Monday, 2 October 2023 | 7 : 33 am

4Quarter.co

Monday, 2 October 2023 | 7 : 33 am
เริ่มแล้ววันนี้ การแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้ารายย่อยผ่าน BAAC Mobile   •   ทีทีบี ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยบัญชี ttb ME save รับดอกเบี้ยสูงสุดรวมโบนัส 2.20% มีผล 1 ต.ค. 66   •   การเคหะแห่งชาติ เปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอราคาค่าธรรมเนียมการได้สิทธิ์เช่าพื้นที่เพื่อประกอบกิจการตลาดและเพื่อประกอบการค้าในโครงการ ของการเคหะแห่งชาติ จำนวน 4 โครงการ   •   Zoom เปิดตัว Zoom AI Companion สำหรับผู้มีบัญชี Zoom แบบจ่ายเงิน มุ่งเป็นผู้ช่วยที่ขับเคลื่อนด้วย AI เจนเนอเรชั่นใหม่ เพื่อการทำงานร่วมกันและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้น   •   ส่อง 3 เทรนด์แห่งอนาคตธุรกิจอสังหาฯไทย “เวลเนส เรสซิเดนท์-อาคารประหยัดพลังงาน-คอนโดฯเลี้ยงสัตว์”   •   5 ความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับการทำประกัน   •   กองทุนประกันวินาศภัย ร่วมงานเสวนาเรื่อง “สิทธิเด็กไทยกับความปลอดภัยทางถนน” และร่วมจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนน   •   ออมสิน ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม ตามนโยบายรัฐบาล มุ่งผลักดันเศรษฐกิจฟื้นตัว   •   กรุงเทพประกันชีวิต ครบรอบ 72 ปี สานฝันจากพี่สู่น้อง สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีแก่เยาวชนไทย   •   ผอ.ออมสิน ร่วมงานสัมมนา ถอดรหัสลงทุนก้าวข้ามวิกฤต   •   การเคหะแห่งชาติ ชี้แจงพื้นที่บ่อนพนันไฮโลใจกลางตลาดในพื้นที่เขตลาดกระบัง “ไม่ใช่” พื้นที่ความรับผิดชอบของการเคหะแห่งชาติ ตรวจสอบแล้วเป็นพื้นที่ของเอกชน   •   “ศุภาลัย เลค วิลล์ ภูเก็ต” ปลื้ม! ผลตอบรับดีเกินคาดเปิดเฟสใหม่ 4 วัน กวาดยอดขายกว่า 200 ล้านบาท   •   SAM โกอินเตอร์เซ็น MOU กับ KAMCO บริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำเกาหลี พร้อมเตรียมความร่วมมือขยายตลาดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพสู่เอเชีย   •   gettgo จัดแคมเปญ “ครบรอบ gettgo 6 ปี ส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้คุณ” ลุ้นรับทองคำ-โปรโมชันพิเศษ ส่งมอบความสุขส่งท้ายปีแก่ลูกค้าคนสำคัญ   •   29 กันยายน วันหัวใจโลก (World Heart Day) รวมพลังน้ำใจ คืนชีวิตใหม่ ให้หัวใจดวงน้อย   •   นักพัฒนาชุมชนรุ่นใหม่ และนักบริบาล ทุ่มเท เสียสละทำงานเพื่อชุมชน คว้ารางวัลคุณธรรมระดับประเทศ มูลนิธิเอสซีจี ร่วมส่งเสริม หนุนคนเก่ง คนดี   •   ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง “ธนาคารไทยเครดิต” พร้อมเดินหน้าแผน IPO รุกธุรกิจการเงิน – ขยายพอร์ตสินเชื่อ   •   SCB CIO คาดเฟดปรับลดดอกเบี้ยไตรมาส 3 ปี 2567 แนะเลี่ยงลงทุนหุ้นกู้/หุ้นกลุ่มธุรกิจหนี้สูง รอจังหวะสะสมหุ้นสหรัฐ   •   กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต คว้า 2 รางวัลใหญ่ 3 ปีซ้อน จากเวทีระดับโลก World Business Outlook   •   ธ.ก.ส. ได้รับการจัดอันดับเครดิตเรทติ้งส์ สูงสุดที่ AAA (tha) และ F1+ (tha) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10   •   ซีพีแรม เปิดยุทธศาสตร์อาหารรองรับสังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์ในประเทศไทย อาหารสำหรับผู้สูงอายุด้วยเทคโนโลยีอาหารและโภชนาการ เสริมแกร่งอุตสาหกรรมอาหารของไทย   •   กสิกรไทย และ KBTG คว้ารางวัลสุดยอดองค์กรที่น่าร่วมงานด้วยจากนิตยสาร HR Asia   •   สมาคมเพื่อนชุมชน เดินหน้าหนุนทุนการศึกษา ระดับปริญญาตรี (ปีที่ 13) ระดับอาชีวศึกษา (ปีที่ 5) สานฝันเยาวชนจังหวัดระยองต่อเนื่อง   •   วิริยะประกันภัย รุกต่อยอดองค์ความรู้งานรับประกันภัย EV จัดอบรมรถยนต์ไฟฟ้า ภาคกลางและภาคตะวันตก   •   “ออมสิน” ร่วมภาคี น้อมรำลึกวันพระราชทานธงชาติไทย   •   สมาคมประกันวินาศภัยไทย จัดชี้แจงสรุปสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการประกันภัยทางทะเล พ.ศ. ….   •   เคทีซี-ยูเนี่ยนเพย์ คืนความคุ้มค่า สวนกระแสเศรษฐกิจ “เติมน้ำมันรับสุดคุ้ม e-Coupon เครดิตเงินคืนสูงสุด 40 บาท”   •   บีเอ็นวาย เมลลอน เผยทิศทางการลงทุนโลก ธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ยังมีท่าทีที่แตกต่าง ส่งผลต่อการลงทุนโค้งสุดท้าย ปี 2566   •   ธ.เกียรตินาคินภัทร ร่วมสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน Sustainability – Linked Loan ให้กับ MINT   •   ไทยประกันชีวิต ร่วมพิธีวางพวงมาลา เนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2566

กสิกรไทย ชวนนักวิเคราะห์ถอดรหัสประเด็นร้อนทางเศรษฐกิจ เกาะติดสถานการณ์ โอกาส ความเสี่ยง พร้อมอัพเดทกลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจ

กสิกรไทยจัดงาน “THE WISDOM Wealth Decoded Exclusive Dinner Talk” เชิญนักลงทุนแถวหน้าของเมืองไทย มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองและแนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ในสถานการณ์ปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความผันผวนไม่แน่นอนทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก อีกทั้งตลาดหุ้นไทยหลังเลือกตั้งไม่บวกขึ้นอย่างที่คาด ในขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเดินหน้าเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ทิศทางการลงทุนจะมีแนวโน้มหรือโอกาสรวมทั้งความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอย่างไร รวมถึงวิเคราะห์มุมมองด้านการลงทุนและเกาะติดสถานการณ์ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นแนวทางให้กับลูกค้าวิสดอมนำไปปรับใช้ในการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ในลักษณะ K-Shaped กล่าวคือ แต่ละอุตสาหกรรมฟื้นตัวอย่างไม่เท่าเทียมกัน สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่น่าลงทุนในช่วงเวลานี้ ได้แก่ ธุรกิจการท่องเที่ยว ที่สร้างรายได้คิดเป็น 20% ของ GDP ประเทศ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการบริการ เช่น ธุรกิจโรงพยาบาล โรงแรม ร้านอาหาร สปา เนื่องจากคนไทยมี Service mind เป็นจุดแข็งในการแข่งขัน ธุรกิจเครื่องสำอาง จัดเป็นกลุ่มที่อยู่รอดได้ในทุกสถานการณ์ ทั้งยังเป็นกลุ่มสินค้าที่คนทั่วโลกรู้จัก เข้าถึง และซื้อได้ง่าย

ทั้งนี้ หากพิจารณาจากสถิติในอดีตจะพบว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวนหลังการเลือกตั้ง โดยตลาดยังคงจับตาดูการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และนโยบายของรัฐบาลใหม่มองในระยะสั้น ปัจจัยทางการเมืองส่งกระทบต่อ Sentiment ของตลาดหุ้นไทย หรือหุ้นบางตัว จากนโยบายทลายการผูกขาดและเน้นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง อย่างไรก็ตามการจะทำนโยบายลักษณะนี้ให้สำเร็จต้องอาศัยระยะเวลาในการเปลี่ยนแปลงพอสมควร ภาพรวมตลาดหุ้นไทยจึงน่าจะค่อยๆ คลายความกังวลเมื่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเป็นขาขึ้นในช่วงหลังเลือกตั้ง และมีโอกาสเป็น S-Curve ใหม่จากแรงซื้อของต่างประเทศ คือ อสังหาริมทรัพย์แนวสูงและนิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากนักลงทุนจีนมีแผนย้ายถิ่น และโยกฐานการผลิตมาเมืองไทยมากขึ้น คาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าจีนเบอร์ต้นๆ ราว 6-7 ราย เล็งประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวา หลังเห็นกำลังซื้อที่ดีของตลาด ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอยู่ที่ประมาณ 9,000 คันในปี 2565 ส่วนปี 2566 ผ่านมาไม่กี่เดือนมียอดขายแซงเป็น 20,000-30,000 คัน

ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยทุกอุตสาหกรรมประมาณ 70-80% มองว่าถึงจุดอิ่มตัวแล้ว กลุ่มที่ยังเติบโตได้คือ กลุ่มอุปกรณ์ไอที ตามเทรนด์โลกที่มุ่งหน้าไปยังดิจิทัลมากขึ้น แต่หุ้นตัวที่มีโอกาสขึ้นหลายๆ เท่าในเมืองไทย มักจะเกิดจากผู้เล่นบางรายที่เก่งกว่าตลาด ก่อนการลงทุนจึงควรศึกษา หาโอกาสที่ตลาดมองไม่เห็น และทันกับความเปลี่ยนไปของโลก เช่น ธุรกิจที่เข้าสู่ตลาดด้วยบิสซิเนสโมเดลใหม่ๆ หรือเรื่องใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น คาร์บอนเครดิต เป็นต้น
หากเจาะลึกลงมาในรายบริษัทที่น่าลงทุน นักลงทุน VI จะเน้นหาข้อมูลอินไซด์เกี่ยวกับความสามารถทางการแข่งขันเพื่อเลือกลงทุนในบริษัทที่ใช่ เช่น เส้นสายทางธุรกิจหรือสัมปทานที่สร้างความได้เปรียบให้กับบริษัทนั้นๆ รวมทั้งชื่อเสียงของบริษัทหรือแบรนด์ ตลอดจนความใหญ่ของบริษัท เช่น โรงงานขนาดใหญ่ จำนวนสาขามาก ซึ่งเป็นแต้มต่อทำให้ควบคุมต้นทุนและสามารถแข่งขันทำกำไรได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ หากไม่มีเวลาหาอินไซด์เพื่อตัดสินใจลงทุนด้วยตัวเอง แนะนำให้ลงทุนผ่านเครื่องมือการลงทุนต่างๆ เช่น ซื้อกองทุน Index หรือซื้อหุ้นกู้ พันธบัตร กองทุนรวม ทองคำ ฯลฯ โดยเลือกจังหวะในการเข้าซื้อที่ใช่ และเน้นกระจายความเสี่ยง
-2-

สำหรับภาพการลงทุนในระยะยาวของตลาดหุ้นจีนเปรียบเหมือนตลาดหุ้นอเมริกาเมื่อ 40 ปีที่แล้ว หากพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เช่น
• จีนมี Billionaire เพิ่มขึ้นสัปดาห์ละ 2 คน ถือว่าเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์โลก วันนี้จำนวนอภิมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์ในจีนมี 1,200 คน แซงหน้าอเมริกาที่มีประมาณ 700 คนไปเกือบเท่าตัว
• จีนมีคนที่จบการศึกษาด้าน STEM (Science, Technology, Engineering และ Mathematics) สาขาละ 4.6 ล้านคน ต่อปี
• มีวัฒนธรรมการทำงานแบบ 996 คือ เริ่มงาน 9 โมงเช้า เลิกงาน 3 ทุ่ม ทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน
• จีนมีแผนเพิ่มจำนวนชนชั้นกลางจาก 300-400 ล้านคน เป็น 700-800 ล้านคน
• จีนมีการปรับหลักสูตรการเรียนใหม่แบบ 553 คือ ประถมศึกษา 5 ปี มัธยมศึกษา 5 ปี และอุดมศึกษา 3 ปี

องค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ ล้วนหนุนส่งเศรษฐกิจจีนให้เติบโตแบบก้าวกระโดด และคาดว่าจะไปอยู่ในจุดที่อเมริกายืนอยู่ในอีกสิบปีข้างหน้า แต่ในการเข้าลงทุนสำหรับตลาดที่ใหญ่ขนาดนี้ ต้องอาศัยจังหวะและกลยุทธ์ที่ดี เนื่องจากประเทศจีนเวลาขึ้นก็ขึ้นแรง เวลาลงก็ลึกกว่าที่คิด โดยไม่เกี่ยวข้องกับภาพรวมดัชนีใดๆ ทั้งสิ้น จึงควรศึกษาเป้าหมายของผู้บริหาร ความสามารถทางการแข่งขัน กลยุทธ์ที่จะนำพาธุรกิจเติบโตในระยะยาว เช่น มีความเป็นแพลตฟอร์ม ปรับตัวสู่ดิจิทัลได้ง่าย ที่สำคัญธุรกิจดังกล่าวต้องสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ย่อมจะมีโอกาสชนะในการลงทุน

ขณะที่ตลาดหุ้นอเมริกา ดัชนีฟื้นตัวดีขึ้นจากการนำพาตลาดของ Big Tech อย่าง Meta, NVIDIA, Microsoft, Tesla, Google ที่ออกมาตรการรัดเข็มขัดปลดพนักงานทั่วโลก เพื่อลดต้นทุนให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ปีนี้คาดว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอย แต่คาดว่าจะเป็นสภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สามารถควบคุมได้ นัลงทุนรายใหญ่ต่างมองข้ามช็อตไปยังศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2567 แล้ว อเมริกาจึงนับเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ แต่ต้องตัดสินใจเข้าตลาดให้ถูกจังหวะและถูกกลุ่มอุตสาหกรรม