์ในราคาที่เหมาะสม ขณะเดียวกันยังเป็นแรงสนับสนุนต่อการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ ที่ต้องอาศัยทั้งมาตรการการเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทยและการบริหารหนี้จากผู้เล่นอย่าง BAM ในการขับเคลื่อนภาพรวมเศรษฐกิจไทย
■ ผู้เขียน: จิรารัฏฐ์ บูรพารัศมิ์ บรรณาธิการบริหาร


















