ความฝันและความตั้งใจของโรงเรียนบ้านนาคู จ.กาฬสินธุ์ ในการสร้างพื้นที่ให้ทั้งคุณครู นักเรียน ผู้ปกครอง ตลอดจนคนในชุมชนได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ในการประกอบอาชีพ พร้อมทั้งสร้าง “แลนด์มาร์คใหม่” ให้กับชุมชน กำลังได้รับการเติมเต็มให้กลายเป็นความจริง เพราะล่าสุด บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารออลล์ ออนไลน์ และเซเว่น อีเลฟเว่น และ บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด ได้เข้ามาสนับสนุนโครงการ “ร้านกาแฟสร้างอาชีพ” เป็นแห่งที่ 2 ให้แก่โรงเรียนฯ ภายใต้การขับเคลื่อนมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์ อีดี (CONNEXT ED) ของ บมจ.ซีพี ออลล์
นายธานินทร์ บูรณมานิต กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารออลล์ ออนไลน์ และเซเว่น อีเลฟเว่น กล่าวว่า ด้วยความมุ่งมั่นของโรงเรียน ศักยภาพของพื้นที่ ประกอบกับแผนด้านต่างๆ ที่วางเอาไว้อย่างรอบด้าน ทั้งการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน การบูรณาการความรู้มาเป็นหลักสูตร และการพัฒนาสู่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ซีพี ออลล์ และ ซีพี รีเทลลิงค์ จึงได้สนับสนุนทั้งด้านงบประมาณ องค์ความรู้ในการบริหารจัดการร้านกาแฟ องค์ความรู้ในการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์และชงเครื่องดื่ม อุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจร้านกาแฟสร้างอาชีพให้แก่โรงเรียนบ้านนาคู จ.กาฬสินธุ์ ตลอดจนผู้บริหารสถานศึกษา คุณครู และนักเรียนที่เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการรุ่นแรก
“โมเดลร้านกาแฟสร้างอาชีพ คือโมเดลที่สร้างความแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนชุมชนอย่างยั่งยืน เพราะช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะการประกอบอาชีพตั้งแต่เยาว์วัย เปิดโอกาสให้คุณครู ผู้ปกครอง คนในชุมชน เข้ามามีส่วนร่วม และสามารถนำสินค้า OTOP มาวางจำหน่ายในร้าน หากร้านกาแฟสร้างอาชีพของโรงเรียนบ้านนาคูประสบความสำเร็จ อาจมีการยกระดับโรงเรียนบ้านนาคู จากโรงเรียน Best Practice สู่โรงเรียนต้นแบบ หรือ School Model กลายเป็นต้นแบบสำคัญให้กับโรงเรียนอื่นๆ ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. อีก 30,000 กว่าแห่ง สามารถเข้ามาศึกษาดูงานและขอแนวทางการดำเนินโครงการ ไปปรับใช้กับโรงเรียนของตัวเองได้” นายธานินทร์ กล่าว
สำหรับร้านกาแฟสร้างอาชีพ โรงเรียนบ้านนาคู จ.กาฬสินธุ์ จัดตั้งขึ้นภายใต้ชื่อ “ร้านกาแฟเสรีไทย” ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพใจกลางอำเภอนาคู ติดถนนสายหลัก วางคอนเซ็ปต์ของร้านอย่างโดดเด่น นำประวัติศาสตร์ของพื้นที่บ้านนาคูในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้ามาใช้ในการตกแต่งร้าน ภายในร้านจะมีสินค้าประเภทเครื่องดื่ม ตลอดจนสินค้า OTOP ของอำเภอนาคูและอำเภอข้างเคียงใน จ.กาฬสินธุ์ อาทิ ผ้าไหม ตำเมี่ยง วางจำหน่าย ตัวร้านยังจัดตั้งเป็นสหกรณ์ให้คุณครู นักเรียน ตลอดจนผู้ปกครองของนักเรียนปัจจุบัน สามารถร่วมเป็นเจ้าของร้านด้วยการถือหุ้นสหกรณ์ในราคาเพียงหุ้นละ 10 บาท และได้รับปันผลหากมีกำไรจากการบริหารจัดการร้าน
นายสมรศักดิ์ วันโนนาม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาคู เล่าว่า โรงเรียนได้นำโครงการร้านกาแฟเสรีไทยเข้าบรรจุในหลักสูตรท้องถิ่นด้วย เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะอาชีพ สอดคล้องกับโครงการ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” โดยคณะคุณครูที่เป็นพี่เลี้ยงในโครงการ จะได้รับการอบรมทักษะที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการร้านกาแฟจากทางกลุ่มธุรกิจซีพี ออลล์อย่างรอบด้าน จากนั้นจะนำมาถ่ายทอดให้แก่นักเรียนในช่วงเวลาที่ลดชั่วโมงเรียน หรือในวิชาการงานพื้นฐานอาชีพ ขณะเดียวกันจะมีการพัฒนาเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชน จัดเป็นคอร์สระยะสั้น ให้แก่ผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ทักษะการบริหารจัดการร้านกาแฟ และเปิดกว้างให้โรงเรียนอื่นเข้ามาศึกษาดูงานด้วย
นางสาวนันท์นภัส ภูมิรัง อาจารย์ผู้ดูแลโครงการร้านกาแฟสร้างอาชีพ โรงเรียนบ้านนาคู ในฐานะผู้จัดการร้านกาแฟ เสริมว่า ในการคัดนักเรียนมาร่วมในโครงการภาคปฏิบัตินั้น เน้นนักเรียนระดับชั้น ป.6 เป็นหลัก แต่ในส่วนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการสร้างอาชีพนั้น จะสอดแทรกเข้าไปทุกระดับชั้นตั้งแต่ ป.1-6 มีการแบ่งเวรผู้รับผิดชอบในการมาบริหารร้านกาแฟ ทั้งนักเรียนและคุณครูทั้งโรงเรียนมีส่วนร่วมหมด เด็ก ป.6 ที่นี่จึงมีทักษะอาชีพที่เกี่ยวข้องกับร้านกาแฟ ชงกาแฟกันได้ทุกคน
ด้านนางสาวรัตนา วะชุม ผู้นำรุ่นใหม่ (School Partner) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ที่ดูแลโรงเรียนบ้านนาคูโดยตรง กล่าวว่า จากการลงพื้นที่และคลุกคลีกับทางโรงเรียน ทุกฝ่ายต่างต้องการให้โครงการมีผลทั้งในด้านการพัฒนาการศึกษา ขณะเดียวกันก็ต่อยอดเรื่องธุรกิจสร้างอาชีพให้กับทั้งโรงเรียนและชุมชนให้มีรายได้ที่ยั่งยืน
“ทุกกลุ่มมีความสำคัญและได้รับประโยชน์อย่างยั่งยืนทั้งหมด ทั้งในเรื่องการเรียนรู้และอาชีพ เด็กนักเรียนได้ฝึกในเรื่องทฤษฎีและปฏิบัติ อย่างของคุณครูได้มีการบูรณาการหลักสูตรและการสอน ให้นักเรียนมีความรู้ในรุ่นต่อรุ่น ผู้ปกครองและคนในชุมชนก็มีโอกาสสร้างรายได้จากการนำสินค้า OTOP มาวางจำหน่าย อนาคตเราอาจไม่ได้ขายอยู่แต่ที่ร้านอย่างเดียว อาจมีการทำโครงการเดลิเวรี่ด้วย” นางสาวรัตนา กล่าว
สำหรับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในพันธมิตรก่อตั้งมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์ อีดี (CONNEXT ED) และเป็น 1 ใน 41 องค์กรเอกชนที่เล็งเห็นความสำคัญและตอบรับการมีส่วนร่วมทางการศึกษา โดยปัจจุบัน ซีพี ออลล์ ดูแลโรงเรียนในโครงการ CONNEXT ED จำนวน 392 แห่งทั่วประเทศ ร่วมสนับสนุนโรงเรียนให้สามารถดำเนินโครงการด้านต่างๆ ทั้งโครงการที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ โครงการพัฒนาคุณภาพคน โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน โครงการส่งเสริมอาชีพ โครงการด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้นำรุ่นใหม่ หรือ School Partner ซึ่งเป็นอาสาสมัครจากในองค์กรร่วมลงพื้นที่และคอยให้คำแนะนำในการพัฒนาโครงการของโรงเรียนต่างๆ อย่างใกล้ชิด