กรุงเทพฯ (8 ธันวาคม 2565) – เทนเซ็นต์ คลาวด์ กลุ่มธุรกิจคลาวด์ ภายใต้เทนเซ็นต์ หนึ่งในผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำระดับโลก ในฐานะ ‘Digital Enabler’ ที่ต้องการสนับสนุนองค์กรไทยให้เร่งปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง และสามารถขยายศักยภาพ ด้วยโซลูชันคลาวด์ และเอไอที่มีประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และปลอดภัย ล่าสุดร่วมงาน Digital Night 2022 ที่จัดขึ้นโดย 7 สมาคมด้านดิจิทัลที่มีบทบาทในการผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในประเทศไทย ประกอบด้วย สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) สมาคมไทยไอโอที (Thai IoT) สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย (Thai Startup) สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย (TPA) สมาคมการค้าผู้ประกอบการเทคโนโลยีดิจิทัล (DTEA) สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (Thai E-Commerce) และสมาคมเมตาเวิร์สไทย (Thai Metaverse)
ภายในงานเทนเซ็นต์ คลาวด์ได้ร่วมจัดบูธให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของเทนเซ็นต์ คลาวด์ ที่มีความยืดหยุ่น ครอบคลุมความต้องการอันหลากหลายของแต่ละธุรกิจ โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านคลาวด์ และเอไอสำหรับองค์กรธุรกิจ เป็นผู้ให้ข้อมูล อาทิ
• Tencent Cloud EdgeOne แพลตฟอร์มที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัยและความรวดเร็วของเครือข่าย โดยสามารถออกแบบและปรับเปลี่ยนระบบต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละองค์กรได้อย่างเต็มรูปแบบ
• Tencent Real-Time Communication ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างโซลูชันด้านการสื่อสารผ่านวิดีโอ ข้อความเสียง การถ่ายทอดสด และการบันทึกข้อมูลการสนทนาที่มีเสถียรภาพ และใช้เวลาในการส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้สามารถสื่อสารกับบุคคลปลายทางได้อย่างราบรื่น
• Tencent Cloud Web3 & Metaverse บริการชุดเครื่องมือและโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้งานง่าย และปลอดภัย เปิดให้ผู้ใช้สามารถสร้าง และปรับขนาดของ Web3 ได้ เพื่อช่วยในการต่อยอดธุรกิจและการเข้าถึงลูกค้ารายใหม่นอกจากนี้ ยังเป็นบริการแบบครบวงจรที่สนับสนุนองค์กรในการสร้างโลกเสมือน (Metaverse)
สำหรับเทนเซ็นต์ คลาวด์ ถือเป็นหนึ่งผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำระดับโลก ที่มุ่งตอบโจทย์การเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวให้กับองค์กรและบริษัทในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยเครือข่ายที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง ผสานความเชี่ยวชาญ และความเข้าใจเชิงลึกในด้านการให้บริการแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ ความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานจากพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุม 70 พื้นที่ใน 26 ภูมิภาคทั่วโลก และการมีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยถึง 2 แห่ง ที่ช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว เสถียร และปลอดภัย