Wednesday, 24 April 2024 | 6 : 03 pm

4Quarter.co

Wednesday, 24 April 2024 | 6 : 03 pm
ธ.ก.ส. จับรางวัลชำระดีมีโชค ครั้งที่ 2 มอบโชคอีกกว่า 208 ล้านบาท ส่งเสริมแนวทางลดภาระหนี้อย่างยั่งยืน   •   ทีทีบี เสริมศักยภาพเอสเอ็มอี ด้วยฟีเจอร์ใหม่ “analytic report” ภายใต้แอปพลิเคชันจัดการร้านค้า ttb smart shop วิเคราะห์ข้อมูลการขายเชิงลึก ครบทุกมิติ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย   •   เมืองไทยประกันชีวิต รับรางวัลสุดยอดองค์กรธุรกิจไทย “THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024” ต่อเนื่องปีที่ 6   •   “อารีเกเตอร์” จับมือ มูลนิธิเมาไม่ขับ รณรงค์สงกรานต์ปลอดภัย 2567 ชวนสมาชิกส่งมอบประกันอุบัติเหตุให้ประชาชน   •   ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น 2567   •   เคทีซี สานต่อโครงการรับนักศึกษาฝึกงาน KTC COOP รุ่นที่ 4 มุ่งพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้พร้อมสู่โลกการทำงาน   •   กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต จับมือพันธมิตรภาครัฐ และเอกชน สานต่อกิจกรรมใหญ่ “Save Our Sea ปีที่ 2” ย้ำนโยบายหลักด้าน Climate Change & Biodiversity   •   กสิกรไทย ผนึกกำลังเจพีมอร์แกน เปิดตัวโปรเจกต์คารินา ดึงศักยภาพบล็อกเชน ลดระยะเวลาธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ   •   SPALI ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 1.45 บาท   •   วิริยะประกันภัย ผนึกกำลังหน่วยงานภาครัฐ แก้ไขจุดเสี่ยงเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน โซนภาคอีสาน   •   ซีพีแรม ทุกแห่งทั่วประเทศ ขานรับนโยบายเครือเจริญโภคภัณฑ์ ชู CPRAM Green Life #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน เป็นปีที่ 11 หวังเพิ่มพื้นที่สีเขียวบนผืนแผ่นดินไทย   •   อลิอันซ์ อยุธยา เฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 73 เคียงข้างคนไทย   •   เคทีซี จับมือ คาเธ่ย์ ปลูกต้นไม้ในป่าชายเลน 4,000 ต้น ต่อยอดโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น”   •   บัตรเครดิต ttb ชวนมาอิ่มคุ้ม กิน 1,000.- ลด 100.- ในแคมเปญ Tasty Asian กับ 9 ร้านดังสไตล์เอเชียน   •   “centralwOrld Summer 2024 Trunk Show The List” ปรากฏการณ์แฟชั่นโชว์รูปแบบใหม่ เปลี่ยนศูนย์การค้าเป็นรันเวย์ อัพเดทเทรนด์แฟชั่นปรับลุครับซัมเมอร์   •   กรุงศรี คอนซูมเมอร์ คว้า 6 รางวัลใหญ่ จากงาน Retail Banker International Asia Trailblazer Awards 2024   •   กรุงเทพประกันชีวิต ใส่ใจพัฒนาสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้าน ยกระดับความสุขทั้งไลฟ์สไตล์ และ สุขภาพผ่านบีแอลเอ แฮปปี้ไลฟ์ คลับ   •   BAM จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567   •   ผถห.TQR โหวตจ่ายปันผลปี 66 อีก 0.226 บ./หุ้น รวมทั้งปี 0.40 บ./หุ้น ลุยพัฒนาโปรดักส์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่เต็มสปีด เดินหน้าเจรจาดีล M&A หนุนผลงานนิวไฮต่อเนื่อง   •   บอร์ดการเคหะแห่งชาติลงพื้นที่เคหะชุมชนดินแดง 2 กำชับให้การเคหะแห่งชาติเร่งแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยโดยบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่   •   FWD ประกันชีวิต จัดฟรีคอนเสิร์ตใหญ่เล่นน้ำกลางเมือง “FWD Music Live Fest 3 #TimeToPlaySongkran” ฉลองวันไหลสงกรานต์ครั้งแรกในกรุงเทพฯ ณ ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์   •   เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ประกาศปรับผังองค์กรครั้งใหญ่ มุ่งสู่กลุ่มธุรกิจประกันภัยและบริหารสินทรัพย์แบบครบวงจร   •   เพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นปี 2567 เพิ่มความเข้มข้นในทุกมิติ มุ่งสร้างการเรียนรู้การทำธุรกิจเสมือนจริง   •   เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับ ไอคอนสยาม จัดกิจกรรม “เมืองไทย Smile Exclusive Dining on Pruek Cruise” สำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ   •   กรุงเทพประกันภัย จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ครั้งที่ 31   •   “เงินติดล้อ” สมาชิกสมาคมสินเชื่อทะเบียนรถฯ ร่วมส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้กับ อาสาสมัครเทคโนโลยีกรุงเทพมหานคร (อสท.)   •   เคทีซี รวมน้ำใจสมาชิกบัตรเครดิต สมทบทุนเข้า มูลนิธิศุภนิมิตฯ กว่า 29 ล้านบาท   •   BAM ร่วมกับสภากาชาดไทย จัดทำโครงการ HOME & HOPE ต่อเนื่องปีที่ 4 มอบเงินสร้างบ้านให้กับผู้ด้อยโอกาส จังหวัดนครศรีธรรมราช   •   ธนาคารกสิกรไทย แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 กำไร 13,486 ล้านบาท   •   กรรมการ กคช. ลงพื้นที่ชุมชนดินแดง ย้ำ! ตรวจสอบอาคาร D1 ให้ละเอียด เพื่อสร้างความมั่นใจให้พี่น้องดินแดง

คปภ. ลงพื้นที่ภาคอีสาน ถ่ายทอดความรู้ “เกษตรกร – Trainers” จังหวัดกาฬสินธุ์ ตามโครงการ “Training for the Trainers ประจำปี 2563” ถอดบทเรียนผลกระทบจากภัยธรรมชาติ นำระบบประกันภัยบริหารความเสี่ยงให้เกษตรกร

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการคปภ.) มอบหมายให้ นายชนะพล มหาวงษ์ รองเลขาธิการด้านกฏหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ พร้อมด้วยคณะวิทยากรด้านประกันภัย ลงพื้นที่พบปะเกษตรกร และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านประกันภัยให้กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามโครงการอบรมความรู้ประกันภัย (Training for the Trainers) สำหรับการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประจำปี 2563 ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมายสูงสุด 45.7 ล้านไร่ ซึ่งภาครัฐให้การสนับสนุนค่าเบี้ยประกันภัยจำนวน 2,910.39 ล้านบาท นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูการผลิต 2563 โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมาย 3 ล้านไร่ วงเงินให้การสนับสนุนค่าเบี้ยประกันภัยจำนวน 313.98 ล้านบาท

นายชนะพล มหาวงษ์ รองเลขาธิการด้านกฏหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (รองเลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า การลงพื้นที่เพื่อพบปะเกษตรกรและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านประกันภัยให้กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผ่านโครงการอบรมความรู้ประกันภัย (Training for the Trainers) ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นับเป็นครั้งที่ 4 ของโครงการฯ ในปีนี้ ซึ่งจัด 5 ครั้ง ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี ตาก กาฬสินธุ์ และ พัทลุง ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลด้านเกษตรกรรมของจังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่า ในปีที่ผ่านมา จังหวัดกาฬสินธุ์ มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปี จำนวน 1,484,224 ไร่ เป็นอันดับ 14 ของประเทศ โดยมีการทำประกันภัยข้าวนาปี จำนวน 733,311 ไร่ คิดเป็น 49.41% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยของอัตราการทำประกันภัยทั้งประเทศ อยู่ที่ 49.79% ของพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีทั่วประเทศ ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 57,086,460 ไร่ ดังนั้น สำนักงาน คปภ. จึงเลือกจังหวัดกาฬสินธุ์ ในการลงพื้นที่เพื่อให้ความรู้ด้านประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้เกษตรกรได้รับความรู้ความเข้าใจและใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงอย่างทั่วถึง

โดยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 คณะผู้บริหารสำนักงาน คปภ. คณะผู้บริหารสมาคมประกันวินาศภัยไทย และคณะวิทยากร ได้ลงพื้นที่พบปะเกษตรกร ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อชี้แจงรายละเอียดของโครงการฯ และรับทราบถึงสภาพปัญหา อุปสรรค ข้อคิดเห็น ตลอดจนข้อเสนอแนะของการทำประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยเกษตรกรได้มีการสะท้อนปัญหา เช่น พื้นที่เพาะปลูกที่เคยได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติแล้ว จะทำประกันได้อีกหรือไม่ หรือจะมีการประกันภัยสำหรับพืชชนิดอื่นๆ หรือไม่ เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา เป็นต้น หรือ มีการประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองการเลี้ยงสัตว์น้ำจืดหรือไม่ เช่น กุ้งก้ามกราม ปลานิล เป็นต้น

ซึ่งรองเลขาธิการ คปภ. และคณะฯ ได้ตอบข้อสงสัยต่างๆ จนเป็นที่เข้าใจของเกษตรกร รวมทั้งจะนำข้อมูลที่ได้จากเกษตรกรไปปรับปรุงและพัฒนารูปแบบการรับประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตลอดจนช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ๆ ให้ดียิ่งขึ้นในปีต่อๆ ไป

สำหรับวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เป็นการจัดอบรมความรู้ด้านการประกันภัยให้กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ต่อให้แก่เกษตรกร ตาม “โครงการอบรมความรู้ประกันภัย (Training for the Trainers) สำหรับการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประจำปี 2563” ณ หอประชุมจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมี นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม และกล่าวขอบคุณ สำนักงาน คปภ. ที่เลือกจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นสถานที่ในการจัดอบรมและลงพื้นที่พบปะเกษตรกรในปีนี้ พร้อมกล่าวว่า ข้าว ถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดกาฬสินธุ์ แม้ว่าจังหวัดจะมีศักยภาพด้านแหล่งน้ำทางเกษตร แต่การเพาะปลูกข้าวนาปีก็ประสบปัญหาภัยพิบัติธรรมชาติ (น้ำท่วม และภัยแล้ง เมื่อปี 2562) เช่นกัน ดังนั้น การอบรมให้ความรู้ด้านประกันภัยในครั้งนี้ นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับเกษตรกรในจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่จะสามารถนำระบบประกันภัยมาเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติและภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด อันจะช่วยให้ภาคเกษตรกรรมของจังหวัดมีการเติบโตอย่างยั่งยืนและสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของจังหวัดที่ว่า “มั่งคั่งด้วยเกษตรปลอดภัย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

รองเลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า การประกันภัยข้าวนาปี ในปีนี้มีความพิเศษที่รูปแบบกรมธรรม์ประกันภัย มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งกลุ่มเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. อัตราเบี้ยประกันภัย (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ในส่วนความคุ้มครองพื้นฐาน (ส่วนที่ 1) อยู่ที่ 97 บาทต่อไร่ ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยรัฐบาลอุดหนุน 58 บาทต่อไร่ และ ธ.ก.ส. อุดหนุนอีก 39 บาทต่อไร่ ดังนั้นเกษตรกรในกลุ่มนี้จะได้รับประกันภัยฟรี ส่วนเกษตรกรทั่วไปและเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ที่ต้องการซื้อประกันภัยเพิ่ม จะจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยตามพื้นที่ความเสี่ยงภัย (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ (พื้นที่สีเขียว) จ่ายเบี้ยประกันภัย 58 บาทต่อไร่ รัฐบาลจะอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นเกษตรกรในพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ (พื้นที่สีเขียว) ได้รับประกันภัยฟรี ส่วนพื้นที่ความเสี่ยงปานกลาง (พื้นที่สีเหลือง) จ่ายเบี้ยประกันภัย 210 บาทต่อไร่ รัฐบาลอุดหนุน 58 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่ายเบี้ยประกันภัยเอง 152 บาทต่อไร่ และพื้นที่ความเสี่ยงสูง (พื้นที่สีแดง) จ่ายเบี้ยประกันภัย 230 บาทต่อไร่ รัฐบาลอุดหนุน 58 บาทต่อไร่ เกษตรกรจะจ่ายเบี้ยประกันภัยเอง 172 บาทต่อไร่

โดยกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีจะให้ความคุ้มครองจากภัยน้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้ง หรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และภัยจากช้างป่า รวมถึงความคุ้มครองจากภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด

สำหรับการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปีนี้ได้กำหนดหลักการให้เกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของ ธ.ก.ส. และเกษตรกรทั่วไป ได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันภัย เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต 2562 โดยกำหนดค่าเบี้ยประกันภัยแบบอัตราเดียวอยู่ที่ 160 บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยรัฐบาลช่วยอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย 96 บาทต่อไร่ และ ธ.ก.ส. อุดหนุนค่าเบี้ยประกัน 64 บาท ต่อไร่ ดังนั้น ลูกค้าสินเชื่อของ ธ.ก.ส. จะได้รับประกันภัยฟรี ส่วนเกษตรกรทั่วไปหรือลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ต้องการซื้อประกันภัยเพิ่ม เบี้ยประกันภัย 160 บาทต่อไร่ รัฐบาลช่วยอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย 96 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยเอง 64 บาทต่อไร่ และเกษตรกรสามารถซื้อความคุ้มครองส่วนเพิ่มโดยจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยตามความเสี่ยงของพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งในปีนี้ มีการแบ่งพื้นที่เป็นรายอำเภอเช่นเดียวกับการประกันภัยข้าวนาปี โดยพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ (สีเขียว) เบี้ยประกันภัย 90 บาทต่อไร่ พื้นที่ความเสี่ยงปานกลาง (สีเหลือง) เบี้ยประกันภัย 100 บาทต่อไร่ พื้นที่ความเสี่ยงสูง (สีแดง) เบี้ยประกันภัย 110 บาทต่อไร่ โดยกรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ให้ความคุ้มครองจากภัยธรรมชาติ และจากภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด เช่นเดียวกับกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี

ในปี 2562 ที่ผ่านมา จังหวัดกาฬสินธุ์มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีที่ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วม จำนวน 99,215 ไร่ จากภัยแล้ง จำนวน 1,407 ไร่ รวมความเสียหายทั้งสิ้น 100,622 ไร่ โดยจ่ายค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 69,724,958 บาท ดังนั้น สำนักงาน คปภ. จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องเกษตรกรได้เห็นความสำคัญและจัดทำประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อนำระบบประกันภัยเข้ามาบริหารความเสี่ยง แบ่งเบาภาระความเสียหายจากภัยธรรมชาติและภัยจากศัตรูพืชหรือโรคระบาด ทั้งนี้ สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังสามารถทำประกันภัยฤดูแล้ง ได้ถึงวันที่ 15 มกราคม 2564 และหากต้องการข้อมูลความรู้ประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มเติม หรือมีข้อสงสัย สามารถสอบถามได้ที่ แอพพลิเคชั่น “กูรูประกันข้าว” หรือ สายด่วน คปภ. 1186 รองเลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย