Wednesday, 29 November 2023 | 10 : 58 pm

4Quarter.co

Wednesday, 29 November 2023 | 10 : 58 pm
TIPlife Short Flim Contest 2023 ประกาศผลรางวัลประกวดหนังสั้น “มุมมองประกันชีวิตกับคนรุ่นใหม่”   •   TCL เปิดตัวตู้เย็น Side by Side สามรุ่นใหม่ ขนาดใหญ่พิเศษ TCL P650 ซีรี่ส์ สเปซที่ใช่ กับสไตล์ที่เป็นคุณ พร้อมดีลเด็ด TCL x Lazada ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม ’66   •   ธ.ก.ส. เปิดตัว ‘เป๊ก ผลิตโชค’ Presenter คนใหม่ พร้อมจัดกิจกรรม “ผลิตโชคชวนฟินกับถุงทอง” 17 ธ.ค. นี้   •   ลีสซิ่งกสิกรไทย จัดโปรแรง 5 ต่อ ซื้อรถลุ้นรถ ส่งท้ายปีรับงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 ลุ้นโชคใหญ่ รับรถยนต์ไฟฟ้า และรับของสมนาคุณกว่า 2.9 ล้านบาท   •   “กรุงเทพประกันชีวิต” จับมือ โรงพยาบาลกรุงเทพ เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า ตรวจสอบสิทธิ์ค่ารักษาพยาบาล ผ่านแอปพลิเคชันอัจฉริยะ My B+   •   ชมรมชาวปากพนัง สานสัมพันธ์รวมใจ รวมพลัง จัดกิจกรรม “ปากพนังสังสรรค์ ครั้งที่ 49”   •   คปภ. เร่งให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัย กรณี “รถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ ที่จังหวัดศรีสะเกษเป็นเหตุให้ประชาชนที่เที่ยวงานภาพยนตร์กลางแปลงเดินบนฟุตบาทริมถนนเสียชีวิต 8 ราย ผู้บาดเจ็บ 6 ราย   •   เปิดฉาก Season 4 คึกคักสนามแรก เยาวชนกว่า 600 ชีวิต แห่ร่วมโครงการ KTAXA KYC Football Youth (U15) Academy ลุ้นเป็นหนึ่งใน 10 สุดยอดเยาวชน บินลัดฟ้าเข้าแคมป์ฯ ที่ Liverpool FC International Academy ประเทศอังกฤษ   •   ออร์บิกซ์ เทรด เปิดตัว “ออร์บิกซ์” (orbix) กระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล ตอบโจทย์ทางเลือกการลงทุนสู่ประสบการณ์ใหม่ ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำด้านบริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นเลิศ   •   ไทยประกันชีวิต ร่วมสนับสนุนกิจกรรม คปภ. รวมพลังภาคประกันภัย รวมใจเพื่อการศึกษา   •   ศุภาลัย คว้ารางวัล BCI Asia Top 10 Developers Awards 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 ตอกย้ำความเป็นผู้นำอสังหาฯ ชั้นนำระดับเอเชีย   •   ออมสิน ขานรับนโยบายรัฐบาล เดินหน้าวาระแห่งชาติ “การแก้ไขหนี้นอกระบบ” ให้กู้ 50,000 บาทต่อราย ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.75% ต่อเดือน ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป   •   เมืองไทยประกันชีวิต คว้า “ซูเปอร์แบรนด์ไทยแลนด์” ต่อเนื่องปีที่ 18 ตอกย้ำความเป็นสุดยอดแบรนด์บริษัทประกันชีวิตที่อยู่ในใจ   •   สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว รับมอบหนังสือคู่มือท่องเที่ยวจากเคทีซี เพื่อบรรจุในห้องสมุดทั่วประเทศ   •   ทิพยประกันภัย จับมือ ไทย เพอโซนอล โมบิลิตี้ ร่วมลงนามสัญญาให้ความคุ้มครอง กรณีเกิดอุบัติเหตุจากการใช้รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้า   •   “ออมสิน” ห่วงใย มอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดชุมพร   •   วิริยะประกันภัย ร่วมพิธีปิดค่ายสารคดี ครั้งที่ 18   •   นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรผู้สำเร็จการอบรม IMDP 27   •   OCEAN LIFE ไทยสมุทร ร่วมเป็น “จิตอาสารักษ์แม่น้ำ” ร่วมเก็บขยะกระทงรักษาความสะอาดแม่น้ำเจ้าพระยา หลังงานลอยกระทง 2566   •   พรูเด็นเชียล ประเทศไทย จัดกิจกรรม “ผจญภัยกับโลกการเงินกับชะชิ้ง” ส่งเสริมเด็กไทยให้มีความรู้ด้านการเงิน   •   เคทีซี จับมือ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ และ เอสซีจี เปิดเวที KTC FIT Talk #10 “ถึงเวลาพลังงานทางเลือก เป็นพลังงานทางรอด”   •   BAM สนับสนุนสถานที่ “โรงหนังเพชรรามา” จัดงานเทศกาลท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ “มาแต่ตรัง”   •   เมืองไทยประกันชีวิต น้อมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2566 ณ วัดบัวงาม พระอารามหลวง จังหวัดราชบุรี   •   รัฐบาลเริ่มต้นโอนเงินไร่ละพัน ผ่านระบบ ธ.ก.ส. วงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาท   •   กรุงเทพประกันชีวิต ร่วมออกบูทงาน Amarin Baby & Kids Fair 2023   •   ไทยประกันชีวิต มอบผ้าห่มรักษ์โลกช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว   •   เอไอเอ ประเทศไทย รับรางวัลดีเด่นด้านกิจการเพื่อสังคม จากสภาหอการค้าอเมริกัน (AMCHAM Corporate Social Impact Award) เป็นปีที่ 12 ติดต่อกัน   •   กรุงเทพประกันภัย – มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกิจกรรมด้านการศึกษา ต่อยอดการเรียนรู้สู่ภาคอุตสาหกรรมประกันภัย   •   ไทยพาณิชย์ เปิดตัวเว็บไซต์ “แก้ เกม กล โกง” ศูนย์รวมคอนเทนต์คู่มือป้องกันมิจฉาชีพยุคใหม่ พร้อมส่ง “น้องเอ๊ะ เดอะซีรีส์” สร้างความตระหนักรู้ภัยทางการเงินแก่คนไทย   •   กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต พาสุดยอดตัวแทน AXA Prime บินลัดฟ้า ร่วมงานสัมมนา “AXA Prime Hong Kong 2023”

นายกรัฐมนตรี ชื่นชมข้อเสนอเปลี่ยนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ชวนทุกภาคส่วนร่วมสร้างสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย มั่นใจพลังความร่วมมือพาไทยเติบโตแบบโลว์คาร์บอน ในงาน ESG Symposium 2023

นายกรัฐมนตรี ชื่นชมข้อเสนอจากการระดมสมองภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เร่งเปลี่ยนประเทศไทย สู่สังคมคาร์บอนต่ำ ชวนทุกภาคส่วนร่วมสร้างสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย พร้อมหนุนขยายผลเศรษฐกิจหมุนเวียน และการเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด โดยจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รองรับการขยายตัวเศรษฐกิจ ดึงดูดนักลงทุน เชื่อมั่นพลังความร่วมมือจะพาไทยเติบโตแบบคาร์บอนต่ำได้สำเร็จในงาน ESG Symposium 2023

บ่ายวันนี้ (5 ต.ค. 66) นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ได้ร่วมงาน ESG Symposium 2023 ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 11 ในหัวข้อ “ร่วม เร่ง เปลี่ยน สู่สังคมคาร์บอนต่ำ” ด้วยความร่วมมือจากหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และเอสซีจี ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ทั้งนี้มีผู้ร่วมงานจากทุกภาคส่วนกว่า 2,000 คน โดยนายกรัฐมนตรีได้รับฟังข้อเสนอ “ร่วม เร่ง เปลี่ยนประเทศไทย สู่สังคมคาร์บอนต่ำ” ที่มาจากการระดมสมอง ทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาสังคมกว่า 500 คน ตลอดเดือนกันยายนที่ผ่านมา ประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่  

  • 1) ร่วมสร้าง “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยอุตสาหกรรมสีเขียว เกษตรยั่งยืน ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เนื่องจากสระบุรีเป็นจังหวัดที่มีความซับซ้อนและท้าทายมาก เพราะมีระบบเศรษฐกิจทั้งภาคอุตสาหกรรมหนัก การเกษตร การท่องเที่ยว และความเป็นเมืองที่ผสมผสาน จึงสามารถเป็นตัวแทนเสมือนของประเทศไทยได้ เพื่อศึกษาเรียนรู้ปัจจัยความสำเร็จและข้อจำกัดต่าง ๆ ในการเปลี่ยนสู่เมืองคาร์บอนต่ำ ซึ่งร่วมบูรณาการโดยผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมจริง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง และภาคประชาสังคมที่ได้รับผลกระทบ หากประสบความสำเร็จจะเป็นแรงจูงใจให้จังหวัดอื่น ๆ ได้ ปัจจุบันมีความร่วมมือเกิดขึ้นแล้ว อาทิ การกำหนดใช้ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำในทุกงานก่อสร้างในจังหวัดสระบุรีตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป การทำนาเปียกสลับแห้ง ช่วยลดการใช้น้ำ การปลูกพืชพลังงาน หญ้าเนเปียร์ และนำของเหลือจากการเกษตรไปแปรรูปเป็นพลังงานทดแทน สร้างรายได้ให้ชุมชน รวมทั้งร่วมปลูกป่าชุมชน 38 แห่งทั่วจังหวัด ช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจก และนำไปสู่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สร้างรายได้ให้ชุมชน
  • 2) เร่งผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะเป็นการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำ ในประเทศไทยมี 3 อุตสาหกรรมที่ลงมือทำแล้ว คืออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ยานยนต์ และก่อสร้าง   ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนเกิดขึ้นได้จริง คือ กำหนดนโยบาย กฎหมาย มาตรฐาน การคัดแยกและจัดเก็บขยะเป็นระบบเดียวกันทั้งประเทศ กำหนดตัวชี้วัดในการติดตามผล ตลอดจนสร้าง Eco-system สนับสนุนสิทธิประโยชน์ในการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมทั้งรณรงค์ใช้สินค้ากรีนที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุชีวภาพ ออกกฎหมายระบุปริมาณอย่างชัดเจน โดยหน่วยงานภาครัฐนำร่องจัดซื้อจัดหาสินค้ากรีน เพื่อให้เกิดการยอมรับอย่างแพร่หลาย
  • 3) เปลี่ยนสู่พลังงานสะอาดและยั่งยืน ปลดล็อกข้อจำกัด โดยเปิดเสรีซื้อ-ขายไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วยระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Grid Modernization) เพื่อให้ภาครัฐและเอกชนใช้เครือข่ายไฟฟ้าร่วมกัน ให้ทุกคนเข้าถึงพลังงานสะอาดสะดวกยิ่งขึ้น สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานสะอาดและใช้พื้นที่ว่างเปล่า กักเก็บพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ เช่น พลังงานน้ำ พลังงานความร้อน พลังงานกล พลังงานเคมี รวมทั้งพัฒนาพลังงานทดแทนใหม่ ๆ และผลักดันให้อยู่ในแผนพลังงานชาติ เช่น พลังงานไฮโดรเจน พืชพลังงาน ขยะจากชุมชน ของเสียจากโรงงาน ตลอดจนปรับปรุงนโยบายและให้สิทธิประโยชน์ที่เอื้อต่อการใช้พลังงานสะอาด และส่งเสริมการใช้ข้อมูล Big Data เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง
  • 4) ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ยังไม่สามารถปรับตัวได้ เช่น SMEs แรงงาน เกษตรกร และชุมชน โดยแบ่งกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบและจัดสรรความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม เพื่อให้ตระหนักรู้ เข้าถึงเทคโนโลยีลดคาร์บอนและแหล่งเงินทุนสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ซึ่งมีอยู่มากถึง 52 ล้านล้านบาท และขอเสนอให้ไทยควรร่วมเร่งเข้าถึงกองทุนดังกล่าว เพื่อขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม เช่น กองทุนนวัตกรรมจัดการน้ำให้กลุ่มเกษตรกรรับมือสภาพภูมิอากาศแปรปรวน กองทุนฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่ป่าพร้อมสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิต นอกจากนี้ ยังควรพัฒนาทักษะแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านให้มีความพร้อมปรับตัวทันท่วงทีและพึ่งพาตัวเองได้

นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าวชื่นชมข้อเสนอดังกล่าว และเชื่อมั่นว่า หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันตามกลยุทธ์ ESG (Environmental, Social, and Governance) ที่เน้นสร้างเศรษฐกิจควบคู่กับสมดุลทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างโปร่งใส มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะช่วยกู้โลกให้กลับมาดีขึ้น  สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของไทยต้องมีแนวทางที่นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านที่ชัดเจน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ดังนี้  1) มุ่งมั่นการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ผ่านหลักการไปให้ถึงและช่วยเหลือกลุ่มที่รั้งท้ายก่อน  2) ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ สำหรับประชากรทุกคนในประเทศ และให้ความสำคัญกับสิทธิด้านสุขภาพ  3) ผลักดันความร่วมมือทุกระดับ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงส่งเสริมการเข้าถึงบริการพลังงานสมัยใหม่ ในราคาที่เหมาะสมและมีความน่าเชื่อถือภายในปี ค.ศ 2030

“ผมรู้สึกประทับใจมาก ที่ได้เห็นคนไทยทุกภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม ร่วมกันหาแนวทางทำให้ประเทศไทยเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ เพราะภาวะโลกเดือดส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของทุกชีวิตบนโลก ผมชื่นชมความตั้งใจสร้าง “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย  เพราะเป็นจังหวัดที่มีความท้าทายสูง มีอุตสาหกรรมใหญ่อยู่มาก ซึ่งจะสำเร็จได้ต้องอาศัยการดำเนินงานร่วมมือกันหลายส่วน ทั้งมาตรการและเงินทุน จึงขอเชิญชวนภาคส่วนอื่น ๆ มาร่วมกัน เพราะหากสำเร็จจะเป็นตัวอย่างให้เมืองและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ต่อไป

การผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เป็นวาระแห่งชาติ ผมชื่นชมความมุ่งมั่นทั้ง 3 อุตสาหกรรมนำร่อง ทั้งบรรจุภัณฑ์ ยานยนต์ และก่อสร้าง ซึ่งรัฐบาลจะขยายผลความสำเร็จนี้ โดยให้ความสำคัญกับการกำหนดนโยบายจัดการขยะและเปิดให้จัดหาสินค้ากรีนเพื่อสร้าง Eco-system ที่เอื้อต่อระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน  สำหรับการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดให้เต็มประสิทธิภาพ และศึกษาการเปิดให้สามารถซื้อ-ขายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน พร้อมทั้งรองรับการขยายตัวเศรษฐกิจไทย ดึงดูดนักลงทุนและบริษัทต่างชาติในอนาคต”

นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมขอขอบคุณทุกคนที่มุ่งเปลี่ยนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะยังมีประชาชนอีกมากโดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก เกษตรกร และชุมชน ที่ยังไม่ตระหนักถึงวิกฤตินี้ หรือยังไม่พบทางออกเพื่อรับมือ เราควรสนับสนุนการเข้าถึงความรู้ เทคโนโลยี และการเข้าถึงเงินทุน ให้ทุกคนสามารถปรับตัวอยู่รอดได้ สำหรับข้อเสนอในวันนี้ ผมจะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

นายรุ่งโรจน์  รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “คณะจัดงานขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่ให้เกียรติมาร่วมงาน และรับฟังข้อเสนอจากพวกเราทุกภาคส่วนในวันนี้  ผมเชื่อมั่นว่าภายใต้การบริหารงานของท่านที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง พร้อมทั้งแนวนโยบายที่ชัดเจนของประเทศ จะทำให้ทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันอย่างแข็งแกร่ง เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

นายธรรมศักดิ์  เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจีพร้อมนำแนวทางจากท่านนายกรัฐมนตรีไปผลักดันอย่างต่อเนื่อง ทั้งเร่งพัฒนากระบวนการผลิตสีเขียว ควบคู่กับนวัตกรรมกรีน เช่น ปูนคาร์บอนต่ำ พลาสติกรักษ์โลก บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ อีกทั้งผสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนแก้วิกฤติโลกเดือด ซึ่งเย็นวันนี้ 80 ซีอีโอ จากหลายอุตสาหกรรม เช่น ภาคพลังงาน การผลิต อสังหาริมทรัพย์ ยานยนต์ สุขภาพ บริการ มาร่วมระดมสมองเพิ่มเติม ซึ่งมั่นใจว่าจะสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโต พร้อมโลว์คาร์บอน เป็นจริงได้แน่นอน”