Saturday, 27 April 2024 | 12 : 58 am

4Quarter.co

Saturday, 27 April 2024 | 12 : 58 am
เอไอเอ ประเทศไทย มอบรางวัลเกียรติยศแก่สุดยอดตัวแทน “ที่สุดแห่งปี” ประจำปี 2566 ในงาน AIA Annual Agency Awards Presentation 2023­­­­   •   ออมสิน ประกาศลดดอกเบี้ย MRR ลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยทุกกลุ่ม คงเหลืออัตราดอกเบี้ย MRR (หลังปรับลด) = 6.595%   •   Caring is Giving “Protect Your Car” ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ใส่ใจคุณ พร้อมเคียงข้างทุกการเดินทาง ชวนลดความเสี่ยง ปกป้องรถที่คุณรักอย่างยั่งยืน   •   เคทีซี เผยยอดใช้จ่ายไอเทมคลายร้อนที่ KTC U SHOP พุ่งกว่า 120% เปิดช่องทางช้อปใหม่ผ่านแอป KTC Moblie สะดวก ปลอดภัย พร้อมรับโปรสุดคุ้ม   •   กสิกรไทย ร่วมฉลองความสำเร็จ KCBL รุ่น 1   •   กคช. ระดมผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ มุ่งการพัฒนาควบคู่ 4 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในช่วงบั้นปลาย   •   ถอดบทวิเคราะห์ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เผยมุมมองขยายพอร์ต สู่ 4 จุดยุทธศาสตร์สำคัญของกรุงเทพฯ “กาญจนาภิเษก – พุทธมณฑล – พัฒนาการ – รามคำแหง”   •   สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ขานรับนโยบายรัฐบาล ประกาศลดดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและกลุ่มเปราะบาง   •   ผู้บริหารไทยประกันชีวิต รับรางวัล TOP CEO Thailand 2023   •   วิริยะประกันภัย รวมพลังจิตอาสาสร้างโป่งเทียม แหล่งอาหารช้างป่า ผืนป่าภาคตะวันออก   •   กรุงศรี เดินหน้ากลยุทธ์กลุ่มลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ รุกสร้างระบบนิเวศเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมเชื่อมต่อโอกาสลงทุนในอาเซียน   •   ทีทีบี ชวนเอสเอ็มอี ร่วมสัมมนา finbiz connect the future for growth เชื่อมเทรนด์ธุรกิจอนาคต..สู่กลยุทธ์การเติบโตยั่งยืน   •   เงินติดล้อ เปิดบ้านต้อนรับ นักศึกษาปริญญาโท บริหารธุรกิจ (MBA) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   •   เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบเงินสนับสนุน “มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจในพระบรมราชินูปถัมภ์”   •   พรูเด็นเชียล ประเทศไทย คว้ารางวัลสุดยอดนายจ้างระดับโลก “Global Best Employer Brand Awards 2024”   •   เปิดบ้านหรู 3 ชั้น พร้อมชม Club House สุดหรู ที่ ศุภาลัย เอเลแกนซ์ พหลโยธิน 50   •   กสิกรไทย ปรับโครงสร้างคณะกรรมการ ลดจำนวนกรรมการเป็น 15 คนจาก 18 คน เพิ่มสัดส่วนกรรมการอิสระเกินกว่ากึ่งหนึ่ง ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสอดคล้องมาตรฐานสากล   •   เอสซีจี แถลงผลประกอบการ ไตรมาส 1 ปี 2567 ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เดินหน้านวัตกรรมกรีนต่อเนื่อง เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด รุกธุรกิจในตลาดเติบโตสูง   •   การเคหะแห่งชาติ ร่วมรับรางวัล “รัฐวิสาหกิจดีเด่นด้านการส่งเสริมและพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน” ภายในงาน “มอบรางวัล SIAMRATH AWARDS 2024”   •   ทิพยประกันภัย ปลุกกระแสประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพแพทย์ สร้างความอุ่นใจให้แพทย์ มอบความคุ้มครองสูงสุดถึง 6 ล้านบาท   •   องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี จับมือ เคทีซี เดินหน้าขยายฐานนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “Korea Everything” ทุกสิ่งเป็นจริงที่เกาหลี   •   OCEAN LIFE ไทยสมุทร จัดกิจกรรม “SMART HEALTHY CHALLENGE 2024” ดูแลสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก นำทุกคนก้าวสู่โลกใหม่เพื่อชีวิตและสุขภาพที่ดี   •   “สำนักงาน คปภ. – ภาคธุรกิจประกันภัย” เตรียมความพร้อมรองรับมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย (TFRS 17)   •   สมัครบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า รูดช้อปรับคุ้ม! รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5%   •   เอไอเอ ประเทศไทย สนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุฟรี แก่เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2   •   ทิพยประกันภัย คว้าสุดยอด 2 รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ รางวัลผู้บริหารองค์กรดีเด่นแห่งปี และรางวัลบริษัทประกันภัยที่ส่งเสริมความยั่งยืนด้านการพัฒนาสังคมยอดเยี่ยม   •   ศุภาลัย ผนึก ทีโอเอ ปั้นนวัตกรรมที่อยู่อาศัยสีเขียว ผุดโปรเจกต์ยักษ์ ‘ฝ้ายิปซัม & สีรักษ์โลก’ เดินหน้าสู่องค์กร Zero Waste อย่างยั่งยืน   •   ออมสิน รับรางวัลองค์กรแห่งความยั่งยืนเพื่อสังคม   •   ธ.ก.ส. จับรางวัลชำระดีมีโชค ครั้งที่ 2 มอบโชคอีกกว่า 208 ล้านบาท ส่งเสริมแนวทางลดภาระหนี้อย่างยั่งยืน   •   ทีทีบี เสริมศักยภาพเอสเอ็มอี ด้วยฟีเจอร์ใหม่ “analytic report” ภายใต้แอปพลิเคชันจัดการร้านค้า ttb smart shop วิเคราะห์ข้อมูลการขายเชิงลึก ครบทุกมิติ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

KRUNGSRI EXCLUSIVE 2021 Mid-Year Outlook Series ส่งสัญญาณทิศทางความสำเร็จนักลงทุนผ่าน “วัคซีนความหวังฟื้นเศรษฐกิจไทย”

ต่อเนื่องกับการอัดแน่นข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เป็นประโยชน์สำหรับนักธุรกิจนักลงทุนที่ต้องการจะเดินหน้าไปต่อหลังสถานการณ์โควิด-19 กับการสัมมนาแบบนิวนอร์มอลครั้งใหญ่แห่งปีตลอดเดือนกรกฎาคม 2564 โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งครั้งนี้กรุงศรีได้เตรียมหัวข้อที่ทุกคนอยากรู้และต้องการคำตอบมากที่สุดอย่าง “วัคซีนความหวังฟื้นเศรษฐกิจไทย” ที่เนื้อหาดีต่อใจคนฟัง ทำให้รู้สึกมีพลังและเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ กับการให้ความเห็นเชิงวิเคราะห์เจาะลึก รายงานผลการศึกษา และส่งต่อคำแนะนำให้คำปรึกษาจากขุนพลการเงินระดับแนวหน้าของไทย โดยได้รับเกียรติจากสองผู้เชี่ยวชาญของกรุงศรี และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ร่วมให้ทัศนะถึงวัคซีนความหวังที่จะมีส่วนผลักดันการอยู่รอดและเพิ่มอัตราเร่งการเติบโตเศรษฐกิจไทย พร้อมเผยวิธีการจัดสรรเงินทุนพร้อมรับมือปัจจัยต่างๆ และแนวทางเลือกกลุ่มธุรกิจที่ “ฉายแวว” น่าลงทุนให้เจอ 

เรากำลังอยู่ท่ามกลางการระบาดของโควิดรอบใหม่และไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด นักลงทุนไทยจึงต้องเก็บเกี่ยวข้อมูลรอบด้านให้มากที่สุดเพื่อนำมาใช้ขับเคลื่อนและทำลายกับดักจากสถานการณ์โควิด-19 เปลี่ยนทุกวิกฤติให้เป็นโอกาสให้ได้ ซึ่ง ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เผยว่า ถึงแม้เราจะต้องอยู่กับสถานการณ์นี้ไปอีกสักพักใหญ่ แต่ในข่าวร้ายที่ไทยยังต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ภายในประเทศที่ส่งผลกระทบหนักกับภาคการบริโภคในประเทศ ภาคแรงงานและภาคบริการท่องเที่ยว เรากลับพบข่าวดีจากการกลับมาฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเช่นกัน 

ด้วยอิทธิพลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง อเมริกาและจีน แม้อาจจะมีสงครามการค้าและ Tech War ของทั้งสองประเทศที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ทั่วโลกรวมทั้งไทย บวกกับแนวโน้มที่เฟดยังไม่รีบร้อนขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยจะคงดอกเบี้ยต่ำไว้อย่างน้อย 2 ปี ค่าเงินบาทอ่อนลงมาที่ 31-32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ นั่นก็ทำให้เห็นอัตราการบริโภคที่จะเพิ่มขึ้นและเห็นความต้องการสินค้าส่งออกจากไทย จึงทำให้กลุ่มการส่งออกได้รับอานิสงส์อย่างมาก โดยตัวเลขส่งออกขณะนี้ยังสูงกว่าช่วงก่อนโควิดด้วยซ้ำ และคาดการณ์ว่ามูลค่าการเติบโตการส่งออกทั้งปีจะมากกว่า 10% อีกทั้งยังเห็นกระแสการลงทุนจากต่างประเทศที่ยังคงไหลเข้ามาในไทยอย่างไม่ขาดสาย ขณะเดียวกันก็เล็งเห็นทิศทางในการลงทุนของโลกกำลังเปลี่ยนไปบนพื้นฐานของ Digital Transformation มากขึ้น เกิดเป็นฐานการผลิตใหม่ที่ใช้ Robot หรือ Automation จึงมั่นใจได้ว่าจะมีการลงทุนใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการหลังสถานการณ์โควิด-19  

นอกจากนั้นทางกรุงศรียังพบว่าสถิติการได้รับวัคซีนที่มากขึ้นและอัตราการป่วยรุนแรงลดลงในต่างประเทศ มีนัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของประเทศนั้นๆ อย่างเห็นได้ชัด หากไทยเดินหน้าเร่งฉีดวัคซีนให้มากขึ้น ย่อมจะผลักดันให้ประเทศกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว และเปลี่ยนให้โควิด-19 เป็นเพียงโรคประจำถิ่นไม่ต่างจากไข้หวัดใหญ่ได้ในที่สุด

ส่วนปัจจัยที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศนั้น ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย นโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ (GDP) ว่าน่าจะอยู่ที่ 1.5% และมองว่าบทบาทการบริหารเงินของภาครัฐมีส่วนสำคัญที่จะช่วยพยุงการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะการอัดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจไทย จากพรบ. เงินกู้ 1 ล้านล้าน ซึ่งยังเหลืออีก 3 แสนล้านที่ยังไม่ได้ใช้ และพรบ. เงินกู้ 5 แสนล้านในปีนี้ ลงไปที่กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในวงกว้าง  

และเพื่อให้ไทยเตรียมความพร้อมรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทางสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) แนะเทรนด์ธุรกิจฉายแววและแนวทางปรับปรุงเพื่อรับมือกับเทรนด์นั้นๆ เริ่มต้นที่ธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล และ Digital Skill เพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ให้ตามทันกับ Technology Infrastructure ทั้งยังมีธุรกิจ Go Green ที่จะมีอิทธิพลต่อการค้าในอนาคตอย่าง ธุรกิจกลุ่ม BCG (Bio economy , Circular economy, Green economy) ซึ่งไทยต้องปรับตัวให้สอดรับนโยบายสิ่งแวดล้อม มุ่งเดินหน้าสู่การใช้พลังงานสีเขียวและการส่งเสริมพลังงานสะอาด โดยเฉพาะธุรกิจ Bio economy ที่จะเป็นโอกาสและประโยชน์ต่อภาคเกษตรไทย เช่น การนำวัตถุดิบทางการเกษตรมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า ต่อด้วยเทรนด์ห่วงโซ่การผลิตที่กำลังถูกปรับเปลี่ยน  ผู้ผลิตไม่ใช้ฐานผลิตแห่งเดียวอีกต่อไป จึงเป็นโอกาสให้ไทยได้รับประโยชน์จากการขยายฐานการผลิตระดับกลางถึงบน 

ทั้งนี้ ทางกรุงศรี ยังสนับสนุนกระแส Industry transformation ซึ่งนักธุรกิจไทยจะต้องปรับการลงทุนและวางโครงสร้างองค์กรให้สอดรับกับ Supply-chain Structure ที่จะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามด้วยการมองหา Partnership ระหว่างประเทศที่มีจุดแข็งต่างกัน

สำหรับแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกนั้น คุณวิน พรหมแพทย์, CFA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เผยว่า การลงทุนในตราสารหนี้ ก็ยังเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ เนื่องจาก Bond Yield ที่ปรับขึ้นมา ทำให้การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมที่มีการลงทุน 2-5 ปี จะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงหรือสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี ทั้งยังมีโอกาสที่ดีในเรื่องความเสี่ยงต่ำ ได้มีโอกาสลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพในราคาที่ถูกลง พิจารณาได้จากนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิกว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยมีกองทุนตราสารหนี้แนะนำที่น่าจับตา อย่าง KFSPLUS, KFSMART และ KFAFIX-A ทั้ง 3 กองทุนบริหารโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ บลจ. กรุงศรี โดยแนะนำให้ถือลงทุนมากกว่า 1 ปีขึ้นไป

นอกจากตราสารหนี้แล้ว คุณวินให้ความเห็นว่า การลงทุนในหุ้นไทยก็ยังน่าสนใจอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้จะเติบโตช้ากว่าตลาดหุ้นโลกอยู่กว่า 25% แต่กลับเห็นตัวเลขคาดหมายการเติบโตของกำไร (Earnings Growth) ที่ถูกปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี (Krungsri Securities) ตั้งเป้า SET Index ที่ 1,700 จุดในไตรมาส 3 และมีโอกาสปรับฐานในไตรมาส 4 หากสถานการณ์โควิดมีการเปลี่ยนแปลงจนเกินคาดเดา และสำหรับกองทุนหุ้นไทยที่ควรค่าแก่การลงทุนในปีนี้ ทางกรุงศรีแนะนำ KFTSTAR ที่มีนโยบายลงทุนแบบยืดหยุ่น เน้นหุ้นในธีม Reopening ตามด้วย KFTHAISM ซึ่งเป็นหุ้นขนาดเล็กโตเร็ว แม้จะมีความหวือหวาแต่ก็โดดเด่นมาก และ TSF-A เน้นเลือกหุ้นรายตัวและมีผลการดำเนินงานโดดเด่น ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าธนาคารกรุงศรีมีกองทุนคุณภาพดีจากกว่า 10 บลจ. ที่คัดสรรมาให้นักลงทุนเลือกอย่างเหมาะสม

จากการสัมมนาครั้งนี้ทำให้นักลงทุนไทยยิ้มกว้างเห็นถึงโอกาสทางเศรษฐกิจจากปัจจัยบวกทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งเปรียบได้กับ “วัคซีนความหวัง” อีกทั้งยังได้รับการชี้ช่องทางลงทุนที่ขานรับกับปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของตลาดทุน ต้องยอมรับว่าทุกข้อมูลเหล่านี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้เป็นอย่างดีว่าเศรษฐกิจไทยยังมีศักยภาพที่จะกลับมาฟื้นตัวเร็วได้อย่างแน่นอน