Monday, 2 October 2023 | 7 : 31 am

4Quarter.co

Monday, 2 October 2023 | 7 : 31 am
เริ่มแล้ววันนี้ การแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้ารายย่อยผ่าน BAAC Mobile   •   ทีทีบี ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยบัญชี ttb ME save รับดอกเบี้ยสูงสุดรวมโบนัส 2.20% มีผล 1 ต.ค. 66   •   การเคหะแห่งชาติ เปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอราคาค่าธรรมเนียมการได้สิทธิ์เช่าพื้นที่เพื่อประกอบกิจการตลาดและเพื่อประกอบการค้าในโครงการ ของการเคหะแห่งชาติ จำนวน 4 โครงการ   •   Zoom เปิดตัว Zoom AI Companion สำหรับผู้มีบัญชี Zoom แบบจ่ายเงิน มุ่งเป็นผู้ช่วยที่ขับเคลื่อนด้วย AI เจนเนอเรชั่นใหม่ เพื่อการทำงานร่วมกันและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้น   •   ส่อง 3 เทรนด์แห่งอนาคตธุรกิจอสังหาฯไทย “เวลเนส เรสซิเดนท์-อาคารประหยัดพลังงาน-คอนโดฯเลี้ยงสัตว์”   •   5 ความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับการทำประกัน   •   กองทุนประกันวินาศภัย ร่วมงานเสวนาเรื่อง “สิทธิเด็กไทยกับความปลอดภัยทางถนน” และร่วมจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนน   •   ออมสิน ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม ตามนโยบายรัฐบาล มุ่งผลักดันเศรษฐกิจฟื้นตัว   •   กรุงเทพประกันชีวิต ครบรอบ 72 ปี สานฝันจากพี่สู่น้อง สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีแก่เยาวชนไทย   •   ผอ.ออมสิน ร่วมงานสัมมนา ถอดรหัสลงทุนก้าวข้ามวิกฤต   •   การเคหะแห่งชาติ ชี้แจงพื้นที่บ่อนพนันไฮโลใจกลางตลาดในพื้นที่เขตลาดกระบัง “ไม่ใช่” พื้นที่ความรับผิดชอบของการเคหะแห่งชาติ ตรวจสอบแล้วเป็นพื้นที่ของเอกชน   •   “ศุภาลัย เลค วิลล์ ภูเก็ต” ปลื้ม! ผลตอบรับดีเกินคาดเปิดเฟสใหม่ 4 วัน กวาดยอดขายกว่า 200 ล้านบาท   •   SAM โกอินเตอร์เซ็น MOU กับ KAMCO บริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำเกาหลี พร้อมเตรียมความร่วมมือขยายตลาดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพสู่เอเชีย   •   gettgo จัดแคมเปญ “ครบรอบ gettgo 6 ปี ส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้คุณ” ลุ้นรับทองคำ-โปรโมชันพิเศษ ส่งมอบความสุขส่งท้ายปีแก่ลูกค้าคนสำคัญ   •   29 กันยายน วันหัวใจโลก (World Heart Day) รวมพลังน้ำใจ คืนชีวิตใหม่ ให้หัวใจดวงน้อย   •   นักพัฒนาชุมชนรุ่นใหม่ และนักบริบาล ทุ่มเท เสียสละทำงานเพื่อชุมชน คว้ารางวัลคุณธรรมระดับประเทศ มูลนิธิเอสซีจี ร่วมส่งเสริม หนุนคนเก่ง คนดี   •   ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง “ธนาคารไทยเครดิต” พร้อมเดินหน้าแผน IPO รุกธุรกิจการเงิน – ขยายพอร์ตสินเชื่อ   •   SCB CIO คาดเฟดปรับลดดอกเบี้ยไตรมาส 3 ปี 2567 แนะเลี่ยงลงทุนหุ้นกู้/หุ้นกลุ่มธุรกิจหนี้สูง รอจังหวะสะสมหุ้นสหรัฐ   •   กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต คว้า 2 รางวัลใหญ่ 3 ปีซ้อน จากเวทีระดับโลก World Business Outlook   •   ธ.ก.ส. ได้รับการจัดอันดับเครดิตเรทติ้งส์ สูงสุดที่ AAA (tha) และ F1+ (tha) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10   •   ซีพีแรม เปิดยุทธศาสตร์อาหารรองรับสังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์ในประเทศไทย อาหารสำหรับผู้สูงอายุด้วยเทคโนโลยีอาหารและโภชนาการ เสริมแกร่งอุตสาหกรรมอาหารของไทย   •   กสิกรไทย และ KBTG คว้ารางวัลสุดยอดองค์กรที่น่าร่วมงานด้วยจากนิตยสาร HR Asia   •   สมาคมเพื่อนชุมชน เดินหน้าหนุนทุนการศึกษา ระดับปริญญาตรี (ปีที่ 13) ระดับอาชีวศึกษา (ปีที่ 5) สานฝันเยาวชนจังหวัดระยองต่อเนื่อง   •   วิริยะประกันภัย รุกต่อยอดองค์ความรู้งานรับประกันภัย EV จัดอบรมรถยนต์ไฟฟ้า ภาคกลางและภาคตะวันตก   •   “ออมสิน” ร่วมภาคี น้อมรำลึกวันพระราชทานธงชาติไทย   •   สมาคมประกันวินาศภัยไทย จัดชี้แจงสรุปสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการประกันภัยทางทะเล พ.ศ. ….   •   เคทีซี-ยูเนี่ยนเพย์ คืนความคุ้มค่า สวนกระแสเศรษฐกิจ “เติมน้ำมันรับสุดคุ้ม e-Coupon เครดิตเงินคืนสูงสุด 40 บาท”   •   บีเอ็นวาย เมลลอน เผยทิศทางการลงทุนโลก ธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ยังมีท่าทีที่แตกต่าง ส่งผลต่อการลงทุนโค้งสุดท้าย ปี 2566   •   ธ.เกียรตินาคินภัทร ร่วมสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน Sustainability – Linked Loan ให้กับ MINT   •   ไทยประกันชีวิต ร่วมพิธีวางพวงมาลา เนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2566

ธ.ก.ส. เปิดตัว BAAC Carbon Credit ผนึกกำลังเกษตรกร ขับเคลื่อนภารกิจสีเขียว ลดปัญหาโลกร้อน สร้างรายได้ให้ชุมชน

ธ.ก.ส. ผนึกกำลังชุมชนธนาคารต้นไม้และชุมชนไม้มีค่ากว่า 6,800 ชุมชน ขับเคลื่อนภารกิจซื้อ – ขายคาร์บอนเครดิตในโครงการ BAAC Carbon Credit พร้อมออกใบ Certificate มาตรฐาน T-VER จาก อบก. เพื่อตอบโจทย์ภาคธุรกิจในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ นำร่องธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่ และบ้านแดง จังหวัดขอนแก่น นำคาร์บอนเครดิตกว่า 450 ตันคาร์บอน ขายสร้างรายได้ให้ชุมชนมูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มปริมาณคาร์บอนเครดิตจากชุมชนออกสู่ตลาดอีกกว่า 1.5 แสนตันคาร์บอน ภายใน 7 ปี

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากการที่ ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกป่าตามพระราชดำริ “ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการพัฒนาและยกระดับไปสู่โครงการธนาคารต้นไม้และชุมชนไม้มีค่า จนปัจจุบันมีชุมชนเข้าร่วมโครงการจำนวน 6,814 ชุมชน มีต้นไม้ขึ้นทะเบียนกว่า 12.4 ล้านต้น มีสมาชิก 124,071 คน มูลค่าต้นไม้ในโครงการกว่า 43,000 ล้านบาท และมีการเตรียมประเมินมูลค่าต้นไม้เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในปี 2566 คิดเป็นมูลค่ากว่า 760 ล้านบาท และในโอกาสที่รัฐบาลได้ประกาศต่อที่ประชุม World Leaders Summit ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) (COP26) ว่า ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ทุกวิถีทาง เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ได้ในปี ค.ศ. 2065

ธ.ก.ส. จึงได้ร่วมกับชุมชนในการดำเนินโครงการ BAAC Carbon Credit เพื่อเดินหน้าแนวทางการส่งเสริมการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตในประเทศ ตามโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) เริ่มจากการขึ้นทะเบียนโครงการ การตรวจนับจำนวนต้นไม้ การตรวจรับรองคาร์บอนเครดิตจากผู้ประเมินภายนอก (Validation and Verification Body: VVB) การรับรองปริมาณคาร์บอนเครดิตจากองค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เพื่อนำปริมาณการกักเก็บดังกล่าวไปตอบโจทย์ความต้องการของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ที่มีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นำร่องโครงการธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่และธนาคารต้นไม้บ้านแดง จังหวัดขอนแก่น จำนวนคาร์บอนเครดิต 453 ตันคาร์บอน โดยขายกึ่ง CSR ในราคาตันละ 3,000 บาท คิดเป็นเงินรวม 1,359,000 บาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เกษตรกรในชุมชนจะมีรายได้ประมาณ 951,300 บาท ซึ่งโครงการดังกล่าวนอกจากช่วยสร้างรายได้กลับคืนสู่ผู้ปลูกต้นไม้แล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่จะมาดูดซับปริมาณคาร์บอน สร้างภูมิคุ้มกันและบรรเทาผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน และผลักดันให้ประเทศไทย สามารถบรรลุข้อตกลงความเป็นกลางทางคาร์บอนตามเป้าหมายที่วางไว้

ด้านหลักการคิดคำนวณ ต้นไม้ 1 ต้น ช่วยสร้างปริมาณคาร์บอนเครดิตได้เฉลี่ย 9.5 กิโลกรัมคาร์บอนต่อปี ซึ่งพื้นที่ขนาด 1 ไร่ ปลูกต้นไม้ได้เฉลี่ย 100 ต้น/ไร่ จะได้ปริมาณคาร์บอนเครดิต 950 กิโลกรัมคาร์บอนต่อปี ณ ราคาขายกึ่ง CSR 3,000 บาทต่อตันคาร์บอน (อัตราคำนวณรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย 70 : 30) กล่าวคือ เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น ค่าขึ้นทะเบียนต้นไม้ในแต่ละต้น การตรวจนับและประเมิน การออกใบรับรอง เป็นต้น คิดเป็น ร้อยละ 30 ของมูลค่าการขาย ดังนั้น เกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายที่ร้อยละ 70 ของราคาขาย หรือประมาณ 2,000 บาทต่อไร่ต่อปี หรือกรณีปลูกต้นไม้แบบหัวไร่ปลายนา จะสามารถปลูกได้เฉลี่ย 40 ต้น/ไร่ คิดเป็น 380 กิโลกรัมคาร์บอนต่อไร่ต่อปี จะทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการขายหลังหักค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 800 บาทต่อไร่ต่อปี ดังนั้นในกรณีที่หน่วยงานต่าง ๆ มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกเป็นศูนย์ โครงการ BAAC Carbon Credit จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบรรลุเป้าหมาย เพราะนอกจากหน่วยงานจะได้รับประโยชน์ในด้านธุรกิจ ที่มีความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการช่วยสนับสนุนและให้กำลังใจชุมชนในการดูแลและปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่สีเขียวที่ได้รับการปกป้องโดยคนในชุมชน สะท้อนถึงความเข้มแข็งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เป็นประโยชน์ต่อคนทั้งโลกอีกด้วย

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. มีเป้าหมายที่จะขยายการสร้างคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ไปยังชุมชนที่เข้าร่วมโครงการธนาคารต้นไม้ รวมถึงขยายผลไปยังกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การทำนาเปียกสลับแห้ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทน การลดพื้นที่การเผาตอซังข้าว อ้อยและข้าวโพด การเพิ่มพื้นที่ปลูกป่าชายเลน เป็นต้น โดยคาดว่าจะมีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่จะนำมาซื้อ – ขายได้กว่า 150,000 ตันคาร์บอน ภายใน 7 ปี

สำหรับหน่วยงานที่สนใจในการซื้อ – ขายคาร์บอนเครดิต และต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างรายได้และสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งให้กับชุมชน อันนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายพัฒนาลูกค้าและชนบท ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ 2346 ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ10900 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center 02 555 0555