Friday, 26 April 2024 | 6 : 59 pm

4Quarter.co

Friday, 26 April 2024 | 6 : 59 pm
ออมสิน ประกาศลดดอกเบี้ย MRR ลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยทุกกลุ่ม คงเหลืออัตราดอกเบี้ย MRR (หลังปรับลด) = 6.595%   •   Caring is Giving “Protect Your Car” ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ใส่ใจคุณ พร้อมเคียงข้างทุกการเดินทาง ชวนลดความเสี่ยง ปกป้องรถที่คุณรักอย่างยั่งยืน   •   เคทีซี เผยยอดใช้จ่ายไอเทมคลายร้อนที่ KTC U SHOP พุ่งกว่า 120% เปิดช่องทางช้อปใหม่ผ่านแอป KTC Moblie สะดวก ปลอดภัย พร้อมรับโปรสุดคุ้ม   •   กสิกรไทย ร่วมฉลองความสำเร็จ KCBL รุ่น 1   •   กคช. ระดมผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ มุ่งการพัฒนาควบคู่ 4 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในช่วงบั้นปลาย   •   ถอดบทวิเคราะห์ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เผยมุมมองขยายพอร์ต สู่ 4 จุดยุทธศาสตร์สำคัญของกรุงเทพฯ “กาญจนาภิเษก – พุทธมณฑล – พัฒนาการ – รามคำแหง”   •   สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ขานรับนโยบายรัฐบาล ประกาศลดดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและกลุ่มเปราะบาง   •   ผู้บริหารไทยประกันชีวิต รับรางวัล TOP CEO Thailand 2023   •   วิริยะประกันภัย รวมพลังจิตอาสาสร้างโป่งเทียม แหล่งอาหารช้างป่า ผืนป่าภาคตะวันออก   •   กรุงศรี เดินหน้ากลยุทธ์กลุ่มลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ รุกสร้างระบบนิเวศเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมเชื่อมต่อโอกาสลงทุนในอาเซียน   •   เงินติดล้อ เปิดบ้านต้อนรับ นักศึกษาปริญญาโท บริหารธุรกิจ (MBA) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   •   เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบเงินสนับสนุน “มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจในพระบรมราชินูปถัมภ์”   •   พรูเด็นเชียล ประเทศไทย คว้ารางวัลสุดยอดนายจ้างระดับโลก “Global Best Employer Brand Awards 2024”   •   เปิดบ้านหรู 3 ชั้น พร้อมชม Club House สุดหรู ที่ ศุภาลัย เอเลแกนซ์ พหลโยธิน 50   •   กสิกรไทย ปรับโครงสร้างคณะกรรมการ ลดจำนวนกรรมการเป็น 15 คนจาก 18 คน เพิ่มสัดส่วนกรรมการอิสระเกินกว่ากึ่งหนึ่ง ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสอดคล้องมาตรฐานสากล   •   เอสซีจี แถลงผลประกอบการ ไตรมาส 1 ปี 2567 ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เดินหน้านวัตกรรมกรีนต่อเนื่อง เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด รุกธุรกิจในตลาดเติบโตสูง   •   การเคหะแห่งชาติ ร่วมรับรางวัล “รัฐวิสาหกิจดีเด่นด้านการส่งเสริมและพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน” ภายในงาน “มอบรางวัล SIAMRATH AWARDS 2024”   •   ทิพยประกันภัย ปลุกกระแสประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพแพทย์ สร้างความอุ่นใจให้แพทย์ มอบความคุ้มครองสูงสุดถึง 6 ล้านบาท   •   องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี จับมือ เคทีซี เดินหน้าขยายฐานนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “Korea Everything” ทุกสิ่งเป็นจริงที่เกาหลี   •   OCEAN LIFE ไทยสมุทร จัดกิจกรรม “SMART HEALTHY CHALLENGE 2024” ดูแลสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก นำทุกคนก้าวสู่โลกใหม่เพื่อชีวิตและสุขภาพที่ดี   •   “สำนักงาน คปภ. – ภาคธุรกิจประกันภัย” เตรียมความพร้อมรองรับมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย (TFRS 17)   •   สมัครบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า รูดช้อปรับคุ้ม! รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5%   •   เอไอเอ ประเทศไทย สนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุฟรี แก่เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2   •   ทิพยประกันภัย คว้าสุดยอด 2 รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ รางวัลผู้บริหารองค์กรดีเด่นแห่งปี และรางวัลบริษัทประกันภัยที่ส่งเสริมความยั่งยืนด้านการพัฒนาสังคมยอดเยี่ยม   •   ศุภาลัย ผนึก ทีโอเอ ปั้นนวัตกรรมที่อยู่อาศัยสีเขียว ผุดโปรเจกต์ยักษ์ ‘ฝ้ายิปซัม & สีรักษ์โลก’ เดินหน้าสู่องค์กร Zero Waste อย่างยั่งยืน   •   ออมสิน รับรางวัลองค์กรแห่งความยั่งยืนเพื่อสังคม   •   ธ.ก.ส. จับรางวัลชำระดีมีโชค ครั้งที่ 2 มอบโชคอีกกว่า 208 ล้านบาท ส่งเสริมแนวทางลดภาระหนี้อย่างยั่งยืน   •   ทีทีบี เสริมศักยภาพเอสเอ็มอี ด้วยฟีเจอร์ใหม่ “analytic report” ภายใต้แอปพลิเคชันจัดการร้านค้า ttb smart shop วิเคราะห์ข้อมูลการขายเชิงลึก ครบทุกมิติ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย   •   เมืองไทยประกันชีวิต รับรางวัลสุดยอดองค์กรธุรกิจไทย “THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024” ต่อเนื่องปีที่ 6   •   “อารีเกเตอร์” จับมือ มูลนิธิเมาไม่ขับ รณรงค์สงกรานต์ปลอดภัย 2567 ชวนสมาชิกส่งมอบประกันอุบัติเหตุให้ประชาชน

ซิตี้แบงก์ เผยรายงานอนาคตของซัพพลายเชนในเอเชียแปซิฟิก ชี้กลุ่มประเทศที่ภาคธุรกิจจะลงทุน พร้อมเผย 9 ปัจจัยดึงดูดเม็ดเงินลงทุน

กรุงเทพฯ 12 ตุลาคม 2564 – ธนาคารซิตี้แบงก์ เผยผลงานวิจัยใหม่เรื่อง อนาคตของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Disruption, Digitization, Resilience: The Future of Asia-Pacific supply chains) ที่ได้ร่วมดำเนินการกับ ดิ อิโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (The Economist Intelligence Unit (EIU) พบว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้หลายองค์กรมีการคิดทบทวนกลยุทธ์ด้านห่วงโซ่อุปทานในเอเชียแปซิฟิกในวงกว้างมากขึ้น แม้ว่าห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคจะค่อนข้างมีความยืดหยุ่น โดยรายงานการวิจัยนี้อิงจากผลการสำรวจผู้จัดการด้านซัพพลายเชนจาก 175 คนทั่วโลก ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลัก 6 ประเภท ได้แก่ ยานยนต์ รองเท้าและเครื่องแต่งกาย อาหารและเครื่องดื่ม การผลิต ไอที/เทคโนโลยี/อิเล็กทรอนิกส์และการดูแลสุขภาพ/ยา/เทคโนโลยีชีวภาพ

ซึ่งประเด็นสำคัญจากการวิจัย พบว่า แม้ว่าห่วงโซ่อุปทานในเอเชียแปซิฟิกจะมีความยืดหยุ่น แต่บริษัทต่าง ๆ กำลังทบทวนกลยุทธ์สำหรับอนาคตในระยะยาว เพิ่มการลงทุนในระบบดิจิทัล แต่ยังคงเชื่อมั่นในกระแสโลกาภิวัตน์และห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศมากกว่าที่อื่น ส่วนบริษัทในแถบยุโรปและอเมริกาเหนืออาจมีการถอนตัวจากห่วงโซ่อุปทานระดับโลก แต่มาเน้นการขยายตัวภายในภูมิภาคเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและกระจายความเสี่ยงแทน นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทขนาดใหญ่เริ่มที่จะทำการกระจายห่วงโซ่อุปทานและเปลี่ยนการใช้ซัพพลายเออร์รายเดียว (single sourcing) ในขณะที่บริษัทขนาดเล็กเลือกที่จะใช้วิธีการโลคัลไลเซชัน 

นอกจากนี้ยังพบว่ามีประเทศที่ภาคธุรกิจกำลังลงทุนหรือวางแผนที่จะทำในปีหน้า เช่น อินโดนีเซีย บังคลาเทศ เกาหลีใต้ เมียนมาร์ มาเลเซีย ศรีลังกา อินเดีย จีน เวียดนาม ฯลฯ โดยปัจจัยที่ทำให้ประเทศเหล่านี้เป็นที่น่าลงทุน อาทิ ค่าแรง สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ   เงินอุดหนุน/สิ่งจูงใจจากรัฐบาล เสถียรภาพทางการเมือง 

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวสามารถดูได้ที่ Citi Report The Future of Asia-Pacific supply chains รวมถึงติดต่อธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย หรือ www.citibank.co.th  

ธนาคารซิตี้แบงก์ เผยผลรายงานการวิจัยเรื่อง อนาคตของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Disruption, Digitization, Resilience: The Future of Asia-Pacific supply chains)” จัดทำโดย “The Economist Intelligence Unit” (EIU)  สำรวจข้อมูลช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 จากบริษัททั่วโลกครอบคลุมอุตสาหกรรมหลัก 6 ประเภท ประกอบด้วย 1.ยานยนต์ 2.รองเท้าและเครื่องแต่งกาย 3.อาหารและเครื่องดื่ม 4.การผลิต 5.ไอที/เทคโนโลยี/อิเล็กทรอนิกส์ และ 6.การดูแลสุขภาพ/ยาเทคโนโลยีชีวภาพ พบว่า 5 ปัจจัยของการหยุดชะงักในซัพพลายเชนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19  ได้แก่ หยุดการผลิต 36.4% ตามมาด้วยปัญหาการขนส่งทางอากาศ ทะเล รถไฟ และถนน 20.9% ปัญหาการเข้าถึงวัตถุดิบการผลิตหลัก เช่น ฝ้าย แร่เหล็ก แร่หายาก 17.3%  ข้อจำกัดทางการค้า เช่น การควบคุมการส่งออก ภาษีนำเข้า 11.8% และการเข้าถึงปัจจัยการผลิตของสินค้าขั้นกลาง เช่น เหล็ก ส่วนประกอบ เซมิคอนดักเตอร์ 6.4%

โดยภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบเรียงจากมากไปน้อยคือยานยนต์ ตามด้วยรองเท้าและเครื่องแต่งกาย การผลิต อาหารและเครื่องดื่ม การดูแลสุขภาพ/ยา/เทคโนโลยีชีวภาพ และไอที/เทคโนโลยี/อิเล็กทรอนิกส์ ตามลำดับ ซึ่งสาเหตุหลักของการหยุดชะงักในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์คือหยุดการผลิต และข้อจำกัดทางการค้า เช่น การควบคุมการส่งออก รวมถึงการเข้าถึงวัตถุดิบหรือปัจจัยการผลิตหลัก การจัดหาเทคโนโลยี รวมถึงการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเป็นปัญหาอย่างมาก ในขณะที่ด้านการขนส่งเป็นสาเหตุสำคัญของการหยุดชะงักของซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนปัจจัยการเข้าถึงวัตถุดิบหรือข้อมูลเบื้องต้นเป็นสาเหตุสำคัญของการหยุดชะงักของซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพและเภสัชกรรม เป็นต้น 

นอกจากนี้จากผลสำรวจยังเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ซัพพลายเชนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา พบว่า 44.6% ดำเนินการเปลี่ยนแปลงบางอย่างแต่กลยุทธ์หลักยังคงเหมือนเดิม 32.6% กำลังดำเนินการยกเครื่องกลยุทธ์ใหม่ทั้งหมด และ 22.9% ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดย 5 กลยุทธ์หลักสำหรับการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ 1.  การกระจายความหลากหลาย เช่น ปรับซัพพลายเชนของบริษัทให้มาจากซัพพลายเออร์ที่หลากหลาย หรือขายในตลาดที่กว้างขึ้น 2. ย้ายซัพพลายเชนของบริษัทไปยังประเทศรอบ ๆ ตลาดหลัก หรือตลาดของผู้ใช้ปลายทาง 3. การโลคัลไลเซชันด้วยการย้ายซัพพลายเชนให้อยู่ในตลาดหลักหรือตลาดผู้ใช้ปลายทาง 4. ย้ายการผลิตกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของบริษัท และ 5. China Plus One แนวคิดการลงทุนในประเทศอื่นที่ไม่ใช่จีนอย่างเดียว อย่างไรก็ดียังพบว่าอุตสาหกรรมไอที เทคโนโลยี และอิเล็กทรอนิกส์ มีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ซัพพลายเชนน้อยกว่าภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ เนื่องจากการผลิตในอุตสาหกรรมนี้ต้องมีความเชี่ยวชาญสูง และมีความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกในการผลิตเฉพาะทาง ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายเนื่องจากความซับซ้อนเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ

พร้อมกันนี้ผลสำรวจยังเผยให้เห็นประเทศที่บริษัทต่างๆ ลงทุนตลอดทั้งปีที่ผ่านมาหรือกำลังวางแผนที่จะทำในปีหน้า โดยบริษัทในเอเชียมีการลงทุนในประเทศ อินโดนีเซีย บังคลาเทศ ออสเตรเลีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ เมียนมาร์ มาเลเซีย และศรีลังกา ในขณะบริษัทที่อยู่ในอเมริกาเหนือและยุโรปมีความสนใจลงทุนในฟิลิปปินส์ อินเดีย จีน สิงคโปร์ เวียดนาม และญี่ปุ่น โดยปัจจัยที่ทำให้ประเทศเหล่านี้เป็นที่น่าลงทุนจากมากไปน้อย ประกอบด้วย 1.ค่าแรง 2.ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ 3.เข้าถึงตลาดหลัก   โครงสร้างพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ  4.ผลผลิต  5.ฝีมือแรงงาน  6.เงินอุดหนุน/สิ่งจูงใจจากรัฐบาล และทักษะต่าง ๆ  7.การแปลงสกุลเงิน 8.เสถียรภาพทางการเมือง และอัตราภาษี  9.การเข้าถึงการเงิน  ตามลำดับ 

สุดท้ายนี้ผลสำรวจแสดงให้เห็นถึงความกังวลในอนาคตที่อาจส่งผลกระทบ  พบว่าบริษัททั่วโลกส่วนใหญ่มีความกังวลในเรื่อง 1. โรคระบาดครั้งต่อไป 2. การล่มสลายของระบบการค้าโลก และ 3. วิกฤตเศรษฐกิจหรือการเงิน  ตามลำดับ อย่างไรก็ตามการระบาดของโรคโควิด-19 ได้นำไปสู่การเพิ่มการลงทุนในเครื่องมือและกระบวนการดิจิทัลเพื่อจัดการซัพพลายเชน โดยบริษัทส่วนใหญ่มีการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในเครื่องมือและกระบวนการดิจิทัล ทั้งกระบวนการผลิต การบริการลูกค้า การคาดการณ์ความต้องการซื้อและความต้องการขาย การจัดการสินค้าคงคลัง ฯลฯ ซึ่งเหตุผลหลักในการลงทุนในเครื่องมือและกระบวนการดิจิทัลมีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น บริษัทในเอเชียส่วนใหญ่ลงทุนในเครื่องมือดิจิทัลเพื่อปรับปรุงการบริการลูกค้าและการจัดการสินค้าคงคลัง รวมถึงการลงทุนในกระบวนการดิจิทัลสำหรับคู่ค้า คือการคาดการณ์การผลิต และการคาดการณ์ความต้องการซื้อและความต้องการขาย 

 รายงานดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่าทุกภาคอุตสาหกรรมต่างมีการตอบสนองต่อความท้าทายต่าง ๆ ที่กำลังเผชิญ ซึ่งทั้งหมดล้วนมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อรักษาความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจในระยะยาว รวมถึงทำให้ภาคธุรกิจในภูมิภาคมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซิตี้แบงก์ในฐานะธนาคารชั้นนำที่มีการดำเนินงานอยู่ในกว่า 100 ตลาดทั่วโลก มีความมุ่งมั่นในการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายด้วยความสามารถในการให้คำปรึกษาผสานความเชี่ยวชาญในระดับท้องถิ่น พร้อมการเดินหน้าสำรวจภาคธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อการปรับให้เข้ากับท้องถิ่นหรือเปลี่ยนตำแหน่งใหม่เพื่อเข้าใกล้ตลาดปลายทาง หรือขยายไปสู่ตลาดใหม่เพื่อลดต้นทุนและกระจายซัพพลายเชน โดยให้มีความสมดุลระหว่างความยืดหยุ่นและการเติบโต ซึ่งทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ควบคู่ไปกับการเป็นพันธมิตรกับลูกค้านักลงทุนอย่างใกล้ชิด 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวสามารถดูได้ที่ Citi Report The Future of Asia-Pacific supply chains รวมถึงติดต่อธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย หรือ www.citibank.co.th