Thursday, 25 April 2024 | 10 : 15 pm

4Quarter.co

Thursday, 25 April 2024 | 10 : 15 pm
กสิกรไทย ปรับโครงสร้างคณะกรรมการ ลดจำนวนกรรมการเป็น 15 คนจาก 18 คน เพิ่มสัดส่วนกรรมการอิสระเกินกว่ากึ่งหนึ่ง ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสอดคล้องมาตรฐานสากล   •   เอสซีจี แถลงผลประกอบการ ไตรมาส 1 ปี 2567 ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เดินหน้านวัตกรรมกรีนต่อเนื่อง เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด รุกธุรกิจในตลาดเติบโตสูง   •   การเคหะแห่งชาติ ร่วมรับรางวัล “รัฐวิสาหกิจดีเด่นด้านการส่งเสริมและพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน” ภายในงาน “มอบรางวัล SIAMRATH AWARDS 2024”   •   ทิพยประกันภัย ปลุกกระแสประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพแพทย์ สร้างความอุ่นใจให้แพทย์ มอบความคุ้มครองสูงสุดถึง 6 ล้านบาท   •   องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี จับมือ เคทีซี เดินหน้าขยายฐานนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “Korea Everything” ทุกสิ่งเป็นจริงที่เกาหลี   •   OCEAN LIFE ไทยสมุทร จัดกิจกรรม “SMART HEALTHY CHALLENGE 2024” ดูแลสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก นำทุกคนก้าวสู่โลกใหม่เพื่อชีวิตและสุขภาพที่ดี   •   “สำนักงาน คปภ. – ภาคธุรกิจประกันภัย” เตรียมความพร้อมรองรับมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย (TFRS 17)   •   สมัครบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า รูดช้อปรับคุ้ม! รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5%   •   เอไอเอ ประเทศไทย สนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุฟรี แก่เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2   •   ทิพยประกันภัย คว้าสุดยอด 2 รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ รางวัลผู้บริหารองค์กรดีเด่นแห่งปี และรางวัลบริษัทประกันภัยที่ส่งเสริมความยั่งยืนด้านการพัฒนาสังคมยอดเยี่ยม   •   ศุภาลัย ผนึก ทีโอเอ ปั้นนวัตกรรมที่อยู่อาศัยสีเขียว ผุดโปรเจกต์ยักษ์ ‘ฝ้ายิปซัม & สีรักษ์โลก’ เดินหน้าสู่องค์กร Zero Waste อย่างยั่งยืน   •   ออมสิน รับรางวัลองค์กรแห่งความยั่งยืนเพื่อสังคม   •   ธ.ก.ส. จับรางวัลชำระดีมีโชค ครั้งที่ 2 มอบโชคอีกกว่า 208 ล้านบาท ส่งเสริมแนวทางลดภาระหนี้อย่างยั่งยืน   •   ทีทีบี เสริมศักยภาพเอสเอ็มอี ด้วยฟีเจอร์ใหม่ “analytic report” ภายใต้แอปพลิเคชันจัดการร้านค้า ttb smart shop วิเคราะห์ข้อมูลการขายเชิงลึก ครบทุกมิติ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย   •   เมืองไทยประกันชีวิต รับรางวัลสุดยอดองค์กรธุรกิจไทย “THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024” ต่อเนื่องปีที่ 6   •   “อารีเกเตอร์” จับมือ มูลนิธิเมาไม่ขับ รณรงค์สงกรานต์ปลอดภัย 2567 ชวนสมาชิกส่งมอบประกันอุบัติเหตุให้ประชาชน   •   ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น 2567   •   เคทีซี สานต่อโครงการรับนักศึกษาฝึกงาน KTC COOP รุ่นที่ 4 มุ่งพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้พร้อมสู่โลกการทำงาน   •   กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต จับมือพันธมิตรภาครัฐ และเอกชน สานต่อกิจกรรมใหญ่ “Save Our Sea ปีที่ 2” ย้ำนโยบายหลักด้าน Climate Change & Biodiversity   •   กสิกรไทย ผนึกกำลังเจพีมอร์แกน เปิดตัวโปรเจกต์คารินา ดึงศักยภาพบล็อกเชน ลดระยะเวลาธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ   •   SPALI ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 1.45 บาท   •   วิริยะประกันภัย ผนึกกำลังหน่วยงานภาครัฐ แก้ไขจุดเสี่ยงเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน โซนภาคอีสาน   •   ซีพีแรม ทุกแห่งทั่วประเทศ ขานรับนโยบายเครือเจริญโภคภัณฑ์ ชู CPRAM Green Life #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน เป็นปีที่ 11 หวังเพิ่มพื้นที่สีเขียวบนผืนแผ่นดินไทย   •   อลิอันซ์ อยุธยา เฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 73 เคียงข้างคนไทย   •   เคทีซี จับมือ คาเธ่ย์ ปลูกต้นไม้ในป่าชายเลน 4,000 ต้น ต่อยอดโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น”   •   บัตรเครดิต ttb ชวนมาอิ่มคุ้ม กิน 1,000.- ลด 100.- ในแคมเปญ Tasty Asian กับ 9 ร้านดังสไตล์เอเชียน   •   “centralwOrld Summer 2024 Trunk Show The List” ปรากฏการณ์แฟชั่นโชว์รูปแบบใหม่ เปลี่ยนศูนย์การค้าเป็นรันเวย์ อัพเดทเทรนด์แฟชั่นปรับลุครับซัมเมอร์   •   กรุงศรี คอนซูมเมอร์ คว้า 6 รางวัลใหญ่ จากงาน Retail Banker International Asia Trailblazer Awards 2024   •   กรุงเทพประกันชีวิต ใส่ใจพัฒนาสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้าน ยกระดับความสุขทั้งไลฟ์สไตล์ และ สุขภาพผ่านบีแอลเอ แฮปปี้ไลฟ์ คลับ   •   BAM จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567

คปภ. เปิดเกมรุกใหม่นำระบบประกันภัยให้ความคุ้มครองในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ผนึกพลัง “สกพอ.-หอการค้าไทย-สภาอุตสาหกรรม” ลงนาม MoU เติมเต็มองค์ความรู้ ด้านประกันภัยแบบครบวงจร

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566 ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) พร้อมด้วย ดร.ธัชพล กาญจนกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปฏิบัติการแทนเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก นายปรัชญา สมะลาภา รองประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก หอการค้าไทย ดร.สาโรจน์ วสุวานิช ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) เรื่องการบูรณาการองค์ความรู้และการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านประกันภัยในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ระหว่าง 4 หน่วยงาน คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก

โดยได้รับเกียรติจาก นายนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี คณะผู้บริหารระดับสูงของทั้ง 4 หน่วยงาน นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย นายสุนทร ธัญญวัฒนกุล ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 ประธานหอการค้าจังหวัด ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ EEC (ชลบุรี ระยอง และ ฉะเชิงเทรา) ผู้บริหารภาครัฐและเอกชน รวมถึงสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ศูนย์ปฏิบัติการโรงแรมเทาทอง มหาวิทยาลัยบูรพา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ระหว่าง 4 หน่วยงาน ในครั้งนี้เกิดจากสำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการโครงการและกิจกรรมที่เกี่ยวกับนโยบาย EEC ไปก่อนหน้านี้ อาทิ การจัดทำโครงการประเมินโอกาสและศักยภาพของอุตสาหกรรมประกันภัยจากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง Pilot Project เพื่อศึกษาโอกาสที่ธุรกิจประกันภัยไทยจะเข้าไปรองรับความต้องการและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกการทำประกันภัยของกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภค รวมทั้งได้มีการจัดอบรมสัมมนาเรื่อง โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กับโอกาสของธุรกิจประกันภัย เพื่อเตรียมความพร้อมของอุตสาหกรรมประกันภัยไทยในการให้บริการ สร้าง Value Proposition และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่กลุ่มธุรกิจและประชาชน ตลอดจนการตั้งศูนย์ EEC สำนักงาน คปภ. ภาค 6 (ชลบุรี) ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (InsurEEC)

โดยศูนย์ดังกล่าวมีคณะทำงานบูรณาการด้านประกันภัย ซึ่งได้เข้าร่วมประชุมสภาอุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ EEC ในฐานะที่ปรึกษาเพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมิติด้านประกันภัยและนำเสนอรูปแบบการประกันภัยที่เหมาะสมและสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงของการประกอบธุรกิจ และการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนในพื้นที่ EEC ผ่านการบริหารจัดการความเสี่ยงและลดภาระด้านการเงิน พร้อมทั้งสร้างความยั่งยืนให้ผู้ประกอบการและสภาพแวดล้อมรอบข้างโดยให้ระบบประกันภัยเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการ EEC ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยในอนาคต

ทั้งนี้ จากการที่สำนักงาน คปภ. ได้จัดทำ Pilot Project โครงการประเมินโอกาสและศักยภาพของอุตสาหกรรมประกันภัยจากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อศึกษาโอกาสที่ธุรกิจประกันภัยไทยจะเข้าไปรองรับความต้องการและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกการทำประกันภัยของกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภค พบว่า ผลประมาณการในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) (ปี 2563-2580) ที่มีการลงทุนของภาครัฐ และส่งเสริมให้เกิดการลงทุนจากภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญทางเศรษฐกิจที่ช่วยให้ภาคธุรกิจประกันภัยเติบโตมากขึ้น โดยจะมีการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งภาคสาธารณะ อาทิ โครงข่ายระบบราง ท่าเรือ รวมถึงภาคเอกชน เช่น อาคารสำนักงาน โรงงาน เป็นต้น และการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ อาทิ การซื้อรถยนต์เชิงพาณิชย์ อีกทั้งยังทำให้เกิดการจ้างงานจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุปสงค์ต่อการประกันวินาศภัยเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ นโยบาย EEC ยังมีผลทางอ้อมที่ทำให้เศรษฐกิจพัฒนาและเติบโตมากขึ้น และประชากรมีระดับรายได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อุปสงค์ของทั้งการประกันชีวิตและประกันวินาศภัยเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7.5 ต่อปี และมีมูลค่า 2.0 ล้านล้านบาท ในปี 2580 โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์การประกันวินาศภัยจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10.4 ต่อปี และการประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงเติบโตเป็นร้อยละ 4.3 ต่อปี โดยคาดการณ์ความต้องการของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัย ได้แก่ การประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิดและการประกันภัยทรัพย์สิน ร้อยละ 15.5 ต่อปี และการประกันภัยอุบัติเหตุ ร้อยละ 12.9 ต่อปี การประกันอัคคีภัย ร้อยละ 4.8 ต่อปี การประกันภัยรถยนต์ ร้อยละ 4.7 ต่อปี การประกันภัยสุขภาพร้อยละ 3.4 ต่อปี และการประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 3.1 ต่อปี ส่วนความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันภัยของอุตสาหกรรม S-Curve ที่มีเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมการบินและขนส่ง และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อาทิ กลุ่ม Digital Group มีความต้องการความคุ้มครองใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น อาทิ ความบกพร่องของ AI, Cyber Attack และความเสียหายจากผู้ผลิตชิ้นส่วนสำหรับ Automation & Robotics เป็นต้น กลุ่ม BIO Group มีความต้องการความคุ้มครองใหม่ ๆ อาทิ ความเสียหายหรือแพ้จากการใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ความผิดพลาดจากการปนเปื้อน ผลเสียของการใช้สารเคมีที่มีอันตราย และความเสียหายจากห้องแล็บ Clinical Trial กลุ่ม Tourism & Wellness Group มีความต้องการความคุ้มครองใหม่ ๆ อาทิ การคุ้มครองการเดินทางเพื่อพักผ่อนแบบ luxurious ความผิดพลาดจากการรักษา ความผิดพลาดของภัตตาคารและผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว ความผิดพลาดจากการใช้เทคโนโลยีเกี่ยวกับการแพทย์ ความคุ้มครองความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนใหม่ และความคุ้มครองจากการดำเนินงาน เป็นต้น ในขณะเดียวกันความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันภัยของผู้บริโภค ภายหลังจากมีโครงการ EEC มีความต้องการทำประกันภัยสุขภาพเพิ่มขึ้น ตามด้วยการประกันภัยรถยนต์ การประกันภัยอุบัติเหตุ การประกันอัคคีภัยบ้าน และการประกันชีวิต

ดังนั้น สำนักงาน คปภ. จึงได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อต่อยอดโครงการและกิจกรรมที่ได้ดำเนินการไปแล้ว โดยพิธีลงนามดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงาน ซึ่งนับเป็นก้าวแรกของความร่วมมือเชิง Collaboration โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการประสานความร่วมมือและจัดให้มีกลไกที่ทั้ง 4 หน่วยงานจะสามารถปฏิบัติร่วมกันได้ในการเสริมสร้างองค์ความรู้ การแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลและนโยบาย รวมถึงประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการความเสี่ยง ด้วยระบบประกันภัยอย่างยั่งยืน

สำหรับกรอบแนวทางความร่วมมือที่ทั้ง 4 หน่วยงาน จะขับเคลื่อนร่วมกันมี 4 ด้านหลัก ๆ คือ ด้านแรก เกี่ยวกับงานวิชาการ โดยจะมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลทางวิชาการ ด้านที่ 2 เป็นการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย ด้านที่ 3 การประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านประกันภัยและด้านที่เกี่ยวข้องผ่านสื่อต่าง ๆ และด้านที่ 4 เป็นการจัดกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม รวมถึงประชาชนในเขตพื้นที่ EEC เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อบรรเทาความสูญเสียหรือความเสียหาย ซึ่งจะช่วยให้การประกอบธุรกิจสามารถดำเนินการไปด้วยความราบรื่น และช่วยเสริมศักยภาพรวมถึงขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า สำนักงาน คปภ. ได้กำหนดแผนพัฒนาการประกันภัยฉบับที่ 4 (พ.ศ.2564-2568) โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่ให้ระบบประกันภัยมีบทบาทในการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยใช้แนวทางการผลักดันให้นำประกันภัยไปใช้ในการบริหารความเสี่ยงของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐมากขึ้น ตลอดจนส่งเสริมธุรกิจประกันภัยให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เช่น การลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทที่อยู่ในพื้นที่ EEC โดยสำนักงาน คปภ. ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การลงทุนของบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัยให้สามารถลงทุนในหน่วยลงทุนที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน โดยขยายสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ลงทุนดังกล่าวจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 30 ของสินทรัพย์ลงทุน เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอีกด้วย

“การลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงานในครั้งนี้ทำให้เกิดการ Collaboration ที่เป็นรูปธรรมอย่างครบวงจร ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ทุกภาคส่วนจะได้ร่วมกันให้ระบบประกันภัยเข้ามามีส่วนในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศและสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนได้แบบยั่งยืนอย่างแท้จริง” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย