Monday, 10 February 2025 | 5 : 10 pm
spot_img
spot_img

4Quarter.co

Monday, 10 February 2025 | 5 : 10 pm
spot_img
เมืองไทยประกันชีวิต ปลี้ม แคมเปญ “Care Plus พลัสความแคร์ให้คนที่แคร์แต่คนอื่น” คว้ารางวัลสุดยอดแคมเปญการตลาด จากเวที Marketing Award of Thailand 2024   •   ไทยประกันชีวิต ชูกลยุทธ์สร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนทุกด้านนำเทคโนโลยีเสริมศักยภาพการพัฒนางาน-พัฒนาคน   •   วิริยะประกันภัย เดินหน้าส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษ ให้กับลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ V Travel Comprehensive   •   “เคทีซี” ต้อนรับเดือนแห่งความรัก มอบความคุ้มค่านักช้อปออนไลน์ พร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษี   •   SAM นำทรัพย์กลางกรุง ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม เปิดประมูลปลาย ก.พ. นี้ ชูตัวทรัพย์ราคาดี ตั้งอยู่บนทำเลเด่น เชิญชวนผู้สนใจร่วมเป็นเจ้าของ   •   ธ.ก.ส. เดินหน้าโครงการชะลอเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง พร้อมขยายเวลาชำระหนี้ เพิ่มเงินทุนหมุนเวียน ช่วยเหลือเกษตรกร   •   วิริยะประกันภัย จัดพิธีลงนามเซ็นสัญญาคู่ค้า ภาค 5 (ภาคใต้)   •   ไทยประกันชีวิต สนับสนุน Run to Remember 2024 เดินหน้าพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน   •   กองทุนประกันชีวิต และ กองทุนประกันวินาศภัยร่วมทำบุญ ฉลองครบรอบ 17 ปีแห่งการสถาปนา   •   กรุงเทพประกันภัย ห่วงใยสังคม มอบเงินบริจาคกว่า 1 ล้านบาท ให้แก่โรงพยาบาลสุโขทัย เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต่อการรักษาผู้ป่วย   •   สำนักงาน คปภ. มอบโชคใหญ่! ผู้โชคดีจากโครงการ Insure Mall Thailand 2024 รับรถยนต์ไฟฟ้า BYD DOLPHIN   •   OCEAN LIFE ไทยสมุทร จัดงาน “BKK BIG DREAM & BEST OF THE BEST” ผนึกกำลังที่ปรึกษาประกันชีวิต ฝันให้ใหญ่ ไปให้ถึงเป้าหมาย   •   เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัลสุดยอดองค์กรส่งเสริมสุขภาวะทางจิต Thai Mind Awards 2025 ต้นแบบการส่งเสริมสุขภาพใจพนักงาน พร้อมติดโผ 5 บริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในไทย ปี 2024 จาก “Best Places to Work”   •   อลิอันซ์ เปิดเผยรายงาน Allianz Global Pension Report 2568ชี้ระบบบำนาญทั่วโลกต้องมีการปฏิรูปอย่างจริงจัง   •   เมืองไทยประกันชีวิต จัดสัมมนา Muangthai Wealth Master 2025 หัวข้อ “โอกาสและความเสี่ยง ในยุคของการเปลี่ยนแปลง”
spot_img

คปภ. ขานรับมติ ครม. เดินหน้าโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563

คปภ. ขานรับมติ ครม. เดินหน้าโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 เผยโฉม 4 แบบกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีให้เกษตรกรนำไปใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง สู้ภัยธรรมชาติและฝ่าวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยเป็นการดำเนินโครงการต่อเนื่องจากปี 2562 เพื่อให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวนาปี ได้มีเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และภัยจากศัตรูพืช หรือโรคระบาด ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดเป้าหมายสูงสุด 45.7 ล้านไร่ และภาครัฐให้การสนับสนุนค่าเบี้ยประกันภัย จำนวนเงินทั้งสิ้น 2,910.39 ล้านบาท โดยมติครม.ดังกล่าว ได้มอบหมายให้ สำนักงาน คปภ. ปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีให้เป็นไปตามรูปแบบ และหลักเกณฑ์การรับประกันภัยของโครงการฯ ปีการผลิต 2563 รวมทั้งอนุมัติกรมธรรม์และอัตราเบี้ยประกันภัยให้แล้วเสร็จและสามารถเริ่มรับประกันภัยในปีการผลิต 2563 ได้ทันที ภายหลังคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโครงการฯ ปีการผลิต 2563 และดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต 2563 ในภาพรวมและเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้เตรียมความพร้อมและ เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 ตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว โดยปีนี้ได้มีการปรับปรุงกรมธรรม์ข้าวนาปีให้มีความพิเศษและเหมาะสมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 ตนในฐานะนายทะเบียนได้ลงนามให้ความเห็นชอบแบบและข้อความกรมธรรม์ประกันภัยและอัตราเบี้ยประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำนวน 4 แบบกรมธรรม์ ดังนี้

  1. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 เพื่อกลุ่มลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
  2. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 เพื่อกลุ่มเกษตรกรพื้นที่เสี่ยงภัยต่ำ
  3. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 สำหรับกลุ่มเกษตรกรรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) และ
  4. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 สำหรับกลุ่มเกษตรกรรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ส่วนเพิ่ม

โดยมีบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 จำนวน 17 บริษัท ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เจพีประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยไพบูลย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ฟอลคอนประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันส์ จำกัด สาขาประเทศไทย บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอลเอ็มจีประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยเริ่มรับประกันภัยในปีการผลิต 2563 ได้ทันทีภายหลังคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโครงการฯ และวันสิ้นสุดการขายจะแตกต่างกันไปตามภูมิศาสตร์ คือ วันที่ 30 เมษายน 2563 วันที่ 31 พฤษภาคม 2563 และวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ยกเว้น 14 จังหวัดภาคใต้วันที่ 31 ธันวาคม 2563

โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 สำหรับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. จะจ่ายเบี้ยประกันภัย (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ในส่วนความคุ้มครองพื้นฐาน (ส่วนที่ 1) อยู่ที่ 97 บาทต่อไร่ ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยรัฐบาลอุดหนุน 58 บาทต่อไร่ และ ธ.ก.ส. อุดหนุนอีก 39 บาทต่อไร่ ส่วนเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ที่จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยเพิ่มเอง และเกษตรกรทั่วไป จะจ่ายตามพื้นที่ความเสี่ยงภัย (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ถ้าเป็นพื้นที่สีแดงมีความเสี่ยงภัยสูง จ่ายเบี้ยประกันภัย 230 บาทต่อไร่ รัฐบาลอุดหนุน 58 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่ายเอง 172 บาทต่อไร่ พื้นที่สีเหลืองมีความเสี่ยงภัยปานกลาง จ่ายเบี้ยประกันภัย 210 บาทต่อไร่ รัฐบาลอุดหนุน 58 บาทต่อไร่ ส่วนที่เหลือเกษตรกรจ่ายเอง 152 บาทต่อไร่ และพื้นที่สีเขียว จ่ายเบี้ยประกันภัย 58 บาทต่อไร่ รัฐบาลอุดหนุน 58 บาทต่อไร่ สำหรับอัตราเบี้ยประกันภัยความคุ้มครองส่วนเพิ่ม (ส่วนที่ 2) เกษตรกรจะจ่ายเบี้ยประกันภัยเองทั้งหมดตามพื้นที่ความเสี่ยงภัย โดยถ้าเป็นพื้นที่สีแดงมีความเสี่ยงภัยสูง จ่ายเบี้ยประกันภัย 101 บาทต่อไร่ พื้นที่สีเหลืองมีความเสี่ยงภัยปานกลาง จ่ายเบี้ยประกันภัย 48 บาทต่อไร่ และพื้นที่สีเขียว จ่ายเบี้ยประกันภัย 24 บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม)

กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยน้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้ง หรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และภัยจากช้างป่า สำหรับความคุ้มครองพื้นฐาน (ส่วนที่ 1) อยู่ที่ 1,260 บาทต่อไร่ ความคุ้มครองส่วนเพิ่ม (ส่วนที่ 2) อยู่ที่ 240 บาทต่อไร่ และภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด ตามความคุ้มครองพื้นฐาน (ส่วนที่ 1) อยู่ที่ 630 บาทต่อไร่ ความคุ้มครองส่วนเพิ่ม (ส่วนที่ 2) อยู่ที่ 120 บาทต่อไร่ โดยภัยดังกล่าวผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ดังนั้น เกษตรกรที่ทำประกันภัย (ส่วนที่ 1 + ส่วนที่ 2) ในคราวเดียวกัน จะได้รับความคุ้มครองอยู่ที่ 1,500 บาทต่อไร่ และจะได้รับความคุ้มครองจากภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด 750 บาทต่อไร่

เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เกษตรกรชาวนาและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 สำนักงาน คปภ. จึงได้จัดทำโครงการ “อบรมความรู้ประกันภัย Training for the Trainers” สำหรับการประกันภัยข้าวนาปีต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยในปีนี้จะมีการลงพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประกันภัยข้าวนาปี จำนวน 5 ครั้ง ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี อุตรดิตถ์ กาฬสินธุ์ และ พัทลุง อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงมีความรุนแรงและต่อเนื่อง สำนักงาน คปภ. จึงได้เตรียมความพร้อมในการให้ความรู้แบบคู่ขนานไปกับการลงพื้นที่ ด้วยการปรับวิธีการให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยจัดทำวีดิทัศน์การบรรยายความรู้จากวิทยากร 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงาน คปภ. สมาคมประกันวินาศภัยไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการเกษตร และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำหรับถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกร เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน

นอกจากนี้ ได้ดำเนินการผลิตสื่อความรู้ในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มช่องทางให้เกษตรกรชาวนาสามารถเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น เช่น การจัดทำสื่อวีดิทัศน์ในรูปแบบกราฟฟิกเคลื่อนไหว (Motion graphic) การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเกษตรกร (influencer) ในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้ การจัดทำสื่อความรู้ในรูปแบบคลิปเสียง การจัดทำข้อมูลความรู้เพื่อเผยแพร่ผ่าน Application “กูรูประกันข้าว” โดยสามารถดาวน์โหลดผ่าน QR code รวมถึงการผลิตสื่อความรู้ในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ โดยจะได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเผยแพร่สื่อความรู้ต่างๆ ผ่านช่องทางที่เข้าถึงเกษตรกรชาวนาให้มากที่สุด

“สำนักงาน คปภ. มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวนาไทย
ให้มีความมั่นคง เนื่องจากอาชีพทำนามีความเสี่ยงสูง เพราะต้องพึ่งพิงปัจจัยทางธรรมชาติ จึงจำเป็นต้องมีระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงและสร้างภูมิคุ้มกัน ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนเกษตรกรชาวนาทุกคนให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยข้าวนาปี ซึ่งปีนี้มีกรมธรรม์ให้เลือกถึง 4 แบบ ทั้งแบบกรมธรรม์ที่รัฐบาลให้การอุดหนุนเบี้ยประกันภัยและแบบกรมธรรม์ที่เกษตรกรชาวนาสามารถซื้อเพื่อเพิ่มความคุ้มครองด้วยตัวเอง ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img