กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 27 กุมภาพันธ์ 2563 – บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก แถลงผลประกอบการประจำปีและไตรมาสที่ 4 ปี 2562
ข้อมูลสำคัญของผลประกอบการประจำปี 2562: ไอวีแอลรายงานปริมาณการผลิตเติบโตร้อยละ 18 ในปี 2562 โดยเป็นผลจากการเข้าซื้อกิจการเป็นหลัก อัตรากำไรของทั้งอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงในปี 2562 ส่งผลให้กำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) ของไอวีแอลลดลงร้อยละ 20 ทั้งนี้ กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 อยู่ที่ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผลจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงและการพัฒนาความเป็นเลิศด้านการดำเนินงาน บริษัทฯ ได้เสนอให้มีการจ่ายเงินปันผล ในอัตรา 1.225 บาทต่อหุ้นในปี 2562
ไอวีแอลได้ริเริ่มโครงการหลากหลายโครงการเพื่อการเปลี่ยนแปลง ตามที่ได้ประกาศไปแล้วเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 ในงาน Capital Markets Day โดยคาดว่าโครงการเหล่านี้จะเริ่มได้รับประโยชน์ในปี 2563 นี้และนำไปสู่การประหยัดต้นทุนจำนวน 350 ล้านเหรียญสหรัฐตามเป้าหมายภายในปี 2566 การริเริ่มโครงการเหล่านี้และกลยุทธ์การเข้าซื้อสินทรัพย์เอทิลีนออกไซด์และโพรพิลีนออกไซด์แบบบูรณาการ (Integrated Ethylene and Propylene Oxide) ของบริษัท Huntsman (โครงการ Spindletop), การขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดประเทศอินเดียซึ่งกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง, การตั้งทีมเฉพาะเพื่อขยายธุรกิจรีไซเคิล PET, การมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพจัดการเงินทุนหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนาผู้นำในองค์กร ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์หลักที่สำคัญของบริษัทฯ
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “ปัจจุบันไอวีแอลมี 3 กลุ่มธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ขับเคลื่อนให้บริษัทฯเติบโตและสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องให้กับผู้มีส่วนได้เสีย โดยกลุ่มธุรกิจแรกคือกลุ่มธุรกิจ PET แบบองค์รวม (Combined PET) ซึ่งรวมถึงสารตั้งต้นหลักและการดำเนินงานด้านรีไซเคิล กลุ่มธุรกิจออกไซด์แบบบูรณาการและอนุพันธ์ ซึ่งรวมถึงกิจการในโครงการ Spindletop ที่ไอวีแอลเข้าซื้อเมื่อไม่นานมานี้และโรงงานก๊าซแครกเกอร์ IVOL ในรัฐหลุยส์เซียนา และกลุ่มธุรกิจเส้นใย ที่รองรับลูกค้าในกลุ่มยานยนต์ ไลฟ์สไตล์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย
ธุรกิจของเราที่ดำเนินการครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก ประกอบด้วยการลงทุนในยุโรปและอเมริกาประมาณร้อยละ 80 ทำให้โมเดลทางธุรกิจของเรามีความยืดหยุ่นต้านทานต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศหรือภูมิภาค ในขณะเดียวกัน กลยุทธ์สินค้าอุปโภคบริโภคที่ตอบสนองความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ความปลอดภัย และไลฟ์สไตล์ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตที่สูงกว่าอัตราการเติบโตของ GDP ต่อไปจากนี้ เราจะเสริมความแข็งแกร่งของไอวีแอลด้วยกลยุทธ์หลัก 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนต้นทุน การใช้สินทรัพย์อย่างเต็มศักยภาพ การเติบโตไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง การเป็นผู้นำธุรกิจรีไซเคิล และการพัฒนาทักษะผู้นำในองค์กร”