Monday, 10 February 2025 | 5 : 43 pm
spot_img
spot_img

4Quarter.co

Monday, 10 February 2025 | 5 : 43 pm
spot_img
เมืองไทยประกันชีวิต ปลี้ม แคมเปญ “Care Plus พลัสความแคร์ให้คนที่แคร์แต่คนอื่น” คว้ารางวัลสุดยอดแคมเปญการตลาด จากเวที Marketing Award of Thailand 2024   •   ไทยประกันชีวิต ชูกลยุทธ์สร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนทุกด้านนำเทคโนโลยีเสริมศักยภาพการพัฒนางาน-พัฒนาคน   •   วิริยะประกันภัย เดินหน้าส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษ ให้กับลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ V Travel Comprehensive   •   “เคทีซี” ต้อนรับเดือนแห่งความรัก มอบความคุ้มค่านักช้อปออนไลน์ พร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษี   •   SAM นำทรัพย์กลางกรุง ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม เปิดประมูลปลาย ก.พ. นี้ ชูตัวทรัพย์ราคาดี ตั้งอยู่บนทำเลเด่น เชิญชวนผู้สนใจร่วมเป็นเจ้าของ   •   ธ.ก.ส. เดินหน้าโครงการชะลอเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง พร้อมขยายเวลาชำระหนี้ เพิ่มเงินทุนหมุนเวียน ช่วยเหลือเกษตรกร   •   วิริยะประกันภัย จัดพิธีลงนามเซ็นสัญญาคู่ค้า ภาค 5 (ภาคใต้)   •   ไทยประกันชีวิต สนับสนุน Run to Remember 2024 เดินหน้าพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน   •   กองทุนประกันชีวิต และ กองทุนประกันวินาศภัยร่วมทำบุญ ฉลองครบรอบ 17 ปีแห่งการสถาปนา   •   กรุงเทพประกันภัย ห่วงใยสังคม มอบเงินบริจาคกว่า 1 ล้านบาท ให้แก่โรงพยาบาลสุโขทัย เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต่อการรักษาผู้ป่วย   •   สำนักงาน คปภ. มอบโชคใหญ่! ผู้โชคดีจากโครงการ Insure Mall Thailand 2024 รับรถยนต์ไฟฟ้า BYD DOLPHIN   •   OCEAN LIFE ไทยสมุทร จัดงาน “BKK BIG DREAM & BEST OF THE BEST” ผนึกกำลังที่ปรึกษาประกันชีวิต ฝันให้ใหญ่ ไปให้ถึงเป้าหมาย   •   เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัลสุดยอดองค์กรส่งเสริมสุขภาวะทางจิต Thai Mind Awards 2025 ต้นแบบการส่งเสริมสุขภาพใจพนักงาน พร้อมติดโผ 5 บริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในไทย ปี 2024 จาก “Best Places to Work”   •   อลิอันซ์ เปิดเผยรายงาน Allianz Global Pension Report 2568ชี้ระบบบำนาญทั่วโลกต้องมีการปฏิรูปอย่างจริงจัง   •   เมืองไทยประกันชีวิต จัดสัมมนา Muangthai Wealth Master 2025 หัวข้อ “โอกาสและความเสี่ยง ในยุคของการเปลี่ยนแปลง”
spot_img

KBank Private Banking ร่วมกับพันธมิตร Lombard Odier วิเคราะห์จุดจบโควิด-19 และผลกระทบตลาดการเงินโลก

ตลาดการเงินโลกผันผวนอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สร้างความตื่นกลัวให้นักลงทุน ในระดับใกล้เคียงกับวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2008 จนหลายประเทศต้องออกมาตรการพิเศษ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด และประคับประคองเศรษฐกิจ

ดร.แซมมี่ ชาร์ Chief Economist จาก Lombard Odier Geneva มองว่าหนทางที่วิกฤตโรคโควิด-19 จะดำเนินและจุดจบนั้น แบ่งออกเป็น 2 กรณี

กรณีฐาน (Base case)
• การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกสามารถควบคุมได้ภายในครึ่งปีแรกของปี จากมาตรการกักกันตัวที่ทั่วโลกบังคับใช้อยู่ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง 2020 และคาดว่าจะกลับสู่ภาวะปกติ (Pre-COVID19) ได้ภายในสิ้นปี 2021

ด้าน มร. โฮมิน ลี Asia Macro Strategist, Head of Portfolio Solutions, Asia, Lombard Odier ยกจีนเป็นกรณีศึกษาในเรื่องความสามารถการควบคุมการแพร่ระบาด และการกลับมาเปิดเศรษฐกิจผลักดันให้กิจกรรมทางธุรกิจกลับมาอย่างรวดเร็ว
• ล่าสุดมาตรการกักกันตัวเริ่มเห็นผลดี โดยในยุโรป และสหรัฐฯ อัตราการแพร่ระบาดเริ่มชะลอลง จนบางประเทศเริ่มมองหากำหนดการที่จะกลับมาเปิดประเทศตนเองอีกครั้ง
• มาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จากทั้งรัฐบาล และธนาคารกลางทั่วโลกจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อหลาย ๆ ประเทศกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง
• รัฐบาลหลายประเทศจะต้องเผชิญกับงบประมาณขาดดุล และระดับหนี้ภาครัฐฯ ที่สูงขึ้น แต่ทุกประเทศรู้ดีว่าเป็นสิ่งที่ควรต้องทำ และเมื่อสถานการณ์ดูดีขึ้น รัฐบาลต่าง ๆ จะสามารถลดงบประมาณขาดดุลลงดังที่เคยเกิดขึ้น 10 ปีหลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์

กรณีเลวร้าย (Worst case)
• การแพร่ระบาดไม่สามารถควบคุมได้ จนเกิดการแพร่ระบาดกลับมาในเอเชียระลอก 2 ส่งผลให้มาตรการกักกันตัว และปิดเมืองดำเนินต่อเนื่อง กิจกรรมทางธุรกิจยังอ่อนแรง ไม่สามารถเปิดเศรษฐกิจได้
• แทนที่จะเป็นภาวะช็อคเพียงชั่วคราวตามกรณีฐาน เศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะถดถอยระยะยาว

ด้าน นางสาว ศิริพร สุวรรณการ Managing Director, Financial Advisory Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย ให้คำแนะนำในการจัดสรรพอร์ตการลงทุนจากการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง KBank Private Banking ได้ปรับคำแนะนำในพอร์ต K-Alpha ให้อยู่ในโหมดระมัดระวัง มาตั้งแต่ปี 2019 ที่ราคาสินทรัพย์พุ่งขึ้นภายใต้เศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงท้ายวัฏจักรของการเติบโตหรือ Late cycle โดยแบ่งเป็น
• พอร์ตหลัก หรือ CORE ที่มีกลไกกระจายความเสี่ยงอย่างดี ด้วยกลยุทธ์การลงทุนแบบ Risk-based Allocation ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ความเสี่ยงในสินทรัพย์เสี่ยงพุ่งขึ้นสูงมาก ทำให้พอร์ตหลักลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น หันมาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้ รวมทั้งลดอัตราทด หรือ Leverage ลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลขาดทุนน้อยกว่าพอร์ตการลงทุนแบบดั้งเดิม
• พอร์ตเสริม หรือ Satellites ที่ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น เพิ่มทองคำ รวมทั้งเพิ่มการถือสินทรัพย์ใกล้เคียงเงินสดจำนวนหนึ่ง คือประมาณ 5-11% แล้วแต่ประเภทความเสี่ยงของพอร์ต ปัจจุบันเราเลือกลงทุน
o เฉพาะหุ้น จีน A Share ที่มีกลไกควบคุมความเสี่ยง
o หุ้นในธุรกิจ Megatrend เช่น เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ พลังงานแห่งอนาคต และการจัดการคุณภาพดินและน้ำ เป็นต้น
o REITs หรือกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่กระจายความเสี่ยงในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
o ตราสารหนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯของผู้ออกที่ในภูมิภาคเอเชีย
o สินทรัพย์ที่เน้นให้ผลตอบแทนไม่สอดคล้องกับตลาด (Uncorrelated) อย่างทองคำ รวมถึงกลยุทธ์ Long/Short ตราสารหนี้ และอัตราแลกเปลี่ยน

spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img