ธุรกิจประกันภัยไทยกำลังเปลี่ยนโฟกัสจากการขายกรมธรรม์เป็นการสร้างคุณค่าให้ลูกค้า ให้กรมธรรม์กลายเป็นเครื่องมือที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์และประสบการณ์ชีวิตจริง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มองหาความหมายและประโยชน์มากกว่าแค่ผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว

วิริยะประกันภัยตอบโจทย์นี้ด้วยการต่อยอดธุรกิจจากประกันภัยสู่ไลฟ์สไตล์ ผ่านแคมเปญ Viriyah Privileges “ทริปเมืองโบราณ” ที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่ากรมธรรม์สามารถกลายเป็น “บัตรผ่านสู่ประสบการณ์ชีวิต” และสิทธิพิเศษด้านท่องเที่ยวเช่นนี้จะทำให้ลูกค้าเห็นความคุ้มค่าที่ใช้ได้จริง ไม่ใช่ใช้ได้เฉพาะในกรณีที่เกิดเหตุเท่านั้น
การเลือก “เมืองโบราณ” เป็นไฮไลท์ของแคมเปญนับเป็นการสะท้อนภาพลักษณ์องค์กรที่ทันสมัยและให้คุณค่าแก่ลูกค้า การผสมผสานระหว่างความคุ้มครอง ความคุ้มค่า และการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ทำให้วิริยะฯ ไม่เพียงเป็นผู้ขายกรมธรรม์ แต่กลายเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกสิทธิพิเศษภายใต้กรอบแนวคิด ‘การดูแลลูกค้าในทุกช่วงเวลา’ โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การมอบประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป็นสำคัญ
จากกรมธรรม์สู่ไลฟ์สไตล์ Viriyah Privileges ช่วยให้ลูกค้าได้รับทั้งความคุ้มครองและประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดประทับใจ ตอกย้ำแบรนด์ที่เข้าใจทุกช่วงเวลาของชีวิต

แคมเปญ Viriyah Privileges: เพียงลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ผ่าน LINE Official วิริยะประกันภัย รับสิทธิ์เข้าชมเมืองโบราณฟรี 1 สิทธิ์ ต่อ 1 กรมธรรม์ ต่อวัน พร้อมส่วนลดพิเศษ 50% สำหรับผู้ติดตามสูงสุด 5 ท่าน ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2569
การสร้าง Engagement ผ่านสิทธิประโยชน์บนแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น การกดรับสิทธิ์ผ่าน LINE Official ไม่เพียงเพิ่มฐานผู้ติดตาม แต่ยังทำให้วิริยะฯ เก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าอย่างละเอียด ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้บริษัทสามารถทำ Personalized Marketing ได้ตรงกลุ่มความสนใจ เช่น เสนอประกันเดินทางให้กับลูกค้าที่นิยมท่องเที่ยว หรือมอบสิทธิ์เพิ่มเติมให้ผู้ใช้บริการร้านอาหาร
อีกหนึ่งกลไกสำคัญคือการใช้ พันธมิตร ในการขยายตลาด Viriyah Privileges ขยายเครือข่ายพันธมิตรกว่า 80 แบรนด์ ครอบคลุม 2,800 สาขาในหลากหลายหมวดหมู่ ไม่เพียงช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ แต่ยังเป็นช่องทางให้วิริยะฯ เจาะเข้าสู่ตลาดใหม่ผ่าน Cross-Marketing

ในเชิงกลยุทธ์ นี่คือการเปลี่ยนกรมธรรม์จาก สัญญาแห่งการป้องกันความเสี่ยง ให้กลายเป็น บัตรผ่านสู่ประสบการณ์ใหม่ ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าในวันนี้ ขณะที่บริษัทได้ความสัมพันธ์ระยะยาวในวันหน้า ถือเป็นสมการที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์
สำหรับโอกาสทางการตลาดที่ควรต่อยอด บริษัทสามารถสร้าง Product Bundling โดยผูกสิทธิพิเศษท่องเที่ยวเข้ากับประกันเดินทาง เช่น ซื้อประกันรถ + ได้ส่วนลดโรงแรม หรือซื้อประกันสุขภาพ + รับสิทธิ์ทริปสุขภาพ (Wellness Trip) การใช้ Data Driven Marketing ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้สิทธิ์ และนำเสนอแพ็กเกจที่ตรงกับความสนใจ เช่น ลูกค้าที่นิยมท่องเที่ยวบ่อย เสนอ Travel Insurance + Privilege หรือ ผู้ที่ชื่นชอบร้านอาหาร เสนอประกันสุขภาพและอุบัติเหตุที่เชื่อมกับประโยชน์ด้านโภชนาการ
นอกจากนี้ การเจาะกลุ่ม Gen Y – Gen Z ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ท่องเที่ยวหรือ Challenge บนโซเชียล เช่น #เที่ยวกับวิริยะ #PrivilegeTrip จะช่วยสร้างกระแสแชร์ประสบการณ์และขยายฐานลูกค้าใหม่ ขณะเดียวกัน การเชื่อมต่อกับ ESG และการท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน ด้วยการจัด Privileges กับแหล่งท่องเที่ยวชุมชนหรืออนุรักษ์ธรรมชาติ จะสะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ที่ใส่ใจลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม
สุดท้ายการสร้าง Loyalty Program ระยะยาว เช่น สะสมแต้มจากการใช้ Privileges แลกรับประกันภัยเพิ่มเติม หรืออัปเกรดความคุ้มครอง ทำให้ลูกค้าอยากอยู่กับแบรนด์นานขึ้น สร้างความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น และยกระดับ Viriyah Privileges จากแคมเปญสิทธิพิเศษ ให้กลายเป็น แพลตฟอร์มสร้างคุณค่าและประสบการณ์ชีวิตของลูกค้าในทุกมิติ
สิ่งสำคัญคือการต่อยอดแคมเปญให้อยู่บนฐาน Data, Ecosystem และ Loyalty ซึ่งจะทำให้ Viriyah Privileges ไม่ใช่เพียงโปรโมชั่นชั่วคราว แต่กลายเป็นสะพานเชื่อมที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า วิริยะประกันภัย ไม่ได้ขายแค่กรมธรรม์ หากแต่ขายความมั่นใจ ความทรงจำ และคุณค่าที่ยั่งยืน …เพราะในโลกธุรกิจที่การแข่งขันรุนแรง แบรนด์ที่อยู่รอดไม่ใช่แบรนด์ที่ขายได้มากที่สุด แต่คือแบรนด์ที่ “อยู่ในชีวิตลูกค้าได้มากที่สุด” …และความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของวิริยะประกันภัย คือก้าวสำคัญที่กำลังนำพาองค์กรให้เดินไปในทิศทางนั้นได้อย่างมั่นคง
■ ผู้เขียน: จิรารัฏฐ์ บูรพารัศมิ์ บรรณาธิการบริหาร


















