Thursday, 13 February 2025 | 4 : 27 pm
spot_img
spot_img

4Quarter.co

Thursday, 13 February 2025 | 4 : 27 pm
spot_img
กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จัดสนาม 2 ภาคอีสาน เยาวชนนักเตะกว่า 540 คน เข้าร่วม โครงการ “KTAXA Know You Can Football Youth (U-15) Academy ปีที่ 5” ณ จังหวัดอุบลราชธานี   •   เอสซีจี เตรียมเสนอขายหุ้นกู้เรทติ้ง “A” แก่ประชาชนทั่วไป อายุหุ้นกู้ 4 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 3.20% ต่อปี เริ่มจองซื้อ 3 มี.ค. ’68 ผ่าน 5 ธนาคารชั้นนำ   •   พช. จัดงาน OTOP ON TOUR : เปิดตลาดภูมิปัญญาไทยพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างอาชีพให้กับชุมชน   •   ทิพยประกันภัย จับมือ สมาพันธ์คณะกรรมการอิสลามฯ 15 จังหวัดใต้ และ บริษัทโพรไวด์ ร่วมลงนาม เพื่อให้ชาวไทยมุสลิมเข้าถึงประกันภัยที่สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม   •   พรูเด็นเชียล ประเทศไทย จัดงานมอบรางวัล “Prudential Hospital Award 2024” เพื่อเป็นการขอบคุณสถานพยาบาลที่ให้บริการลูกค้าด้วยความเป็นเลิศ   •   การเคหะแห่งชาติ ครบรอบ 52 ปี ก้าวสู่ปีที่ 53 มุ่งเน้น “สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี”   •   เอไอเอ ประเทศไทย จับมือ บัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัม และ วีซ่า จัดคอนเสิร์ต “AIA VISA Exclusive Concert –Dual Marvels: A Day of Excitement”   •   กรุงเทพประกันภัย ร่วมส่งเสริมความปลอดภัย จัดอบรมให้ความรู้การปฐมพยาบาลแก่ชุมชนและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อการช่วยเหลือผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน   •   ประกันภัยไทยวิวัฒน์ วางเป้าใหญ่ปี 68เน้นย้ำองค์กร นวัตกรรมแห่งความยั่งยืน เติบโตควบคู่ธุรกิจชู Big Goal ให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยมากยิ่งขึ้น   •   กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต คว้า 2 รางวัลเกียรติยศจากเวที 5th Emerging Asia Insurance Conclave & Awards 2024 ตอกย้ำผู้นำประกันชีวิตที่มุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและส่งเสริมความเท่าเทียม   •   ออมสิน ท็อปฟอร์ม! คว้า 7 รางวัลรัฐวิสาหกิจ ปี 2567 “ระดับดีเด่น” มากสุดเป็นประวัติการณ์นับเป็นรัฐวิสาหกิจที่ได้รับรางวัลสูงสุด พร้อมครองรางวัลเกียรติยศ “รัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม” 2 ปีซ้อน   •   เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง ชู Green & Well Living 2025 ดันพอร์ตแนวราบ เปิดใหม่ 5 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท วางเป้ายอดขายพุ่ง 4,000 ล้านบาท   •   พลังบุญทิพยร่วมสร้าง เทศกาลมาฆบูชา ทิพยประกันภัย ร่วมสืบสานพระพุทธศาสนา จัดโครงการพลังบุญทิพยร่วมสร้าง ครั้งที่ 235 เทศกาลมาฆบูชา ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช   •   ทีทีบี เชิญชวนแฟน ๆ สัมผัสประสบการณ์สุดมหัศจรรย์โชว์ระดับโลก Disney On Ice 2025 มอบส่วนลดบัตรเข้าชมสุดพิเศษสูงสุด 15%   •   “มื้อนี้ K เลย” กับบัตรเครดิตกสิกรไทย จัดโปรฯ มื้อพิเศษต้อนรับเดือนแห่งความรัก รับความคุ้มค่ารวมสูงสุด 25%
spot_img

ธนาคารกสิกรไทย แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 กำไร 13,486 ล้านบาท

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ปี 2567 ยังคงเผชิญข้อจำกัดในการฟื้นตัว เพราะแม้จะมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับผลผลิตสินค้าเกษตรที่ลดลงจากผลกระทบของปัญหาภัยแล้ง ขณะที่การใช้จ่ายภายในประเทศขยายตัวแต่ในอัตราที่ชะลอลงทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี 2567 มองว่า เศรษฐกิจไทยอาจประคองเส้นทางการฟื้นตัวได้ดีขึ้น หากภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัว และมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการกลับมาเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และมาตรการอื่น ๆ ของภาครัฐ 

ท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยต่าง ๆ ในปีนี้ธนาคารกสิกรไทยได้วางยุทธศาสตร์ 3+1 โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการเติบโตด้านสินเชื่ออย่างมีคุณภาพภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม การขยายธุรกิจรายได้ค่าธรรมเนียม การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางการให้บริการ การแสวงหารายได้ใหม่ในระยะกลางและระยะยาว รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ทั้งลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน หน่วยงานกำกับดูแล และสังคม ภายใต้บริบทของเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน

ในไตรมาส 1 ปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 29,439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.93% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หลัก ๆ จากการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ในไตรมาสนี้ธนาคารพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) จำนวน 11,684 ล้านบาท โดยธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพียงพอ สะท้อนสถานการณ์ในปัจจุบัน และรองรับความไม่แน่นอนของปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจจะส่งผลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้มีจำนวน 13,486 ล้านบาท

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 38,528 ล้านบาท โดยมีอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.76% เป็นไปตามภาวะตลาด นอกจากนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิมีจำนวน 8,299 ล้านบาท หลัก ๆ จากการเติบโตของค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุน ค่าธรรมเนียมรับจากการรับรองตั๋ว อาวัล และค้ำประกัน และค่าธรรมเนียมรับจากธุรกิจบัตร รวมรายได้จากการดำเนินงานสุทธิมีจำนวน 50,152 ล้านบาท เติบโต 7.68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 20,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.65% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หลัก ๆ เป็นการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 41.30% ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 42.50%

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 29,439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.57% โดยหลัก ๆ เกิดจากค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เป็นปกติตามฤดูกาล รวมทั้ง ธนาคารและบริษัทย่อยได้บริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง แม้รายได้จากการดำเนินงานสุทธิลดลงเล็กน้อยจากกำไรจากการลงทุนในตราสารทางการเงินต่าง ๆ ที่ลดลงตามภาวะตลาด นอกจากนี้ มีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จำนวน 11,684 ล้านบาท ซึ่งยังคงสอดคล้องกับหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4,318,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 จำนวน 35,253 ล้านบาท หรือ 0.82% ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนในตราสารทางการเงินเพิ่มตามการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม เงินให้สินเชื่อสุทธิลดลงตามภาวะตลาด ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.19% และค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) อยู่ที่ระดับ 150.35% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 19.37%

spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img