นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (Insurer Financial Strength : IFS) จากฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) อยู่ที่ ‘A-‘ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS) ที่ ‘AAA(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งถือเป็นอันดับเครดิตในระดับประเทศที่สูงที่สุดแล้ว ทั้งนี้ การคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลและอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศของบริษัทฯ สะท้อนถึงโครงสร้างธุรกิจประกันชีวิตที่แข็งแรง (Favorable Business Profile) ฐานะทางการเงินที่แข็งแรงและระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ซึ่งปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิตดังกล่าวช่วยบรรเทาความเสี่ยงของบริษัทฯ ในด้านการลงทุนและสินทรัพย์เสี่ยงที่ถูกกดดันจากภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำและความผันผวนของตลาดทุน
โดยฟิทช์ เรทติ้งส์ ให้ความเห็นว่า โครงสร้างธุรกิจประกันชีวิตของเมืองไทยประกันชีวิต อยู่ในระดับแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรม เครือข่ายทางธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ โดยสะท้อนจากการมีส่วนแบ่งทางการตลาดขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และยังได้รับการสนับสนุนอย่างใกล้ชิดทางด้านการดำเนินงานและเทคนิคจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท อีกทั้ง มีการกระจายตัวของโครงสร้างธุรกิจที่ดีโดยพิจารณาจากผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ครอบคลุม ฐานลูกค้าที่มีการกระจายตัวภายในประเทศ และสามารถให้บริการผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ดังนั้น จากมุมมองดังกล่าว ฟิทช์ เรทติ้งส์จึงให้อันดับ ‘A-’ ในด้านโครงสร้างธุรกิจประกันชีวิต (business profile credit factor score) แก่บริษัทฯ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของฟิทช์
อีกทั้ง ยังมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามระดับความเสี่ยงของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่แข็งแรงโดยสะท้อนจากระดับของเงินกองทุนที่ 402% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่ 140% และถือว่าอยู่ในระดับแข็งแกร่ง (‘Strong’) เช่นเดียวกับปัจจัยด้านผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ยังคงมีการดำเนินงานที่แข็งแรงต่อเนื่อง ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายการรับประกันภัยที่รัดกุมและจากผลตอบแทนของเงินลงทุนที่สม่ำเสมอ โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เฉลี่ยที่ 2% ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2562 ซึ่งยังสอดคล้องกับเกณฑ์ของฟิทซ์ที่วางไว้
สำหรับนโยบายการลงทุนนั้น บริษัทฯ มีแผนอาจจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นบ้าง เพื่อเพิ่มโอกาสได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับที่สูงขึ้นในระยะยาว โดยสัดส่วนการลงทุนยังคงเป็นไปตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการควบคุมความเสี่ยงของการลงทุนผ่านการกำหนดนโยบายการลงทุนอย่างระมัดระวังและรักษาสมดุลระหว่างผลตอบแทนที่จะได้รับ ความเสี่ยงของการลงทุน และค่าความเสี่ยงของการคำนวณเงินกองทุน
นายสาระ กล่าวเสริมว่า เมืองไทยประกันชีวิตให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแกร่งมาโดยตลอด เพราะบริษัทฯ อยู่ในธุรกิจการเงิน ความน่าเชื่อถือไว้วางใจที่ผู้บริโภคมีต่อบริษัทฯนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก และ “ฟิทช์ เรทติ้งส์” ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับนานาชาติ จึงเป็น “คนกลาง” ที่เข้ามาช่วยยืนยันสถานะความมั่นคงแข็งแกร่งของเมืองไทยประกันชีวิตได้เป็นอย่างดี” นายสาระ กล่าว